ฉบับลอง Flipbook PDF


24 downloads 110 Views

Recommend Stories


Porque. PDF Created with deskpdf PDF Writer - Trial ::
Porque tu hogar empieza desde adentro. www.avilainteriores.com PDF Created with deskPDF PDF Writer - Trial :: http://www.docudesk.com Avila Interi

EMPRESAS HEADHUNTERS CHILE PDF
Get Instant Access to eBook Empresas Headhunters Chile PDF at Our Huge Library EMPRESAS HEADHUNTERS CHILE PDF ==> Download: EMPRESAS HEADHUNTERS CHIL

Story Transcript

Content Part 1 Part 2 Part 3

Part 4

Part 5

Thai Food ไม่ต้องไปถึงเกาหลี... ก็ได้ EAT!

Japan Food

สูตรลับแดนมังกร

France Food

Member 64080500460

ฟ้ารุ่ง

64080500487

อัญชลิยล ผลยา

64080500471

64080500491

64080500503

แกะนำพาสุข

รุจิรา

ดวงจันทร์

อารียา

ธีรการุณวงศ์

อรวรรณ เถาถวิล

()

(อุ้มจันทร์) (Ahem)

(จันทราที่สาดส่อง)

(ดวงดาวที่ส่องแสง)

Thai food

ขนมไทยชาววัง

แต่หลังจากการติดต่อค้าขายกับต่างชาติ วัฒนธรรมด้านอาหารของต่างชาติก็เข้ามามี อิทธิพลกับอาหารไทยมากขึ้น ขนมก็ด้วยเช่นกัน ขนมไทย จึงมีความหลากหลายมาd ขึ้น จนปัจจุบันยังยากที่จะแยกออกว่า ขนมใดคือขนมไทยแท้ขนมไทยนั้นเกิดมี มานานแล้วตั้งแต่ประเทศไทยยังเป็นสยามประเทศ ซึ่งสมัยนั้นได้ติดต่อ ค้าขายกับ ต่างชาติ โดยมีการแลกเปลี่ยนติดต่อกันทั้งทางด้านสินค้า วัฒนธรรม ขนมไทยในยุคแรกๆ เป็นเพียงนำข้าวไปตำหรือโม่ให้ได้แป้ง และนำ ไปผ สมกับน้ำตาล หรือมะพร้าว เพื่อทำเป็นขนม ยุคที่ขนมไทยมีความ หลากหลายและเฟื่ องฟู ที่สุดคือ ช่วงที่สตรีชาว โปรตุเกส "มารี กีมาร์ เดอปิน่า " ได้สมรสกับ เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ จนได้รับการแต่งตั้งเป็น ท้าวผู้หญิงวิชาเยนทร์ ต่อมาได้บรรดาศักดิ์ เป็น " ท้าวทองกีบม้า " โดยรับราชการใน พระราชวัง ตำแหน่ง "หัวหน้าห้องเครื่องต้น" สันนิษฐานว่าชื่อ ตำแหน่ง ทองกีบม้า น่าจะเพี้ยนมาจากชื่อ "ตองกีมาร์" นั้นเอง

ระหว่างที่รับราชการ อยู่นั้น ท้าวทองกีบม้า ได้สอนการทำขนม หวานตำรับของชาว โปรตุเกส แก่บ่าวไพร่ ขนมเหล่านั้น ได้แก่ทองหยอด ทองหยิบ ฝอยทอง สังขยา หม้อแกง ฯลฯ ซึ่งมีไข่เป็นส่วนผสม สำคัญ ต่อมามีการเผย แพร่สอนต่อกันมา จน ขนมของท้าวทองกีบ ม้า เป็นที่รู้จักของคน ทั่วไป จึงมีคนยกย่อง ท้าวทองกีบม้าให้เป็น "ราชินีขนมไทย"

"ขนมพระพาย"

เมนู “ขนมพระพาย” ซึ่งขนมนี้จะทำ ไส้จากถั่วกวนหวาน ๆ และแป้งข้าว เหนียวนุ่ม ๆ เป็นตัวแป้งห่อไส้ ราด หน้าด้วยน้ำกะทิมัน ๆ โดยในสมัย โบราณนั้นขนมชนิดนี้จะทำขึ้น เฉพาะในพิธีงานแต่งงานเท่านั้น เพื่อ แสดงให้เห็นถึงความรักที่เหนียวแน่น ของคู่บ่าวสาวนั่นเอง

Kanom Look Choup. Ingredient 1. ถั่วเขียวซีกดิบ 500 กรัม 2. กะทิข้น ๆ 1 1/2 ถ้วยตวง 3. น้ำตาลทราย 2 1/2 ถ้วยตวง 4. สีผสมอาหารสีต่าง ๆ วุ้นสำหรับชุบ 1. วุ้นผง 2 ช้อนโต๊ะ 2. น้ำ 2 ถ้วยตวง 3. น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วยตวง

วิธีการทำขนมลูกชุบชาววัง 1. แช่ถั่วเขียวในน้ำประมาณ 3 ชั่วโมงใส่ลังถึงรองผ้า ขาวบาง นึ่งให้สุกเปื่ อย นำไปบดให้ละเอียด 2. ผสมถั่วเขียวนึ่งบด น้ำตาลทราย กะทิ ให้เข้ากัน กวนไฟร้อนปานกลาง จนกระทั่งถั่วแห้งปั้ นได้ ยกลง พักไว้ให้เย็น 3. ปั้ นถั่วที่กวนแล้วให้เป็นรูปผลไม้ชนิดต่าง ๆ เช่น ชมพู่ เชอร์รี่ มะม่วง พริก ฯลฯ ใช้พู่กันจุ่มสี ระบาย ถั่วรูปผลไม้ ให้เหมือนของจริงแล้วเสียบไม้เล็ก ๆ ปัก ไว้บนโฟมพักให้แห้ง 4. เคี่ยววุ้นกับน้ำให้ละลาย ใส่น้ำตาล 1/4 ถ้วย ต้ม ให้เดือด นำผลไม้ที่ปั้ นไว้ลงชุบวุ้นให้ทั่วปักบนโฟมให้ แห้ง ทำเช่นนี้ประมาณ 3 ครั้ง จนขนมขึ้นเงาสวยงาม ใช้ขั้วมะเขือเทศ ก้านพริกใบไม้ เช่น ใบแก้ว แต่ง ขนมให้เหมือนของจริง

1. เทน้ำอุ่นลงในอ่างใส่ดอก อัญชัน ทิ้งไว้ให้สีในกลีบดอก อัญชันละลายออกมา พอน้ำ หายร้อน ใช้มือ ค่อยๆขยำเบาๆ ให้กลีบดอกอัญชัน หมดสี กรองน้ำ ดอกอัญชันผ่าน ผ้าขาวบางลงใน อ่างผสม เตรียมไว้

3. ทำกะทิอบควันเทียนโดยใส่ หัวกะทิ น้ำ น้ำตาล เกลือสมุทร และใบเตยมัดปมลงในหม้อ ยก ขึ้นตั้งไฟกลาง คนจนน้ำตา ละลายดี รอให้กะทิเดือดอีก ครั้ง ปิดไฟ พักไว้ให้หายร้อน เอาใบเตยออก 4. อบควันเทียน กะทิโดยจุดเทียน 2. ค่อยๆใส่น้ำ อบที่อยู่ในถ้วย มะนาวลงในน้ำ รอให้ไส้เทียนเดือด อัญชันเล็กน้อยแค่พอให้เปลี่ยน พล่าน รีบเป่าให้เทียนดับ แล้ว เป็นสีม่วง (อาจจะไม่ต้องใส่ วางถ้วยเทียนอบลงในหม้อ ปิด หมด) ใส่แป้งมันสำปะหลัง คน ฝาหม้อทันที อบควันเทียนทิ้งไว้ ให้เข้ากัน กรองส่วนผสมผ่าน ประมาณ 30 นาที ตะแกรงลงในกระทะทองเหลือง 5. จัดเสิร์ฟโดยตักกะทิใส่ถ้วย ใส่น้ำตาลทราย คนให้เข้ากัน ใช้ช้อนเล็กจุ่มน้ำหมาดๆ ตัก ยกกระทะขึ้นตั้งบนไฟอ่อน ใช้ แป้งที่กวนไว้เป็นคำเล็กๆลงใน ไม้พายกวนแป้งไปเรื่อยๆ น้ำกะทิ ตักเนื้อมะพร้าวอ่อนใส่ จนเเป้งสุกข้น ลักษณะแป้งจะ ตามชอบ ตกแต่งด้วยกลีบดอก ใสและข้น เทใส่ชามพักไว้ให้ อัญชัน เย็นสนิท

วัตถุดิบ น้ำอุ่น 2 ถ้วย ดอกอัญชัน 25 ดอก น้ำมะนาว ¼ ช้อนชา แป้งมันสำปะหลัง ¾ ถ้วย น้ำตาลทราย 1½ ช้อนโต๊ะ เนื้อมะพร้าวอ่อน ½ ถ้วย ดอกอัญชันสำหรับตกแต่ง กะทิอบควันเทียน หัวกะทิ 1 ถ้วย น้ำ ½ ถ้วย น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ เกลือสมุทร ¼ ช้อนชา ใบเตยมัดปม 2 ใบ

เครื่องดื่ม สมุนไพรไทย

ไม่ต้องไปถึงเกาหลี.. ก็ได้ 9

ไม่ต้องไปถึงเกาหลี..ก็ได้ EAT!

EAT! ภาพ : Canva by changupn

แรกเริ่มเดิมทีเกาหลีเป็นประเทศเกษตรกรรม โดยชาวเกาหลีจะเพาะปลูกข้าวเป็นอาหารหลัก มาตั้งแต่โบราณกาล มาในสมัยนี้อาหารเกาหลี จะเป็นตำหรับ ซึ่งประกอบไปด้วยเนื้อสัตว์นานา ชนิด ปลา พร้อมด้วยพืชสีเขียวและผักต่าง ๆ

젓갈 อาหารทะเลหมักเกลือ) และท็อนจัง (된장 - ถั่ว อาหารหมักดองต่าง ๆ เช่น กิมจิ ช็อดกัล (

เหลืองหมักเหลว) ขึ้นชื่อในรสชาติโดยเฉพาะ และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง

ผู้เขียน : อุ้มจันทร์

2

กิมจิ : Kimchi :

김치

กิมจิผักกาดขาวตำรับเกาหลี วัตถุดิบ/ส่วนผสม ผักกาดขาว

1 หัว

เกลือ

2 ช้อนโต๊ะ

แป้งข้าวเจ้า

1 ช้อนโต๊ะ

พริกป่นเกาหลี

½ ถ้วย

น้ำปลา

4 ช้อนโต๊ะ

น้ำตาลทราย

2 ช้อนโต๊ะ

ต้นหอมซอย

3 ต้น

หอมใหญ่หั่นชิ้น ¼ หัว กระเทียม

3 กลีบ

ขิงสับ

½ ช้อนชา

วิธีทำ 1. เติมเกลือลงในน้ำเปล่า 1 เติมเกลือลงใน น้ำเปล่า 1+½ ถ้วย ใส่ผักกาดขาวหั่นชิ้น ลงไปแช่ประมาณ 3-4 ชั่วโมงหรือจนนิ่ม นำขึ้นมาใส่อ่างผสมแล้วพักไว้ 2. ใส่น้ำเปล่า 1 ถ้วยลงในหม้อใบเล็ก ใส่แป้ง ข้าวเจ้าลงไป คนไปเรื่อย ๆ ด้วยไฟกลาง ประมาณ 5 นาทีหรือจนข้น 3. จากนั้นเทลงไปในชามผสม ปรุงรสด้วย พริกป่นเกาหลี น้ำปลา และน้ำตาลทราย คนผสมจนเข้ากันแล้วพักทิ้งไว้จนเย็น 4. ใส่ต้นหอม หอมใหญ่ และขิงลงไป คนผสม พอเข้ากัน เทลงในอ่างผสมที่ใส่ผักกาด ขาวไว้ นวดผสมจนเข้ากัน 5. ขั้นตอนสุดท้ายตักใส่ภาชนะที่เป็นขวดโหล เพื่อเก็บไว้ หรือตักใส่ถ้วยพร้อมเสิร์ฟ 11

ไม่ต้องไปถึงเกาหลี..ก็ได้ EAT!

กิมจิโคชูจัง วัตถุดิบ/ส่วนผสม ผักกาดขาว

2 หัว

น้ำส้มสายชู หัวไช้เท้า หั่นแว่น

1 หัว

เกลือ

3 กำมือ

แครอท

1 หัว

ต้นหอม หั่นเป็นท่อน

3 ต้น

กระเทียมโขลกละเอียด พริกชี้ฟ้าปั่ นละเอียด ขิงบดละเอียด น้ำตาลทราย

3 ช้อนโต๊ะ

โคชูจัง

2 ช้อนโต๊ะ

น้ำปลา วิธีทำ 1. นำผักกาดขาวไปแช่น้ำ ใส่น้ำส้มสายชูลง ไปเล็กน้อย แช่ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที 2. พอครบตามเวลานำผักกาดขาวใส่ลงใน กะละมังใบใหญ่ ตามด้วยหัวไช้เท้า จากนั้นใส่เกลือลงไปตามด้วยน้ำให้พอดี กับผัก พักทิ้งไว้ประมาณ 4 ชั่วโมง พอครบเวลานำผักมาล้างน้ำ 3 ครั้ง ให้หายเค็มและบีบน้ำออกจากผักให้หมด 3. นำขิงบด กระเทียมบด และพริกชี้ฟ้าไป ปั่ นเข้าด้วยกันจนละเอียด ใส่ลงไปผสม กับ ผักกาดขาว ใส่แครอท, ต้นหอม, น้ำตาลทราย, โคชูจัง และน้ำปลา คลุกเคล้าให้เข้ากัน ปรุงรสตามชอบ 4. จัดเก็บใส่กล่อง หรือภาชนะที่มีฝาปิด วางทิ้งไว้โดยไม่ต้องแช่เย็น ประมาณ 14-18 ชั่วโมง ผู้เขียน : อุ้มจันทร์

4

13

ไม่ต้องไปถึงเกาหลี..ก็ได้ EAT!

비빔밥)

Bibimbap (

วัตถุดิบ/ส่วนผสม ซอสโคชูจัง

2 ช้อนโต๊ะ

ข้าวญี่ปุ่น

1 ถ้วย

พริกไทย

1 ช้อนชา

ซอสปรุงรส

1 ช้อนโต๊ะ

น้ำมันงา

1 ช้อนโต๊ะ (สำหรับหมัก)

ผักโขม

100 กรัม

เห็ดหอม

100 กรัม

ถั่วงอก

100 กรัม

เห็ดเข็มทอง

100 กรัม

แตงกวา

100 กรัม

แครอท

100 กรัม

น้ำตาล

1 ช้อนโต๊ะ

น้ำส้มสายชู

¼ ถ้วย

ไข่ไก่

1 ฟอง

กิมจิ

100 กรัม

น้ำมันงา วิธีทำ

2 ช้อนโต๊ะ (สำหรับผัด)

1. ใส่หมูสไลซ์ลงในชามผสม ตามด้วยพริกไทย ซอสปรุงรส และน้ำมันงา (สำหรับ หมัก) คลุกเคล้าให้เข้ากัน และหมักไว้ 30 นาที 2. นำน้ำตาล ผสมกับน้ำส้มสายชู คนให้เข้ากันจนน้ำตาลละลาย และราดลงบน ผักทั้งหมด ได้แก่ ผักโขม เห็ดหอม ถั่วงอก เห็ดเข็มทอง แตงกวา และแครอท 3. นำกระทะขึ้นตั้งไฟปานกลาง และนำหมูสไลซ์ที่หมักไว้ไปผัดจนสุก 4. นำกระทะขึ้นตั้งไฟปานกลาง เทน้ำมันงาลงไปนิดหน่อย และนำผักไปผัดทีละอย่าง 5. นำชามหินสไตล์เกาหลีขึ้นตั้งไฟแรงให้ชามร้อนทั่ว 6. นำของที่ผัดเตรียมไว้มาเรียงใส่ชาม ได้แก่ ข้าวญี่ปุ่น ผักโขม เห็ดหอม ถั่วงอก เห็ดเข็มทอง แตงกวา แครอท และหมูสไลซ์ จัดวางกิมจิ และโคชูจังลงไป ท้ายสุดตอกไข่ไก่ใส่ลงตรงกลาง 7. จัดเสิร์ฟ เวลาทาน คลุกเคล้าให้เข้ากันในชามร้อน ๆ ผู้เขียน : อุ้มจันทร์

6

พัทบิงซู : Patbingsu :

팥빙수

팥빙수

วัตถุดิบ/ส่วนผสม พัทบิงซู ( ) มีความหมายว่า น้ำแข็งใสใส่ถั่วแดง เกิดขึ้นในสมัยราชวงศ์โชซอน นมข้นหวาน 5 ช้อนโต๊ะ ปี 1392-1897 และเริ่มกลายเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปในปี 1910-1945 เมื่อกาลเวลาผ่าน ไป พัทบิงซูก็พัฒนาและกลายมาเป็นบิงซูในปัจจุบัน นมสดรสจืด (แบบมีไขมัน) 500 มิลลิกรัม ซึ่งมีการประยุกต์ส่วนผสมต่าง ๆ ลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติที่แปลกใหม่และน่าลิ้มลอง ถั่วแดง 2 ช้อนโต๊ะ (ถ้าชอบกินใส่เยอะ ๆ ได้เลย) มากยิ่งขึ้น โดยส่วนผสมสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือ เกล็ดน้ำแข็งที่ทำมาจากนม ไซรัป ผงชินนาม่อน 2 ช้อนชา (สำหรับเพิ่มรสชาติ) และผลไม้นานาชนิดที่หั่นเป็นชิ้นกินพอดีคำ แต่ในวันนี้เราจะพา ขนมต๊อกหรือเค้กข้าว (ใส่ตามใจชอบ)เพราะด้วยความหอมหวานของถั่วแดงและขนม เพื่อน ๆ ไปทำพัทบิงซูแบบดั้งเดิมกัน ต๊อกที่ให้สัมผัสถึงความนุ่มหนึบหนับกินแล้วละลายในปาก วิธีทำ 1. เทนมสดและนมข้นหวานใส่ลงชามผสม แล้วคน ส่วนผสมให้เข้ากัน 2. นำทั้งหมดเทใส่ถุงซิปล็อค ปิดปากถุงให้สนิท ไล่ อากาศออกจากถุงให้ได้มากที่สุด 3. จากนั้นนำไปแช่ช่องฟรีส เพื่อให้นมแข็งตัวเป็น เกล็ดน้ำแข็ง วางถุงนมเป็นแนวราบเพื่อให้ชั้นนม เป็นแผ่นบางที่สุด รอประมาณ 3 ชั่วโมง เพื่อให้นม แข็งตัวจนกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็ง 4. นำถุงนมที่แช่ไว้ออกมาจากตู้เย็น ใช้ช้อนบี้หรือกด ลงไป เพื่อให้น้ำแข็งแตกตัวเป็นเกล็ดละเอียด 5. นำถุงนมเข้าช่องฟรีสใหม่อีกรอบแล้วรอประมาณ 10 นาที เพื่อให้น้ำแข็งที่ละลายจับตัวเป็นเกล็ด หิมะ 6. นำถุงนมออกมาบี้ให้กลายเป็นเกล็ดละเอียดอีก รอบ เทใส่ถ้วยและจัดรูปทรงของเกล็ดน้ำแข็งให้ เป็นก้อนกลม ๆ น่ารับประทาน 7. นำถั่วแดงจัดลงด้านบนเกล็ดน้ำแข็งให้สวยงาม โรยผงชินนามอนลงไปให้ทั่ว 8. จากนั้นตกแต่งหน้าด้วยขนมต๊อกหรือเค้กข้าว และ ราดนมข้นเพื่อเพิ่มความหวาน 9. เมื่อทำเสร็จแล้วก็สามารถทานได้เลย 7

ไม่ต้องไปถึงเกาหลี..ก็ได้ EAT!

붕어빵

พุงออปัง ( ) เป็นขนมปังรูป ปลาทอง ซึ่งใช้แป้งสาลีผสมกับน้ำมันและ เนยเล็กน้อย ให้รสสัมผัสกรอบนอกนุ่มใน เนื้อหวาน โดยข้างในจะสอดไส้ถั่วแดงหรือ ไส้ครีม และยังมี อิงออปัง ( ) จะ เป็นรูปปลาคาร์ป และใช้แป้งข้าวเหนียว ผสมน้ำมัน เนย ในปริมาณที่มากกว่า ให้ รสชาติหอมนุ่มชุ่มฉ่ำ

ปั ง ออ

Bun ge

ออมุก

ng Ppa o-

พุง

잉어빵

uk Eom

붕어빵

어묵

r t e S e t n F a o e r od o K มนูเด็ดที่ห้ามพลา 7 เม

าด

ผู้เขียน : อุ้มจันทร์

8

美味しい



食べる

食べます

Japan Food 日本食

เมนูอาหารญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันนั้น มี ต้นกำเนิดจากอาหารพื้นเมืองในช่วงก่อนสิ้นสุด การปิดประเทศญี่ปุ่น ประมาณปี พ.ศ.2411 ซึ่ง เรียกว่าช่วงยุคกลางหรือตั้งแต่สมัยเอโดะ ใน สมัยนั้นคนญี่ปุ่นนิยมกินอาหารประเภท ทอด ชา และอาหารจำพวกถั่วหมัก เป็นต้น หลังจากนั้นก็มี พัฒนาการทางอาหารเรื่อยมา จนกระทั่งเข้าสู่ยุค ใหม่ คือช่วงหลังจากการเปิดประเทศ ทำให้อาหาร ญี่ปุ่นได้รับอิทธิพลเรื่องส่วนผสม วิธีการปรุงจาก ประเทศตะวันตกบางส่วน และได้นำมาประยุกต์ให้ เข้ากับวิธีการกินอาหารของคนญี่ปุ่น จึงส่งผลให้ วิถีชีวิตด้านการกินอาหารของคนญี่ปุ่น เปลี่ยนแปลงมาจนถึงปัจจุบัน และจุดเด่นที่เห็นได้ ชัดของเมนูอาหารญี่ปุ่นคือ วัตถุดิบที่คัดสรรตาม ฤดูกาล ที่มีทั้งความสดใหม่และมีคุณภาพดี จึง ทำให้แต่ละเมนูนั้นล้วนมีประวัติเรื่องราวมาอย่าง ยาวนาน

ปัจจัยด้านภูมิศาสตร์และสิ่งแวดล้อม ประเทศญี่ปุ่นมีลักษณะภูมิประเทศ เป็นเกาะที่รายล้อมด้วยทะเลทั้งยังเป็นบริเวณที่ มีกระแสน้ำอุ่นและกระแสน้ำเย็นไหลมาบรรจบ กันทำให้ญี่ปุ่นมีแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์มาก โดยเฉพาะอาหารทะเลหรือปลาชนิดต่างๆที่ได้ กลายมาเป็นอาหารหลักของชาวญี่ปุ่นแต่ เนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลบ่อยและ รุนแรงไม่ว่าจะเป็นแห้งแล้งฝนตกหนักหรือ หนาวเย็นเฉียบพลันทำให้มีการคิดค้นการถนอม วัตถุดิบต่างๆโดยนิยมใช้น้ำส้มสายชูในการหมัก ซึ่งน้ำส้มสายชูที่ชาวญี่ปุ่นใช้นั้นทำมาจากการนำ ข้าวกล้องหรือส่วนผสมของข้าวโพดและแป้ง สาลีมาหมักกับโคจิราจึงทำให้น้ำส้มสายชูที่ได้มี ส่วนผสมของกรดอะซิติกและกรดซิติกที่ช่วยใน กายับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดการเน่าเสียได้ ง่ายและการคิดค้นการถนอมวัตถุดิบของชาว ญี่ปุ่นนี้เองก็ได้เป็นต้นกำเนิดของเมนูอาหาร ญี่ปุ่นหลากหลายเมนู

อิทธิพลจากการทำการค้ากับประเทศ ฝั่ งตะวันตก การเปิดประเทศของญี่ปุ่นในปี พ.ศ.2396นับว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เพราะหลังจากได้ทำการค้าก็มีการปรับ เปลี่ยนในด้านต่างๆจากวัฒนธรรมกินปลา เพียงอย่างเดียวและไม่นิยมกินเนื้อสัตว์อื่น ก็เปลี่ยนมากินตามอิทธิพลตะวันตกอาหาร ญี่ปุ่นบางอย่างก็ได้รับเอวัฒนธรรมจาก ชาติอื่นมาผสมผสานด้วยเช่นกันคนญี่ปุ่น เองก็ยอมรับว่าเมนูอาหารญี่ปุ่นบางอย่าง ก็ได้รับอิทธิพลมาจากที่อื่น ๆคนญี่ปุ่นจึงได้ ทำการจัดแยกประเภทอาหารขึ้นมาและ ทำการตั้งชื่อให้โดยเฉพาะเช่นหากเป็น อาหารญี่ปุ่นที่ได้รับอิทธิพลมาจากตะวันตก จะเรียกกันว่า โยโชกุ โดยได้นำมาปรับปรุง รสชาติให้เข้ากับรสนิยมการบริโภคของชาว ญี่ปุ่นมากขึ้น เป็นต้น

สิ่งที่ขาดไม่ได้ในอาหารญี่ปุ่น

สิ่งที่ขาดไม่ได้ในอาหารญี่ปุ่น เมนูอาหารญี่ปุ่นส่วนใหญ่ มีองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้ คือ ข้าว สาหร่าย ซุป โปรตีน แตงกวาดอง สลัด เครื่องดื่มและขนม ส่วนข้าวที่มีอยู่ใน อาหารญี่ปุ่น ได้แก่ ข้าวขาวนึ่ง (Hakumai) ข้าวกล้อง (Genmai) หรือข้าวสวยผสมข้าวบาร์เลย์ (Mugi) นอกจากนี้ ยังมีข้าวจานที่มีการ หุงด้วยผัก และอาหารทะเล หรือโปรตีน ที่เรียกว่า "Takikomi Gohan" นอกจากนั้น ยังมีเครื่องปรุงหลัก ๆ ที่ใช้ในการปรุงอาหาร ได้แก่ โชยุ เรียวริชู หรือสาเกปรุงอาหาร มิริน ดาชิ และมิโซะ ซึ่ง เครื่องปรุงต่าง ๆ นั้นก็เกิดขึ้นจากวัฒนธรรมการกินอาหารที่พิถีพิถัน ของชาวญี่ปุ่นด้วยเช่นเดียวกัน

ข้อความ

................................................ ................................................ ................................................ ................................................ ................................................ ................................................ ................................................ ................................................ ................................................ ................................................ ................................................ ................................................ ................................................ ................................................ ................................................ ................................................ ................................................ .

สู ตรลับ แดนมังกร

25

จันทราที่สาดส่อง ภาพโดย www.behance.net

MAPO TOFU เต้าหู้ผัดเสฉวน

สูตรการทำ วัตถุดิบ เต้าหู้ขาวญี่ปุ่นแบบเเข็ง (เต้าหู้ โมเมน) แป้งสาลี (คลุกกับเต้าหู้ขาว ญี่ปุ่น) น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ + แป้ง ข้าวโพด หมูสับ ตามชอบ กระเทียมสับ ต้นหอมซอย พริกแดงสับ 3 เม็ด เห็ดหอม 2 ชิ้น พริกป่น 1 ช้อนชา พริกกุ้ยหลิน 2 ช้อนโต๊ะ ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ นํ้าตาลทราย 1 ช้อนชา เหล้าจีน 1 ช้อนโต๊ะ นํ้ามันงา 1 ช้อนชา นํ้าสต็อค

วิธีทำ ใช้มีดหั่นเต้าหู้ขาวญี่ปุ่นเป็นชิ้นหนา ๆ จากนั้น ตั้ง กระทะ ใส่น้ำมัน นำเต้าหู้ขาวญี่ปุ่นคลุกกับแป้งสาลี แล้วลงทอดในกระทะ โดยใช้ไฟกลาง ให้มีสีเหลืองทอง ตั้งกระทะใหม่ ใส่น้ำมันลงไป ตามด้วย กระเทียมสับ พริกแดงสับ ผัดให้มีกลิ่นหอม จากนั้น ใส่หมูสับ ลงไป ผัดให้เข้ากัน ปรุงรสด้วย พริกป่น พริกกุ้ยหลิน ซอสหอยนางรม น้ำตาลทราย คลุกเคล้าให้เข้ากัน เพิ่มกลิ่นหอมด้วย เหล้าจีน น้ำมันงา จากนั้น เติมน้ำ สต็อคลงไปเล็กน้อย ตามด้วยเห็ดหอม คนให้เข้ากัน เทน้ำเปล่าผสมกับแป้งข้าวโพด ละลายให้เข้ากัน แล้ว ค่อย ๆ เทลงไปในกระทะ คนให้เข้ากัน ให้น้ำมีความ ข้นเหนียวตามต้องการ จัดจาน ตักเต้าหู้ขาวญี่ปุ่นทอดใส่จาน ราดด้วยน้ำซอส และส่วนผสมต่าง ๆ โรยหน้าด้วยต้นหอมซอย เป็นอัน เสร็จ

ภาพ : biancazapatka.com

26

SCALLION PANCAKE แพนเค้กต้นหอม

27

ภาพ : biancazapatka.com

ซงโหยวปิ่ ง (แพนเค้กต้นหอม)

สูตรการทำ วิธีทำ

ล้างต้นหอมให้สะอาดแล้วซับน้ำจน แห้ง จากนั้นนำต้นหอมมาซอยเป็น ชิ้นไม่ต้องละเอียดมากนัก นำมาตี ผสมกับไข่ไก่ให้เข้ากัน

วัตถุดิบ ไข่ไก่ ต้นหอม แป้งอเนกประสงค์ เกลือ น้ำเปล่า น้ำมันพืช

ผสมแป้งอเนกประสงค์, เกลือ และ น้ำมันพืช ให้เข้ากันจากนั้นค่อย ๆ เทแป้งและน้ำลงผสมทีละน้อยจน เข้ากันและได้เนื้อแป้งที่มีลักษณะ คล้ายก้อนแป้งโรตี พักแป้งไว้ ประมาณ 20 นาที จากนั้นนำก้อนแป้งที่พักไว้มานวด อีกครั้งจนนุ่มแล้วแบ่งเป็นก้อน ขนาดตามชอบ แผ่ก้อนแป้งให้บาง ลงแล้วทาด้วยน้ำมันที่ทำไว้ก่อน หน้าบาง ๆ จนทั่ว พับทบไปมาจน แป้งนิ่มขึ้นแล้วใช้ไม้นวดแป้งหรือ มือแผ่ก้อนแป้งให้แบนเหมือนโรตี นำไปทอดด้วยกระทะก้นแบน ใช้ไฟ กลาง ทอดจนแป้งสุกกรอบทั้ง 2 ด้านแล้วนำมาพักให้หายร้อนเล็ก น้อย ใช้มือตบให้แป้งฟูขึ้นแล้วหั่น ชิ้นจัดเสิร์ฟ

28

SHU MAI ขนมจีบ

ส่วนผสม ( สำหรับ 50 ลูก ) เแผ่นเกี๊ยว 1 ห่อ ( ชนิดบาง สำหรับห่อขนมจีบ ) หมูสับ 550 กรัม ไข่ไก่ 1/2 ฟอง แป้งมัน 2-3 ช้อนโต๊ะ พริกไทยป่น 1 ช้อนชา กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ หอมแดง 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมันงา 1 ช้อนชา ซีอิ๊วขาวเห็ดหอม 2 ช้อนชา น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ ผงปรุงรส 1 ช้อนชา น้ำเย็น หรือน้ำแข็ง 1/2 ถ้วย แครอทสับ 1 ถ้วย ต้นหอมซอย 2 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสมอื่นๆ กระเทียมเจียว 1/2 ถ้วย น้ำมันที่ได้จากการเจียว กระเทียม 1/2 ถ้วย ผักชี ผักสลัด น้ำจิ้มขนมจีบ จิ๊กโฉ่ว แบบ สำเร็จ

29

ภาพ : healthynibblesandbits.com

วิธีทำ 1.เตรียมหมูสับ ใส่ไข่ไก่ 1/2 ฟอง แป้งมันและตามด้วย เครื่องปรุง จากนั้นปั่ นให้ละเอียดเข้ากันดี ระหว่างปั่ นให้เติม น้ำเย็นลงไปเล็กน้อยด้วย เพื่อไม่ให้ส่วนผสมเหนียวเกินไป 2.ใส่ผักทั้งหมดจากนั้นปั่ นอีกรอบ ให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้า กัน เสร็จแล้ว ตักพักใส่ชามผสม แช่ไว้ในตู้เย็น 10-20 นาที 3.นำแผ่นเกี๊ยวมาตัดมุม แล้วค่อย ๆ เล็มให้พอเป็นวงกลม 4.เริ่มห่อขนมจีบ เทคนิคการห่อ ให้เอาแผ่นเกี๊ยววางลง ระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้ แล้วใช้อีกมือหนึ่งจับจีบ มือที่ถือ แผ่นเกี๊ยว ก็ให้ใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้ทั้งสอง ช่วยบีบแผ่นเกี๊ยว เข้าหาพร้อมกัน พอแผ่นเกี๊ยวอยู่ทรงแล้ว ให้ใช้ช้อนเกลี่ยไส้ ให้พอดี แล้ววางลงบบนถาดรอง เคาะกับพื้นถาดรองอีกเล็ก น้อย เพื่อให้เซ็ตตัว 5.เตรียมซึ้งสำหรับนึ่ง เมื่อน้ำเดือดแล้วลดไฟที่ใช้นึ่ง ให้ เหลือแค่ไฟกลาง จุ่มน้ำสะอาดแต้มที่ขอบขนมจีบทุกลูกเล็ก น้อย เพื่อไม่ให้ขนมจีบแข็งเกินไป ก่อนปิดฝา นึ่งขนมจีบ ประมาณ 5-10 นาที หรือจนกว่าจะสุก 6.เพื่อให้มีกลิ่นหอมมากขึ้นพอผ่านไปประมาณ 5 นาที ให้ ทาน้ำมันเจียวกระเทียมให้ทั่ว ๆ แล้วนึ่งต่ออีก 1 นาที วิธีเช็ กว่าขนมจีบสุกแล้วหรือไม่ ให้ใช้ไม้จิ้มฟัน จิ้มลงไปที่ไส้หมู ถ้าดึงขึ้นมา ไม่มีเศษเนื้อหมูติดขึ้นมา แสดงว่าสุกดีแล้ว 7.พอสุกดีแล้ว นำขนมจีบมาจัดใส่จาน โรยกระเทียมเจียวกร อบๆ เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มจิ๊กโฉ่ว ผักสด ผักชี ผักกาดหอม ตาม ชอบ เป็นอันเสร็จ

30

BLACK SESAME SOUP

ซุปงาดำ

งาขาวสำหรับโรย งาดำ 50 กรัม

วิปปิ้ งครีม 2 ช้อนโต๊ะ แป้งข้าวโพด 20 กรัม เกลือ ¼ ช้อนชา

31

ภาพ : fullofplants.com

วิธีทำ นำงาดำล้างผ่านน้ำ ก่อน นำไปคั่วด้วยไฟอ่อนให้ หอม พักให้เย็นลง 2.ปั่ นงาดำ กับน้ำสะอาด ครึ่งหนึ่งให้ละเอียด 3.เทส่วนผสมใส่หม้อ พร้อมด้วยน้ำที่เหลือ ต้ม ให้เดือดดี ปรุงด้วยน้ำผึ้ง และเกลือ 4.เมื่อเดือดดีแล้ว ละลาย แป้งข้าวโพดกับน้ำ สะอาด 50 กรัม ใส่ตามลง ไป เคี่ยวด้วยไฟต่ำจนสุก ข้น ตักใส่ถ้วยเสิร์ฟ ราด ด้วยครีมอุ่นๆ เสิร์ฟกับ ขนมขบเคี้ยว

ภาพ : onolicioushawaii.com

32

N C A E R F 33



Madeleines (มาเดอแลน) ขนมอบรูปร่างคล้ายเปลือกหอยมีความกรอบนอกนุ่ม ใน หอมกลิ่นเนย ขนมอบหน้าตาเรียบง่ายเสริฟพร้อมชา หรือกาแฟร้อนอร่อยถูกใจ หน้าตาของ Madeleines เหมือนขนมไข่ที่ทำขายในบ้านเราเลย

สูตรการทำ ส่วนผสม (ได้ประมาณ 20-24 ชิ้น ) เนยจืดละลาย 80 กรัม ไข่ 140 กรัม น้ำตาลเบเกอรี่ 110 กรัม ผิวเลมอน 1 ผล น้ำเลมอน 1 1/2 ช้อนโต๊ะ นม 30 กรัม แป้งสาลีอเนกประสงค์ 155 กรัม ผงฟู 6 กรัม เตาอบ : เปิดเตาอบเตรียมไว้ที่อุณหภูมิ 250 องศาเซลเซียส วิธีทำ 1. ตีไข่กับน้ำตาลจนเป็นสีขาว ใส่ผิวเลมอนและ น้ำเลมอน คนให้เข้ากัน 2. เติมนม 15 กรัม 3. ผสมแป้งสาลีและผงฟู ใส่ลงในส่วนผสมไข่ เติมเนยละลาย (ที่เย็นแล้ว) คนด้วยพาย ใส่นม ที่เหลือ 15 กรัม 4. นำส่วนผสมแช่ช่องแช่แข็งหรือฟรีซเซอร์นาน 15 นาที หรือแช่ในตู้เย็นช่องธรรมดา 24 ชั่วโมง เนื้อจะดีที่สุด หรืออย่างน้อย 12 ชั่วโมง 5. บีบส่วนผสมลงบนพิมพ์ นำเข้าเตาอบที่ลดไฟ ลงเหลือ 200 องศาเซลเซียส อบนาน 10-12 นาที

ภาพโดย (เพจ Lovelylittlekitchen)

34

35

ภาพโดย (เพจ onikaskitchen)

Crème Brulee (แครมบรูว์เล) ของ หวานที่แสนอร่อยของฝรั่งเศส ด้านล่างเป็น คัสตาร์ด ด้านบนเป็นคาราเมลถูกเบิร์นให้ดู ไหม้เล็กน้อยให้เป็นสีน้ำตาล คัสตาร์ดส่วน ใหญ่เป็นรสวนิลา บ้างก็เป็นรสอื่น เช่น กาแฟ ชาเขียว ช็อกโกแลต รสสัมผัสของแครม บรูว์เลเนื้อนิ่มเนียนนุ่ม หอมอร่อย

ส่วนผสม เฮฟวี่ครีม 3/4 ถ้วย นมจืด 3/4 ถ้วย ไข่แดง 4 ฟอง ไข่ไก่ 1 ฟอง น้ำตาลทราย 1/3 ถ้วย กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา เกลือ 1/4 ช้อนชา วิธีทำ 1. เทเฮฟวี่ครีมกับนมจืดลงไปในหม้อ ตั้ง ไฟปานกลาง แล้วคนจนส่วนผสมเข้า กัน จากนั้นก็ปิดไฟแล้ววางพักไว้ 2. ผสมไข่แดงกับไข่ไก่ ตีให้เข้ากัน จากนั้น ก็ใส่น้ำตาลทรายกลิ่นวานิลลา และ เกลือ ตีให้เข้ากัน 3. ค่อยๆ เติมครีมและนมที่ผสมไว้ เทลง ไปในชามไข่ ตีให้เข้ากันอีกครั้ง 4. เตรียมเตาอบที่อุณภูมิ 90 องศา วาง ถ้วยสำหรับใส่ขนมลงไปในถาด จากนั้น ให้ใส่น้ำร้อนลงไปในถาดด้วย เทไป ประมาณเกือบถึงครึ่งถ้วย 5. เทขนมลงไปในถ้วย แล้วนำเข้าเตาอบ 30 นาที ใช้อุณภูมิ 90 องศา อบจนขนม เซตตัว จากนั้นก็นำออกมาวางพักไว้ แล้วแช่ตู้เย็น 6. ก่อนที่จะเสิร์ฟให้นำออกมาจากตู้เย็น แล้วโรยน้ำตาลทรายให้ทั่ว ถ้าที่บ้าน ไม่มีที่พ่นไฟ ให้เอาก้นช้อนไปลนไฟ แล้วนำมานาบกับน้ำตาลทราย 7. เมื่อน้ำตาลทรายละลายก็จะกลายเป็น คาราเมลเคลือบแข็งพร้อมเสิร์ฟได้เลย ค่ะ

36

เริ่มต้นแนะนำอาหารยอด นิยมของฝรั่งเศสกันด้วยเมนู ที่มี หอยทาก หรือ Escargot (เอส คาร์โก้) เป็นตัวเอก หอยทาก หรือ Escargot ซึ่งมักจะนำมาปรุงเป็น เมนูต่างๆ ส่วนใหญ่ที่เห็นและขึ้น ชื่อมากๆก็คงเป็นเมนู Escargot au Beurre Persillé หรือหอยทาก อบเนย เมนูStarter เรียกน้ำย่อย ความอร่อยของใครหลายๆคน



ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) หอยทาก 12 ตัว ส่วนผสมเนย หอมแดงสับ 20 กรัม กระเทียมสับ 20 กรัม พาร์ สลีย์สับ 30 กรัม เนยจืด พักให้นุ่ม 150 กรัม เกลือ ป่น 5 กรัม พริกไทยป่น 1 กรัม น้ำมะนาวและคอน ญักเล็กน้อย ขนมปัง 2 แผ่นสำหรับเสิร์ฟ วิธีทำ 1. ผสมส่วนผสมเนยทั้งหมด ให้เข้ากัน ปรุงรสด้วย เกลือ พริกไทย น้ำมะนาว และคอนญัก 2. ล้างหอยทาก พักไว้ให้ สะเด็ดน้ำ นำเนื้อหอยใส่ กลับลงไปในเปลือกที่ล้าง สะอาดแล้ว 3. บีบส่วนผสมเนยให้เต็ม เปลือกหอย พักไว้ให้เย็น 4. อบในเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส 1520 นาทีหรือจนมีสีเหลือง สวย เสิร์ฟกับขนมปังปิ้ ง

37

หอยทากที่นิยมนำมาทำเมนู Escargots au Beurre Persillé ก็ คือ Escargots de Bourgogne จากแคว้นบูร์กอญ (Bourgogne) หรือเบอร์กันดี(Burgundy) แคว้น ที่เต็มไปด้วยไร่องุ่น ที่นี่คือแหล่ง ผลิตไวน์ชั้นดี และเป็นที่มาของ ไวน์รสเลิศติดอันดับต้นๆของโลก

Classic France

ภาพโดย (เพจ The Crazy Tourist)



Duck leg Confit (ดั๊ก กงฟี) อีกหนึ่ง อาหารฝรั่งเศสที่ต้องลอง อาหารฝรั่งเศสจานนี้ จะนำส่วนน่องของเป็ดมาทำกระบวนการที่ เรียกว่า Confit

เป็นกรรมวิธีในการถนอม

อาหารอย่างหนึ่ง โดยการนำน่องเป็ดอวบๆมา หมักกับเครื่องเทศต่างๆ ปรุงรสด้วยเกลือ พริก ไทย ไวน์ขาว จากนั้นนำไปตุ๋นด้วยน้ำมันที่มา จากเป็ดนั่นเอง

เมื่อตุ๋นเสร็จสามารถเก็บไว้ได้

นานหลายเดือน

เมื่อจะทานก็นำมาทอดด้วย

น้ำมันที่มาจากเป็ดเช่นกัน เสริฟพร้อมมันฝรั่ง หรือผักอื่นตามชอบ

อาจทำน้ำซอสราดตาม

สูตรของตัวเอง

ดั๊ก กงฟีจัดเป็นเมนูที่มีไขมันและโปรตีน สูง ซึ่งน่าจะเป็นทางเลือกของคนที่กำลังกิน อาหารคีโตอยู่

ส่วนผสม ดั๊ก กงฟี (เนื้อเป็ดดองในน้ำมันเป็ด) 1 ชิ้น ผักร็อกเก็ต พริกหวาน มะเขือเทศ แรดิช จำนวนตามชอบ น้ำส้มสายชูบัลซามิก น้ำมันมะกอก เกลือ พริกไทย อย่างละเล็กน้อย ตีให้เข้ากัน วิธีทำ 1. ทอดเป็ดในน้ำมันเป็ดที่แช่ไว้

และใช้ไฟ

ปานกลาง รอจนสุก แล้วจึงกลับด้าน (อย่า กลับบ่อยเพราะเนื้อเป็ดอาจจะหลุดไม่เป็น ชิ้น) ทอดจนหนังเป็ดสุกกรอบ ทั้งเนื้อและ หนังเป็ดเป็นสีน้ำตาล พักให้สะเด็ดน้ำมัน 2. จัดใส่จานเสิร์ฟพร้อมสลัด ภาพโดย (เพจ Theguardian)

38

Coq au vin (กอโกแว็ง) หรือไก่ตุ๋นไวน์แดง อีกหนึ่งเมนูยอดฮิตของฝรั่งเศสที่แสนจะ คลาสสิค และไม่มีความซับซ้อนในกรรมวิธีการทำ ไวน์ที่นำมาใช้ถ้าจะให้ดีก็ต้องเป็นไวน์ที่มาจาก เบอร์กันดี(Burgundy) แหล่งผลิตไวน์ชื่อดังของฝรั่งเศส เพราะฝรั่งเศสขึ้นชื่อเรื่องของไวน์ดังนั้น จึงไม่แปลกใจที่เมนูนี้เป็นอีกหนึ่งเมนูต้องห้ามพลาดเมื่อไปฝรั่งเศส

ส่วนผสม น่องไก่ติดสะโพกหรืออกไก่ 4 ชิ้น เบค่อน 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันมะกอก 1 ช้อนชา เห็ดแชมปิญอง 3 ช้อนโต๊ะ มันฝรั่งปอกเปลือก 5 ลูก แครอท 1 หัว หั่นเต๋า หอมหัวใหญ่ 1 หัว หั่นเต๋า เซเลอรี่ 1 ถ้วย พาสลี่ย์สับ 1/2 ถ้วย มะเขือเทศ 2-3 ลูก โรสแมรี่ ไธม์ พาสลีย์ เห็ดแบบที่ชอบ 2 ถ้วย ผ่า4ส่วน ไวน์แดง 750-1,000 มิลลิลิตร เกลือ 1 ช้อนชา พริกไทย ตามใจชอบ

39

วิธีทำ 1. เริ่มปรุงไก่ด้วยเกลือ พริกไทย ตั้ง กระทะใส่น้ำมันมะกอก นำไก่ไปจี่ให้ ขึ้นสีสวยทั้งสองด้าน แล้วนำขึ้นมาพัก ไว้ 2. ใช้กระทะใบเดิม ใส่เบค่อนผัดลงไปให้ คายน้ำมันออกมา จากนั้นต่อด้วยหอม ใหญ่ เซเลอรี่ แครอท เห็ด มะเขือเทศ โรสแมรี่ ไธม์ และพาสลีย์ แล้วผัดให้ นิ่มงวดเข้ากัน จากนั้นนำชิ้นไก่ลงใน กระทะ 3. ใส่ไวน์แดงแล้วตั้งให้เดือด จากนั้นหรี่ ไฟลงให้อ่อนๆ ตั้งเคี่ยวไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง ปรุงรสด้วย เกลือ พริกไทย พอ เปื่ อยดี ก็เตรียมใส่จานพร้อมเสิร์ฟ ภาพโดย (เพจ themodernproper)

อาหารฝรั่งเศส ที่ห้ามพลาด

Escargots

Foie Gras

หอยทากที่จะนิยมนำมาทำเมนู Escargots au Beurre Persillé ก็คือ Escargots de Bourgogne จากแคว้น บูร์กอญ (Bourgogne) หรือเบอร์กันดี (Burgundy) แคว้นที่เต็มไปด้วยไร่องุ่น ที่นี่คือแหล่งผลิตไวน์ชั้นดีและเป็นที่มา ของไวน์รสเลิศติดอันดับต้นๆของโลก

เมนูสุดหรูราคาแพงที่รังสรรมาจาก ตับห่าน และตับเป็ด ที่ถูกขุนให้อ้วนเป็น พิเศษ ตับที่ขุนให้อ้วนเป็นพิเศษนี้จะมีขนาด ใหญ่กว่าปกติ เนื้อตับที่นำมาปรุงเป็นเมนูเลิศ รสจึงอร่อยและแน่นนุ่มละมุนลิ้นจนแทบ ละลายในปาก

ขนมอบความอร่อยดั้งเดิม ของฝรั่งเศสที่มีเชอร์รี่เป็นนางเอกวาง เรียงบนส่วนผสมของแป้ง ไข่ นม น้ำตาล นำไปอบจนสุก ต้นกำเนิดของขนม Clafoutis มาจากแคว้นลีมูแซ็ง (Limousin) แหล่งปลูกเชอร์รี่ของ ฝรั่งเศส เชอร์รี่ที่ใส่จะใส่ไปทั้งเม็ดเพราะ เม็ดจะทำให้มีกลิ่นหอม

Croissant

Macaron

Crème Brulee

ขนมอบรูปทรงคล้ายพระจันทร์ ครึ่งเสียว ที่หากินได้ง่ายมากในเมืองไทย ต้นกำเนิดจริงๆของครัวซอง เล่ากันว่ามา จากเวียนนา แต่ไม่ว่าจะมีต้นกำเนิดเกิด ที่ไหนเมื่อมีโอกาสได้ไปเที่ยวฝรั่งเศสแล้ว ก็ขอแนะนำให้ลองกินครัวซองของ ฝรั่งเศสดูว่าจะอร่อยต่างกับบ้านเรา อย่างไร

ขนมหวานหลากสีสวยงามมีรูปร่าง คล้ายคุกกี้ทรงโดมกลมมน 2 ชิ้นที่ประกบกัน เหมือนแฮมเบอร์เกอร์ และมีไส้ตรงกลาง ผิว ด้านบนจะเรียบมัน ตรงขอบมีลักษณะเป็นขุย หยักๆ สีสวย มีรสหวาน มาการองเป็นขนมที่ หากินได้ไม่ยากในเมืองไทย เวลาเปิดกล่องออก มาเห็นมาการองหลายสีเรียงสลับกันมันดูสวย และน่ากินมากแต่รสชาติก็หวานใช้ได้เลย

ของหวานที่แสนอร่อยของ ฝรั่งเศส ด้านล่างเป็นคัสตาร์ด ด้าน บนเป็นคาราเมลถูกเบิร์นให้ดูไหม้เล็ก น้อยให้เป็นสีน้ำตาล คัสตาร์ดส่วน ใหญ่เป็นรสวนิลา บ้างก็เป็นรสอื่น เช่น กาแฟ ชาเขียว ช็อกโกแลต รสสัมผัส ของแครมบรูว์เลเนื้อนิ่มเนียนนุ่ม หอม อร่อย

(เอสคาร์โก้)

(ครัวซอง)

(ฟั วกราส์)

(มาการอง)

Clafoutis (กลาฟู ติส)

(แครมบรูว์เล)

40

Yummy Yummy Yummy

Get in touch

Social

© Copyright 2013 - 2024 MYDOKUMENT.COM - All rights reserved.