โครงงานผงโรยข้าวจากผัก Flipbook PDF

โครงงานผงโรยข้าวจากผัก

65 downloads 110 Views 7MB Size

Recommend Stories


Porque. PDF Created with deskpdf PDF Writer - Trial ::
Porque tu hogar empieza desde adentro. www.avilainteriores.com PDF Created with deskPDF PDF Writer - Trial :: http://www.docudesk.com Avila Interi

EMPRESAS HEADHUNTERS CHILE PDF
Get Instant Access to eBook Empresas Headhunters Chile PDF at Our Huge Library EMPRESAS HEADHUNTERS CHILE PDF ==> Download: EMPRESAS HEADHUNTERS CHIL

Story Transcript

โครงงาน เรื่อง ผงโรยข้าว คณะผู้จัดทำ นายอชิรวิชญ์ อัจจิมาธร เลขที่ 13 นางสาวปณิตตรา ขวัญคุ้ม เลขที่ 18 นางสาวกิตติยาภรณ์ ทรงประโคน เลขที่ 28 นางสาวเนติพร สุพันธ์ เลขที่ 36 นางสาวฉัตรณภา ภู่นพคุณ เลขที่ 40 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/8 ครูอารยา บัววัฒน์ รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาการสื่อสารและการนำเสนอ รหัสวิชา I30202 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒


บทคัดย่อ โครงงานเรื่องผงโรยข้าวจัดทำขึ้นมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ที่ไม่ชอบทานผักหรือ กลิ่นของผัก ให้ สามารถก้าวข้ามผ่านความยากลำบากจากการไม่ชื่นชอบผักและเพลิดเพลินกับการทานผักได้ ในการทดลองโครงงานผงโรยข้าว ผู้จัดทำได้ใช้ส่วนประกอบผักที่มีอยู่ในส่วนประกอบของ อาหารทั่วไป ที่หาได้ไม่ยากแต่มีคุณค่าทางโภชนาการ เช่น แครอทที่เป็นพืชในแถบเอเชียตะวันออกและ กลาง ได้รับความนิยม แถมยังมีสรรพคุณอีกมากด้วย อย่างเช่น ช่วยบำรุงผิว บำรุงกระดูกฟัน ช่วยลด คอเลสเตอรอลโดยนำมาผสมเข้ากับเนื้อแห้ง ส่วนผสมทั้งหมดเป็นของแห้ง นำมาอบในหม้ออบไอน้ำ ระบายความชื้นจนแครอทแห้งและกรอบจากนั้นนำแครอทมาบดเป็นผง ก่อนมาผสมกับเนื้อแห้ง ที่ถูก บดเป็นผง สาหร่าย และงาขาว ที่มีคุณสมบัติและสรรพคุณในการช่วยบำรุงกระดูก เส้นผม ช่วยให้หลับ สบาย บรรเทาอาการปวดข้ออักเสบ บำรุงหัวใจ และ ยังเป็นพืชที่ดีต่อสุขภาพ เพราะอุดมไปด้วยคุณค่า ทางโภชนาการสูง มีคุณค่าทางโภชนาการที่สำคัญมากมายอีกด้วย จากนั้นจึงบรรจุลงบรรจุภัณฑ์ ที่ ออกแบบเป็นโลโก้ ที่สื่อและบ่งบอกถึงความเป็นผลิตภัณฑ์ จากการให้กลุ่มเป้าหมายได้ลองรับประทานผงโรยข้าว พบว่าผงโรยข้าวรสหมูแผ่นกรอบเป็นที่ ชื่นชอบมากที่สุด แต่ก็ยังมีสิ่งที่ต้องแก้ไข เพราะฉะนั้นผู้จัดทำจะนำคำติชมของผู้ที่ได้ตอบแบบสอบถาม มาปรับปรุงและแก้ไขผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้นมากแน่นอน


กิตติกรรมประกาศ โครงการวิจัยนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีจากอาจารย์อารยา บัววัฒน์ ครูที่ปรึกษา ที่ให้คำแนะนำและ ให้ข้อมูล ขอขอบพระคุณคุณครู โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒ ท่ีได้ให้คําแนะนําตลอดจน ตรวจสอบ เคร่ืองมือท่ีใช้ในงานวิจัย อนึ่ง ผู้วิจัยหวังว่า งานวิจัยฉบับนี้จะมีประโยชน์อยู่ไม่น้อย จึงขอมอบส่วนดีทั้งหมดนี้ให้แก่ เหล่า อาจารย์ท่ี่ได้ประสิทธิ์ประสาทวิชา จนทําให้ผลงานวิจัยเป็นประโยชน์ต่อผู้เกี่ยวข้อง และขอมอบ ความ กตัญญูกตเวทิตาคุณแด่บิดา มารดา และผู้มีพระคุณทุกท่าน ตลอดจนเพ่ื่อน ๆ ท่ี่คอยให้ความช่วย เหลือ และกําลังใจตลอดมา คณะผู้จัดทํา


สารบัญ หน้า บทคัดย่อ………………………………………………………………………………………………………………………ก กิตติกรรมประกาศ…………………………………………………………………………………………………………ข สารบัญ…………………………………………………………………………………………………………………………ค บทที่ 1 บทนำ………………………………………………………………………………………………………………..1 ที่มาและความสำคัญ…………………………………………………………………………………………..1 วัตถุประสงค์ของการศึกษา……………………………………………………………………………….…1 สมมติฐานของการศึกษา……………………………………………………………………………………..1 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ…………………………………………………………………………………..1 บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง………………………………………………………………………………………………2-11 บทที่ 3 วิธีการดำเนินการ……………………………………………………………………………………………….12-15 บทที่ 4 การวิเคราะห์ข้อมูล…………………………………………………………………………………………….16-17 บทที่ 5 สรุปผล การอภิปรายผล และข้อเสนอแนะ…………………………………………………………….18 บรรณานุกรม…………………………………………………………………………………………………………………19


1 บทที่1 บทนำ ที่มาและความสำคัญ เนื่องจากในปัจจุบันมีผู้คนบางส่วนไม่ชอบรับประทานผัก เมื่อไม่รับประทานผักจึงนำมาซึ่ง ปัญหาสุขภาพที่มาจากการไม่ทานผัก เช่น การขาดสารอาหาร การขับถ่ายที่ไม่สะดวก ดังนั้นเพื่อ แก้ปัญหาเหล่านี้จึงได้ศึกษาและหาแนวทางทำให้คนเหล่านั้นสามารถรับประทานผักได้อย่างสบายใจ และได้รับสารอาหารจากผักได้ สิ่งที่เลือกทำคือ ผงโรยข้าวผักอบแห้งปรุงรส เริ่มศึกษาจากผักแต่ละชนิด เช่น เห็ดหูหนูอบแห้ง มีรสจืด มีสรรพคุณเป็นยาบำรุร่างกาย ปอด ตับ กระเพาะอาหาร และลำไส้ใหญ่ ช่วยบรรเทาอาการไอ อาเจียนเป็นเลือด เห็ดนางฟ้าอบแห้ง มีกลิ่นหอม รสหวานมีความกรอบ มีสรรพคุณช่วยบำรุงกระเพาะ อาหาร ช่วยการไหลเวียนโลหิต บรรเทาอาการเจ็บปวด เช่น การปวดฟัน บรรเทาอาการตกเลือด แค รอท ช่วยบำรุงสายตา ต้อกระจก บล็อคโคลี มีสรรพคุณช่วยต้านทานมะเร็ง ดีต่อผู้ป่วยเบาหวาน ช่วยให้ หัวใจแข็งแรง ช่วยให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรง ประโยชน์ที่จะได้รับคือ สามารถแก้ไขปัญหาความไม่อยากทานผักได้โดยตรง และยังสามารถ ได้รับประโยชน์จากผักได้ด้วย และยังได้ศึกษาสารอาหารและประโยชน์ที่ได้จากผัก ซึ่งสามารถนำความรู้ ที่ได้ไปต่อยอดในอนาคต จุดประสงค์การศึกษา -เพื่อทำให้คนที่ไม่ชอบทานผักสามารถเพลิดเพลินกับการทานผักได้ สมมุติฐาน -การอบผักจะทำให้ความขมของผักลดลง และได้รับสารอาหาร ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ -ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ -คนที่ไม่ชอบรับประทานผัก จะได้สารอาหารจากผลิตภัณฑ์


2 บทที่2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ในปัจจุบันผู้คนเริ่มละเลยการทานผักมากขึ้นทำให้มีปัญหาสุขภาพตามมา คณะผู้จัดทำจึงหาวิธี ที่จะทำให้ผู้คนเริ่มหันมาทานผักกันมากขึ้น คณะผู้จัดทำจึงได้ศึกษาเกี่ยวกับผัก เพื่อจะมาทำผงโรยข้าว จากผัก โดยผู้จัดทำได้ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นพื้นฐานและสนับสนุนแนวคิดในการ ทำโครงงานดังนี้ 1. แครอท 2. คะน้า 3. เห็ดหูหนู 4. งาดำ 5. งาขาว แครอท แครอท สรรพคุณและประโยชน์ของแครอท 25 ข้อ แครอทชื่อสามัญ Carrot แครอทชื่อวิทยาศาสตร์ Daucus carrots L จัดอยู่ในวงศ์ผักชี (APIACEAL) หรือ (UMBELLIFERAE) แครอทเป็นพืชในแถบเอเชียตะวันออกและเอเชียกลางเป็นที่นิยมปลูกและรับประทานทั้งใน ประเทศและต่างประเทศมีหลายขนาดตั้งแต่ขนาดเล็กเท่าดินต่อไปจนถึงขนาดใหญ่และมีหลากหลายสี เช่นสีเหลือง สีม่วง แต่ที่นิยมรับประทานนั้นจะเป็นแครอทสีส้มและยังจัดเป็นอาหารเพื่อสุขภาพอีกด้วย แครอทเป็นผักหรือผลไม้? คำตอบคือ แครอทเป็นผักเพราะแครอทคือส่วนของรากซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของพืชนั่นเองแค รอทจึงไม่ใช่ผลไม้แครอทอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์เช่นเบตาแคโรทีนวิตามินเอวิตามิน บี 1 วิตามินบี 2 วิตามินซีวิตามินที่ธาตุแคลเซียมธาตุโพแทสเซียมธาตุฟอสฟอรัสธาตุเหล็กและยังมี สารสำคัญคือการ“ ฟอลคารินอส (talcarinol) ซึ่งช่วยต่อต้านเซลล์มะเร็งเป็นต้นสำหรับประโยชน์ของ แครอทนั้นที่เล่น ๆ ก็เห็นจะเป็นการนำมาใช้ประกอบอาหารได้อย่างหลากหลายเมนูไม่ว่าจะเป็นของ หวานของคาวทั้งผัดทอดแกงต้มรูปสลัดก็มีแครอทเป็นส่วนประกอบทั้งนั้นและยังมีเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ อย่างน้ำแครอทปันอีกด้วยยังไม่หมดเท่านี้สรรพคุณของแครอทที่ใช้เป็นยารักษาโรคก็ใช้รักษาได้อย่าง หลากหลายเช่นกัน


3 สรรพคุณของแครอท 1. ช่วยบำรุงสุขภาพผิวให้สดใสเปล่งปลั่ง 2. ช่วยป้องกันเซลล์ผิวไม่ให้ถูกทำลายได้ง่ายจากมลภาวะแสงแดดต่าง ๆ 3. ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของร่างกาย 4. ช่วยบำรุงกระดูกฟันเหงียกเล็บให้แข็งแรงยิ่งขึ้น 5. มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระซึ่งมีส่วนช่วยในการชะลอวัยและการเกิดริ้วรอยแห่งวัย 6. ช่วยสร้างสร้างภูมิต้านทานโรคของร่างกายให้แข็งแรงยิ่งขึ้น 7. ช่วยยับยั้งต่อต้านการเกิดโรคมะเร็ง 8. ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย 9. ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง 10. ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด 11. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในระบบไหลเวียนของเลือด 12. ช่วยบำรุงเซลล์ผิวหนัง 13. ช่วยบำรุงเส้นผม 14. ช่วยลดอัตราการเกิดโรคหลอดเลือดสมองอัมพฤษ์อัมพาต 15. ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคหัวใจและภาวะหัวใจล้มเหลว 16. ช่วยบำรุงและรักษาสายตารักษาโรคฟางและต้อกระจก 17. ช่วยรักษาโรคถุงลมโป่งพองและไทยรอยด์เป็นพิษ 18. ช่วยย่อยอาหารและช่วยแก้และบรรเทาท้องผูก 19. แครอทมีสรรพคุณใช้เป็นยาขับปัสสาวะ 20. ใช้เป็นยาถ่ายพยาธิใส่เดือน 21. ช่วยรักษาฝีแผลเน่าต่าง ๆ ประโยชน์ของแครอท 1.นิยมนำมาประกอบอาหารทั้งคาวและหวาน เพื่อสุขภาพหรือน้ำแครอทหรือนำมาทำเป็นเค้กแครอท 2.ใช้ทำเป็นน้ำผลไม้เพื่อสุขภาพ 3.ในด้านความงามน่าแครอทผสมมะนาวทาผิวหน้าบำรุงผิวพรรณลดรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า 4.ใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสําอางบางชนิดเช่นสบู่แครอทเป็นต้น คุณค่าทางโภชนาการของแครอทต่อ 100 กรัม


4 พลังงาน 41 กิโลแคลอรี่ คาร์โบไฮเดรต 9.6 กรัม นํ้าตาล 4.7 กรัม พลังงาน 41 กิโลแคลอรี คาร์โบไฮเดรต 9.6 กรัม น้ำตาล 4.7 กรัม เส้นใย 2.8 กรัม ไขมัน 0.24 กรัม โปรตีน 0.93 กรัม วิตามินเอ 835 ไมโครกรัม 104% เบตาแคโรทีน 8,285 ไมโครกรัม 77% ลูทีนและซีแซนทีน 256 ไมโครกรัม วิตามินบี 1 0.066 มิลลิกรัม 6% วิตามินบี 2 0.058 มิลลิกรัม 5% วิตามินบี 3 0.983 มิลลิกรัม 7% วิตามินบี 5 0.273 มิลลิกรัม 5% วิตามินบี 6 0.138 มิลลิกรัม 11% วิตามินบี 9 19 ไมโครกรัม 5% วิตามินซี 5.9 มิลลิกรัม 7% วิตามินอี 0.66 มิลลิกรัม 4% ธาตุแคลเซียม 33 มิลลิกรัม 3% ธาตุเหล็ก 0.3 มิลลิกรัม 2% ธาตุแมกนีเซียม 12 มิลลิกรัม 3% ธาตุแมงกานีส 0.143 มิลลิกรัม 7% ธาตุฟอสฟอรัส 35 มิลลิกรัม 5% ธาตุโพแทสเซียม 320 มิลลิกรัม 7% ธาตุโซเดียม 69 มิลลิกรัม 5% ธาตุสังกะสี 0.24 มิลลิกรัม 3% ธาตุฟลูออไรด์ 3.2 ไมโครกรัม ที่ม า : https://medthai.com/แครอท /


5 10 ประโยชน์แครอท 10.1. บำรุงสายตา ประโยชน์ของแครอท อุดมไปด้วยสารเบต้าแคโรทีน หนึ่งในวิตามินที่ร่างกายต้องการ อีกทั้งมี ประโยชน์ที่ช่วยในเรื่องของการบำรุงสายตา โดยเฉพาะเนื้อเยื่อชั้นในของดวงตา หรือที่เรียกกัน โดยทั่วไปว่า เรติน่า ซึ่งการที่คุณรับประทานแครอทบ่อย ๆ ยังช่วยถนอมดวงตา ให้สามารถมองเห็นได้ อย่างปกติไปอีกนานเท่านาน 10.2. ป้องกันมะเร็ง แครอทนั้นมีประสิทธิภาพในการช่วยป้องกันโรคมะเร็งโดยเฉพาะการก่อตัวของมะเร็งปอด ทั้งนี้ เป็นเพราะในแครอทเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ อย่าง ฟาลคารินอล ซึ่งมีฤทธิ์ต้านมะเร็งได้เป็น อย่างดี ฉะนั้น ควรใส่แครอทเป็นส่วนผสมในอาหารจากหลักด้วย 10.3. เพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบไหลเวียนของเลือด เนื่องจากผู้คนในปัจจุบันไม่ค่อยใส่ใจกับการทานอาหารสักเท่าไหร่ ทำให้เกิดโรคเส้นเลือดอุดตัน ได้ง่าย โดยเฉพาะผู้ที่ชอบทานของหวาน และของทอด ทั้งนี้สารในแครอท จะเข้าไปกำจัดไขมันที่เกาะ สะสมอยู่ในเส้นเลือด ซึ่งช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น 10.4. รักษาระดับน้ำตาลในเส้นเลือด ไม่ว่าคุณจะอยู่ในช่วงอายุเท่าไหร่ และมีรูปร่างแบบใด ก็มีสิทธิ์ที่จะมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงได้ เหมือนกัน ซึ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานมากเลยทีเดียว ดังนั้น เพื่อป้องกันโรคร้าย ต่าง ๆ เหล่านั้น ก็ควรหมั่นทานแครอทอยู่เป็นประจำ เนื่องจากในแครอท มีสารแคโรทีนอยด์ ซึ่งสารตัว นี้ จะเข้าไปช่วยรักษาสมดุลระดับน้ำตาลในเส้นเลือดของคุณนั่นเอง 10.5. ปรับปรุงระบบย่อยอาหาร สำหรับคนที่อยากจะมีหุ่นดี หรือคนที่อยากจะลดน้ำหนัก การทานแครอท ถือเป็นตัวช่วยที่ดี เพราะแครอท จะเข้าไปเสริมสร้างประสิทธิภาพการทำงานให้กับระบบย่อยอาหาร ซึ่งช่วยให้ร่างกายเผา ผลาญพลังงานได้มากขึ้น 10.6. บำรุงผิวให้เปล่งปลั่ง แครอทยังมีสรรพคุณในเรื่องของการช่วยบำรุงผิวพรรณอีกด้วย เพราะทำให้ผิวชุ่มชื่น และดู เปล่งปลั่งอยู่เสมอ เพราะในแครอทชุ่มช่ำไปด้วยน้ำ เมื่อคุณทานเข้าไปก็เท่ากับว่าร่างกายได้รับน้ำเพิ่ม มากขึ้นด้วย ไม่เพียงเท่านั้น น้ำและสารอาหารของแครอทยังมีประโยชน์ในเรื่องของการบำรุงเส้นผมด้วย


6 10.7. เสริมความแข็งแรงของฟัน แครอทไม่ได้มีประโยชน์แค่ระบบต่าง ๆ ในร่างกายของคุณเท่านั้น เพราะยังช่วยเสริมสร้าง โครงสร้างของอวัยวะต่าง ๆ ได้อีกด้วย โดยในระหว่างที่คุณกำลังกัด ขบ เคี้ยวแครอท ถือเป็นการ เสริมสร้างสุขภาพฟันให้ดีขึ้นด้วย ฉะนั้นในแต่ละมื้ออย่าลืมหยิบแครอทมาเคี้ยวกันด้วย 10.8. เพิ่มประสิทธิภาพให้กับภูมิคุ้มกัน อีกหนึ่ง ประโยชน์ของแครอท ที่ร่างกายของคุณจะได้รับจากแครอท คือ การมีภุมิคุ้มกัน ร่างกายที่แข็งแรง ทั้งนี้เป็นเพราะแครอทมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย อีกทั้งมีคุณสมบัติในการสร้าง เนื้อเยื่อ ทำให้แผลหายเป็นปกติรวดเร็วมากขึ้น ไม่ว่าจะกินแครอทแบบดิบ ๆ หรือผ่านการปรุงสุก มาแล้วก็ตาม 10.9. มีฤทธิ์ขับพยาธิ สำหรับคนที่ต้องการขับพยาธิ ยาถ่ายอาจไม่ใช่คำตอบสุดท้ายเสมอไป เพราะแครอทมีฤทธิ์ช่วย ในการขับถ่ายพยาธิได้เช่นเดียวกัน อีกทั้งยังเป็นการรักษาที่ไม่มีสารเคมีตกค้างในร่างกายด้วย รับรอง เลยว่าเป็นยาที่ปลอดภัยทั้งเด็กและผู้ใหญ่ 10.10. ของว่างเพื่อสุขภาพ ปกติแล้วคนส่วนใหญ่มักจะคิดว่า แครอทสามารถนำไปประกอบอาหารคาวได้เพียงอย่างเดียว ซึ่งจริง ๆ แล้วแครอทสามารถนำมาทำขนมได้เหมือนกัน เช่น ขนมปังโฮลวีทแครอท หรือดื่มน้ำแครอท หวาน ๆ สักแก้วในระหว่างมื้อ สามารถช่วยดับหิว และดับกระหายได้ไม่ต่างจากขนมหวาน และ เครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ เลย ที่มา : https://www.sgethai.com/article/ คุณประโยชน์ของแครอท คุณค่าของสมุนไพร: ที่มีและไม่มีแอลกอฮอล์แครอทเป็นผักที่มีสีเหลืองอมส้มในหัวของแครอท มีสารเบต้าแคโรทีนในปริมาณที่สูงมีโปรตีนธาตุแคลเซียมฟอสฟอรัสเหล็กวิตามินเอบี 1 บี 2 และ วิตามินซีนิยมแต่งสีอาหารให้มีสีเหลืองนอกจากนี้น้ำมันที่ได้จากเมล็ดแครอทนิยมใช้แต่งกลิ่นอาหารและ เครื่องดื่มทั้งชนิด ad บินสารเบต้าแคโรทีในแครอทเป็นสารที่จะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ ประโยชน์ทางด้านสุขภาพและโภชนาการ: หน้าแครอทไว้ดื่มโดยให้ใช้แครอทหั่นเป็นชิ้นเล็ก ช้อนโต๊ะเติมน้ำต้มสุก 2 แก้วผสมน้ำเชื่อม 3 ช้อนโต๊ะเติมน้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะเกลือ ½ ช้อนชานให้ ละเอียดใส่น้ำแข็งเสิร์ฟได้ทันที 8 ในร่างกายซึ่งจะ เป็นประโยชน์ต่อร่างกายในเรื่องของโรคสายตาและ ใบหัวแครอทยังมีปริมาณเกลือโปรแตสเซียมสูงมีผลช่วยขับปัสสาวะได้วิตามินเอที่มีมาในแครอทมีผู้วิจัย


7 พบว่าคนที่รับประทานอาหารที่มีวิตามิน เอมาก ๆ จะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งบางชนิดน้อยลง เช่นมะเร็งกระเพาะในลำไส้คอหอยปอดและกระเพาะปัสสาวะ - หัวแครอทสดมีรสหวานกรอบสามารถนำไปประกอบอาหารได้หลายชนิดทั้งผัดผักตำแครอท แบบมะละกอดองหรือพูดให้ละเอียดนำไปกวนทำขนม วิธีการนำไปใช้รักษาโรค - ดื่มน้ำแครอทเป็นประจำจะช่วยควบคุมน้ำหนักได้ดีและ ทำให้มีผิวพรรณที่สวยงาม ที่มา : หนังสือเรื่อง ผักรักษาโรค หน้า 106-107 ผู้แต่งศิรินยา คะน้า คะน้า (Chinese Kale) เป็นพืชผักใบเขียว เป็นพืชผักสมุนไพร ที่เป็นที่รู้จักกันดี เป็นพืชล้มลุก สามารถใช้ประโยชน์ได้ตั้งแต่ใบ และลำต้น คะน้ามีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปเอเชีย และนิยมปลูกกันมาก ใน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นที่นิยมปลูกกันทั่วไปๆ ในประเทศไทย เป็นพืชที่มีมาแต่โบราณ มีประโยชน์ สรรพคุณทางยา ใช้นำมารักษาโรคต่างๆ ได้หลายอย่าง คะน้าจะมีกลิ่นเฉพาะตัว มีรสชาติหวานและ กรอบ สามารถนำมาประกอบ ปรุงอาหารเมนูต่างๆ ได้มากมายหลากหลายเมนู ที่มา : http://www.thai-food.com/th ประโยชน์สรรพคุณคะน้า มีวิตามินบีตา-แคโรทีน ช่วยลดมะเร็งกระเพาะอาหาร ช่วยลดมะเร็งลำไส้ ช่วยลดมะเร็งปอด ช่วยลดมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มีวิตามินซี ช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อ ช่วยให้ภูมิคุ้มกันโรคแข็งแรง มีแค ลเซี่ยม ช่วยเสริมสร้างกระดูก ข้อควรระวัง คะน้ามีสารกอยโตรเจน (goitrogen) ถ้ารับประทานมากๆ จะทำให้ท้องอืดได้ ผักคะน้า เป็นผักที่พบได้ทั่วเอเชีย นิยมปลูกมากในประเทศจีน ไทย มาเลเซีย เป็นผักที่มีระยะเวลาใน การเก็บเกี่ยวสั้นประมาณ 45 วัน ทนแดด ทนแล้งได้ดี จึงเป็นที่นิยมใช้เป็นผักเศรษฐกิจเพาะปลูกส่งขาย ในท้องตลาด ในบ้านเรานิยมปลูกกันอยู่ 3 สายพันธุ์ เรียกตามลักษณะใบ ได้แก่ พันธุ์ใบกลม พันธุ์ใบ แหลม พันธุ์ยอดหรือก้าน ข้อมูลจากองค์การอาหารและยา ระบุว่า ในคะน้าน้ำหนัก 100 กรัม จะมีสารอาหารหลักสำคัญ ต่อร่างกาย ก็คือ โปรตีนช่วยซ่อมแซมร่างกาย 2.7 กรัม ไขมัน 0.5 กรัม คาร์โบไฮเดรตให้พลังงานกับ ร่างกาย 3.8 กรัม ใยอาหาร 1.6 กรัม แคลเซียมช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน 245 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 80 มิลลิกรัม ธาตุเหล็ก 1.2 มิลลิกรัม เบต้าแคโรทีน 2,512 ไมโครกรัม วิตามินเอ 419 ไมโครกรัม ไทอะ


8 มิน 0.05 มิลลิกรัม ไรโบฟลาวิน 0.08 มิลลิกรัม ไนอะซิน 1.0 มิลลิกรัม ที่มีส่วนช่วยในการทำงานของ ระบบประสาท วิตามินซีช่วยบำรุงผิวป้องกันโรคหวัด 147 มิลลิกรัม สารต้านอนุมูลอิสระช่วยยับยั้งการ เจริญเติบโตของเนื้องอก ยับยั้งสารก่อมะเร็ง ช่วยเสริมการทำงานของเอนไซม์ ลดความเสี่ยงในการเกิด โรคในระบบทางเดินอาหาร ช่วยป้องกันโรคโลหิตจางได้ บรรเทาอาการหอบหืด รักษาโรคภูมิแพ้ รักษา โรคหวัด อย่างไรก็ตาม การรับประทานผักคะน้าก็มีสิ่งที่ต้องระวังอยู่บ้าง ก็คือ เรื่องสารเคมีอันตรายที่มา กับผัก ยอมรับว่าการเกษตรในปัจจุบันส่วนใหญ่เน้นการใช้สารเคมี ทั้งยาฆ่าแมลงและปุ๋ยเพื่อให้ได้ ผลผลิตตามที่ต้องการ จึงทำให้ผักนั้นเต็มไปด้วยยาฆ่าแมลง สารเคมี สารพิษที่ปนเปื้อนในดิน ยิ่งเป็นผัก ใบอ่อนด้วยแล้วยิ่งดูดซับสารเคมีเหล่านี้ได้ง่าย รับประทานเข้าไป จะเกิดการสะสมในตับและไต ซึ่งจะ เป็นพิษต่อตับและไตของคุณเอง ก่อนนำมารับประทานคุณควรล้างทำความสะอาดก่อนทุกครั้ง ด้วยการ ล้างน้ำหรือแช่น้ำสะอาด 2-3 ครั้ง หรือล้างด้วยการเปิดน้ำให้ไหลผ่านประมาณ 2-3 นาที อีกวิธีที่นิยม กันมาก ก็คือ ใช้น้ำยาล้างผัก แช่น้ำผสมน้ำส้มสายชู ด่างทับทิม หรือเกลือละลายน้ำ 2-3 รอบ เพื่อกำจัด ยาฆ่าแมลงออกไปให้ได้มากที่สุด สุดท้ายเราไม่ควรรับประทานผักคะน้าแบบดิบ เพราะผักคะน้ามีสารกอยโตรเจน (Goitrogen) ทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ควรนำไปทำให้สุกด้วยการต้ม ลวก ผัด ให้ความร้อนทำลายสารกอย โตรเจนจหมดเสียก่อนจึงนำมารับประทานได้อย่างปลอดภัย ที่มา : http://www.posttoday.com/life/healthy/577916 ประโยชน์และสรรพคุณจากผักคะน้า - มีสารต้านอนุมูลอิสระที่จะทำหน้าที่ช่วยชะลอความเสื่อมของสภาพเซลล์ต่างๆภายในร่างกายได้ - เสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้แข็งแรงทำให้สุขภาพดีขึ้น - บำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสุขภาพดีและช่วยต่อต้านการติดเชื้อ - อุดมด้วยวิตามินซีซึ่งมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างเนื้อเยื่อให้ผิวหนังชุ่มชื้นยิ่งขึ้น - สารเบต้าแคโรทีนจากผักคะน้าเมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะเปลี่ยนเป็นวิตามินและทำหน้าที่ช่วยบำรุงและ ถนอมสายตาได้ดี - มีสารลูทีน (Lutein) ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดต้อกระจกได้ 29% - ลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมและช่วยป้องกันการเสื่อมของศูนย์จอตาได้ - ช่วยบำรุงโลหิตและช่วยกระตุ้นให้ระบบการไหลเวียนเลือดให้ทำงานดียิ่งขึ้น


9 - ธาตุเหล็กและฟอสฟอรัสจากผักคะน้าจะช่วยเสริมสร้างเม็ดเลือดแดงเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคโลหิตจาง อย่างมาก อีกทั้งธาตุเหล็กยังเป็นสารอาหารที่เป็นส่วนประกอบของการสร้างกล้ามเนื้อและบำรุงเนื้อเยื่อ ต่างๆ อีกทั้งยังทำหน้าที่ช่วยขับออกซิเจนที่เลือกนำเอามาไว้ใช้ได้ดี - แคลเซียมในผักคะน้าสามารถช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง - เนื่องจากมีแคลเซียมสูง จึงมีสรรพคุณที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุนได้ - ช่วยลดระดับคลอเรสเตอรอลในกระแสเลือดได้ - มีแมกนีเซียมสูงซึ่งช่วยลดความถี่ในการเกิดอาการปวดศีรษะไมเกรนได้ - วิตามินอีจะช่วยป้องกันและลดปัญหาโรคความจำเสื่อม ช่วยให้อัตราการเปลี่ยนของความทรงจำ ทำงานช้าลงอีกทั้งยังสามารถช่วยชะลอความเสื่อมสภาพของเซลล์สมองได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย ที่มา : http://www.sanook.com/women/80877/ งาขาว งาขาว หนึ่งในธัญพืชเม็ดเล็กๆ ที่นิยมนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการปรุงอาหารทั้งคาวและหวาน ไม่ว่าจะเป็นการหมักเนื้อ ปรุงรส น้ำจิ้ม หรือแต่งหน้าทำขนมต่างๆ ก็ต้องโรยงาขาวด้วยเช่นกัน แต่ทราบ หรือไม่ว่าการรับประทานงาขาวเป็นประจำนั้นดีต่อสุขภาพอย่างยิ่ง โดยเฉพาะผู้ที่มีไขมันในเลือดสูงหรือ สาวๆ ที่ต้องการดูแลตัวเองให้อ่อนเยาว์ https://www.disthai.com/16941074/ ประโยชน์ของงาขาว - ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน - ช่วยบำรุงเส้นผม - ช่วยให้หลับสบาย - บรรเทาอาการปวดข้ออักเสบรูมาตอยด์ - ช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย - ช่วยคลายกล้ามเนื้อ - ช่วยลดความเสี่ยงโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดและหัวใจ - ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด - บำรุงหัวใจ


10 - บำรุงสมอง ป้องกันโรคอัลเซเมอร์สูง โดยพบว่าในงาขาวมีคุณค่าทางโภชนาการที่สำคัญ ได้แก่ พลังงาน 697กิโลแคลอรี น้ำ 3.0 กรัม โปรตีน 26.1 กรัม ไขมัน 64.2 กรัม คาร์โบไฮเดรต64.2 กรัม และแคลเซียม 90 มิลลิกรัม ซึ่งสารอาหารเหล่านี้ล้วนดีต่อสุขภาพร่างกายทั้งสิ้น ที่มา : https://medium.com/@anunchurasri/ประโยชน์ของงาขาว-ไอเดียการกินการใช้ เพื่อสุขภาพ-และข้อควรระวัง-3e0377c50bac คุณค่าทางโภชนาการของงาขาว งาขาว เป็นพืชที่ดีต่อสุขภาพเป็นอย่างมากเพราะอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยพบว่า ในงาขาวมีคุณค่าทางโภชนาการที่สำคัญ ได้แก่ พลังงาน 697 กิโลแคลอรี น้ำ 3.0 กรัม โปรตีน 26.1 กรัม ไขมัน 64.2 กรัม คาร์โบไฮเดรต64.2 กรัม และแคลเซียม 90 มิลลิกรัม ซึ่งสารอาหารเหล่านี้ล้วนดี ต่อสุขภาพร่างกายทั้งสิ้น. https://www.phuengluang.com/nga-kao/ งาดำ งาดำ จัดเป็นพืชที่มีคุณประโยชน์มากมาย การรับประทานเป็นอาหารเพื่อสุขภาพอย่างต่อเนื่อง เป็นประจำ จะช่วยเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรง เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายของคุณจะแข็งแรงกว่าผู้ที่ไม่ได้ รับประทานอย่างแน่นอน และเป็นยาที่รักษาได้ทุกโรค ประโยชน์ของงาดำ - ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส ชุ่มชื้น ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย - ช่วยซ่อมแซมและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับผิวหนังของคุณ - ช่วยเพิ่มพลังงานและความแข็งแรงของร่างกาย - ช่วยในการเผาผลาญและสลายไขมัน - ช่วยป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว - ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ ทำให้ระบบหัวใจแข็งแรงยิ่งขึ้น ฯลฯ ที่มา : https://medthai.com/%


11 คุณค่าทางโภชนาการของงาดำ -งาดำปริมาณ 100 กรัม ให้คุณค่าทางโภชนาการ ดังนี้ -พลังงาน 573 กิโลแคลอรี่ -โปรตีน 17.73 กรัม -คาร์โบไฮเดรต 23.45 กรัม -เส้นใยอาหาร 11.8 กรัม -ไขมันรวม 49.67 กรัม แบ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว 18.759 กรัม กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน 21.773 กรัม กรดไขมันอิ่มตัว 6.957 กรัม และกรดไขมันจำเป็นอื่นๆ -วิตามิน และแร่ธาตุที่สำคัญหลายชนิด เช่น ไฟโตสเตอรอล (Phytosterols) เบต้าแคโรทีน วิตามินเอ วิตามินอี แคลเซียม ธาตุเหล็ก หรือซีลีเนียม ที่มา : https://happymatefood.com/th/articles/22428- เห็ดหูหนู ฤทธิ์: สมดุล ผู้ที่ควรกิน: คนทั่วไป โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคโลหิตจาง ผู้ที่มีอาการท้องผูก ผู้ที่ไม่ควรกิน: แคลเซียมและวิตามินดีช่วยบำรุงกระดูกและฟัน ธาตุเหล็กป้องกันโรคโลหิตจาง เซลล์เก ลียช่วยขจัดสารพิษ เส้นใยอาหารช่วยให้ขับถ่ายคล่อง บำรุงไต ลดความเข้มข้นของเลือด ป้องกันไม่ให้ หลอดเลือดแข็งตัว ป้องกันไม่ให้กล้ามเนื้อหัวใจและแกนประสาทตาย เพิ่มเติม: ก่อนนำเห็ดหูหนูแห้งมากิน ควรแช่ให้อิ่มน้ำ แต่ไม่ควรใช้น้ำร้อนเพราะอุณหภูมิที่สูงจะ ทำลายเซลล์และส่งผลต่อการดูดซึมน้ำจนเห็ดหูหนูเละ ควรตัดส่วนที่เป็นตุ่มๆทิ้ง ทุก 100 กรัมมีเส้นใยอาหารเฉลี่ย 6.5 กรัม ทุก 100 กรัมมีเซลล์เกลียเฉลี่ย 22 กรัม ทุก 100 กรัมมีสารพอลิแซ็กคาไรด์เฉลี่ย 2.7 กรัท ทุก 100 กรัมมีสารเลซิทินเฉลี่ย 2 มิลลิกรัม ที่มา : หนังสือกินเปลี่ยนชีวิตด้วยอาหาร 100 ชนิดจากธรรมชาติหน้าที่ 128 ผู้แต่ง Health & Live


12 บทที่ 3 วิธีดำเนินการทดลอง วิธีดำเนินการทดลอง การศึกษาค้นคว้าเรื่อง ผงโรยข้าว เป็นการศึกษาค้นคว้ามุ่งศึกษาเกี่ยวกับผงโรยข้าว 10 ด้าน ดังนี้ 1) ด้านความสะอาด 2) ด้านกลิ่นของผงโรยข้าว 3) ด้านรสชาติของผงโรยข้าว 4) ด้านความสะดวกสบายในการรับประทาน 5) ด้านบรรจุภัณฑ์ของผงโรยข้าว 6) ด้านปริมาณของผงโรยข้าว 7) ด้านความสะดวกสบายในการจัดเก็บ 8) ด้านหน้าตาของผงโรยข้าว 9)ด้านระยะเวลาในการจัดเก็บ 10)ด้านความหน้าเชื่อถือของผงโรยข้าว ศึกษาเกี่ยวกับความต้องการและความพึงพอใจใศึกษาเกี่ยวกับความต้องการและความพึงพอใจ ในผงโรยข้าว โดยการเก็บรวบรวมข้อมูล การประเมินความพึงพอใจจํากความคิดเห็นของนักเรียน โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒ สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 2 ทางแก้ไข ปรับปรุง พัฒนาในจุดบกพร่องของครีมขัดรองเท้า เพื่อให้ผงโรยข้าวจากผักที่จัดทํามีคุณภาพมากที่สุด ทําการศึกษาค้นคว้าโดยมีวิธีการและขั้นตอนตามลำดับดังนี้ 1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 2. เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า 3. การเก็บรวบรวมข้อมูล 4. การวิเคราะห์ข้อมูล 5. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ 6. วัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือ


13 1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ประชากรที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าได้แก่ นักเรียนโรงเรียน นวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา๒ สังกัด สํานักงานเขตพื้นที่กํารศึกษามัธยมศึกษาเขต 2 กรุงเทพมหานคร จํานวน 61 คน 2. เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า วิธีการสร้างเครื่องมือในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ผู้ศึกษาได้ใช้แบบสอบถามที่ผู้ศึกษาจัดทาขึ้นเป็น เครื่องมือ ในการเก็บรวบรวมข้อมูลซึ่งผู้ศึกษาได้ได้สร้างแบบสอบถามให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์องค์ การศึกษา และขอบเขตของการศึกษาซึ่งประกอบด้วยคําถาม 2 ส่วนดังนี้ส่วนที่ 1 เป็นแบบสอบถาม เกี่ยวกับข้อมูล ปัจจัย ด้านบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถามมีลักษณะแบบสอบถามปลายปิด (Close Ended Respmonse question) ส่วนที่ 2 เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับคุณภาพของเป็นแบบสอบถาม เกี่ยวกับคุณภาพขอผงโรยข้าวจากผัก ตามความเห็นของได้แก่ นักเรียนและบุคลากรทําการศึกษา โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒ สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 2 กรุงเทพมหานคร มีลักษณะคําถามเป็น คําถามมาตรส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับตามวิธี ของ ลิเคิร์ท (Likert) คือ น้อยที่สุด น้อย ปานกลาง มาก และมากที่สุด โดยมีเกณฑ์การให้คะแนนและ เกณฑ์การให้คะแนนและเกณฑ์การจัดระดับ ดังนี้ ระดับความคิดเห็น ค่าน้ำหนักคะแนนของตัวเลือกตอบ น้อยที่สุด กําหนดค่าเท่ากับ 1 คะแนน น้อย กําหนดค่าเท่ากับ 2 คะแนน ปานกลาง กําหนดค่าเท่ากับ 3 คะแนน มาก กําหนดค่าเท่ากับ 4 คะแนน มากที่สุด กําหนดค่าเท่ากับ 5 คะแนน เกณฑ์ในการแปลความหมายค่าร้อยละของคะแนนระดับความเห็นเพื่อจัดระดับคะแนน การศึกษา สภาพการดําเนินกิจกรรมต่างๆกําหนดเป็นช่วงคะแนนดังต่อไปนี้ ช่วงคะแนนร้อยละ 80 คะแนนขึ้นไป = ดีมาก ช่วงคะแนนร้อยละ70-79คะแนน = ดี ช่วงคะแนนร้อยละ60-69คะแนน = ปานกลาง ช่วงคะแนนร้อยละ50-59คะแนน = พอใช้ ช่วงคะแนนร้อยละ40-49คะแนน = ปรับปรุง


14 3. เก็บรวบรวมข้อมูล ในการดําเนินการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลในครั้งนี้ผู้ศึกษาได้ดำเนินการตามลำดับขั้นตอน ดังนี้ ขอความร่วมมือจากนักเรียนโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒ สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษาเขต 2 กรุงเทพมหานครฯ ในการทําแบบสอบถามเพื่อการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลจากบุคลากร ทางสถานศึกษาโรงเรียนในสังกัด ผู้ศึกษานําแบบสอบถามในรูปแบบ Google form ในระหว่างวันที่ 24 ก.ย – 30 ก.ย เมื่อถึงกําหนดวันนัดหมายผู้ศึกษาส่งลิงค์แบบสอบถามให้กับผู้ประเมิน พร้อมตรวจสอบถูกต้อง ความ เรียบร้อยความสมบูรณ์ของข้อมูลในการตอบแบบสอบถามจํานวนข้อมูลที่ได้รับ จํานวน 61 ชุด ผู้ศึกษานําแบบสอบถามหรือข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้ไปวิเคราะห์และแปลผลข้อมูล 4. การวิเคราะห์ข้อมูล ผู้ศึกษําค้นคว้าดําเนินการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูลตามลําดับและผู้ ศึกษา ค้นคว้านําข้อมูลมาประมวลผลและวิเคราะห์ด้วยโปรแกรมสําเร็จรูปทางสถิติโดยใช้สถิติวิเคราะห์ ดังนี้การวิเคราะห์ข้อมูล ตอนที่1 สถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถามโดยใช้ความถี่ร้อยละ ตอนที่ 2 ระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับผงโรยข้าวจากผัก 5. สถิตที่ใช้ในการวิเคราะห์ การวิเคราะห์ข้อมูลผู้ศึกษาค้นคว้าได้วิเคราะห์และประมลผลโดยการใช้สูตรคณิตศาสตร์คือ สถิติพรรณนาการหาค่าความถี่ค่าร้อยละค่าเฉลี่ยและส่วนเกี่ยงเบนมาตรฐานการหาค่าความถี่ โดยวิธีนับคํานวณ สูตรการหาค่าร้อยละ = × 100


15 6.วัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือ 6.1.1 อุปกรณ์และเครื่องมือหลักที่ต้องใช้ ชนิดอุปกรณ์ จำนวน หม้ออบลมร้อน 1 ช้อน 1 เครื่องบด 1 ถุงใส่บรรจุภัณฑ์ 61 6.1.2 วัสดุและอุปกรณ์ที่ต้องจัดหา ชนิดอุปกรณ์ จำนวน แครอท 3 กิโลกรัม ผงปรุงรสเห็ดหอม 75 กรัม ผงกระเทียม 500 กรัม ตับไก่ 300 กรัม ปลาแซลมอนป่น 450 กรัม หมูแผ่นอบแห้ง 50 กรัม สาหร่าย 100 กรัม งา 100 กรัม วิธีการทดลอง 1. นำแครอทไปอบในหม้ออบลมร้อน ตนความชื้นในแครอทหายไปจนหมด 2. นำแครอทที่นำไปอบจนความชื้นหายไปหมดแล้วไปบดในเครื่องบด 3. นำหมูแผ่นไปบดในเครื่องบด 4. นำส่วนวัตถุดิบมาผสมกัน โดยให้แครอทบดแห้งเป็นวัตถุดิบหลัก 5. บรรจุลงในบรรจุภัณฑ์


16 บทที่4 ผลการทดลอง การศึกษาค้นคว้าผงโรยข้าวจากผัก เพื่อทำให้ผู้ที่ไม่ชอบทานผักสามารถได้รับสารอาหารจากผัก ได้จึงได้จัดทำโครงงานประเภทสิ่งประดิษฐ์โดยภายหลังจากที่ทําผลิตภัณฑ์เสร็จสมบูรณ์แล้ว ทางคณะ ผู้จัดทําจึงได้นําผลิตภัณฑ์ มาให้นักเรียนโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒ ได้ทดลองและทําแบบ ประเมินความพึงพอใจต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์และร่วมกันเสนอข้อเสนอแนะ ซึ่งประชากรในการ ค้นคว้าครั้งนี้มี นักเรียนจํานวน 61 คน ได้รับแบบประเมิณกลับคืนมาจํานวน 61 ชุด คิดเป็นร้อยละ 100 ในการสรุปผลการวิเคราะห์ข้อมูล มีหัวข้อ ดังต่อไปนี้ 4.1 วิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปของนักเรียนภายในโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒ 4.2 วิเคราะห์คะแนนความพึงพอใจต่อผงโรยข้าวของนักเรียนภายในโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒ 4.1 วิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปและคะแนนความพึงพอใจต่อผงโรยข้าวของนักเรียน โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒ ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม จากตารางพบว่าข้อมูลพื้นฐานของนักเรียนโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ มีดังนี้ 1. เพศ ผู้ทําแบบสอบถํามส่วนมากเป็นเพศชาย ร้อยละ 52 รองลงมาคือ เพศชาย ร้อยละ 48


17 ตารางวิเคราะห์ผลความพึงพอใจต่อผงโรยข้าว เกณฑ์การให้คะแนน ช่วงคะแนนร้อยละ 80 คะแนนขึ้นไป = ดีมาก ช่วงคะแนนร้อยละ 70-79 คะแนน = ดี ช่วงคะแนนร้อยละ 60-69 คะแนน = ปานกลาง ช่วงคะแนนร้อยละ 50-59 คะแนน = พอใช้ ช่วงคะแนนร้อยละ 40-49 คะแนน = ปรับปรุง จากตารางการวิเคราะห์ผลความพึงพอใจต่อผงโรยข้าวจากผัก ทั้ง 10 ข้อ พบว่าภาพรวมของ ผลิตภัณฑ์อยู่ในเกณฑ์ดีมาก โดยด้านที่มีคะแนนมากที่สุด คือ ด้านความสะดวกสะบายในการพกพา มี ค่าร้อยละ 83 รองลงมาคือ กลิ่นของผงโรยข้าวมีค่าร้อยละ 82 และด้านที่เหลือมีระดับคะแนนอยู่ใน เกณฑ์ดีถึงดีมาก ข้อเสนอแนะ มีความคิดเห็นว่าควรเพิ่มรสชาติให้กับผงโรยข้าว และจัดทำบรรจุภัณฑ์ให้ดีมากกว่านี้


18 บทที่ 5 สรุปผล อภิปราย และข้อเสนอแนะ การศึกษาการทําผงโรยข้าวจากผัก มีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้คนที่ไม่ชอบทานผักสามารถ เพลิดเพลินกับการทานผักได้ กลุ่มเป้าหมายที่เราใช้ในการศึกษาครั้งนี้ เป็นนักเรียนโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒ เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาคือ แบบสอบถามความคิดเห็นความพึงพอใจในผงโรยข้าวจากผัก โดย แบบสอบถามคือ Google Form ซึ่งเรานั้นใหัลิงค์โดยมีคําถํามสํารวจจํานวน 10 ข้อ การวิเคราะห์ข้อมูล ผู้ศึกษาได้วิเคราะห์ ข้อมูลโดยใช้สถิติที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้คือการหาร้อยละ ค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน สรุปผลการศึกษาทดลอง จากการศึกษาทดลองการรับประทานผงโรยข้าวมีรสชาติอร่อย จากการสำรวจความคิดเห็นของ นักเรียน พบว่าผงโรยข้าวควรจะต้องมีรสจัดกว่านี้เนื่องจากมีลักษณะเป็นผงที่ต้องทานคู่กับข้าว อภิปราย จากการศึกษาค้นคว้าเรื่องการทําผงโรยข้าวจากผัก ตามความคิดเห็นจากนักเรียนภายใน โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒ สามารถอภิปราย ได้ดังนี้ จากการสอบถามความคิดเห็นความพึงพอใจของนักเรียนโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒ ในเรื่องการทำผงโรยข้าวจากผักพบว่าอยู่ใน ระดับดี ข้อเสนอแนะ จากการศึกษาข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลจากผลการสํารวจมีข้อเสนอแนะดังนี้ 1. ควรปรับปรุงเรื่องของบรรจุภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้น 2. ควรเพิ่มรสชาติที่หลายหลายมากขึ้น


19 บรรณานุกรม Health & living. (2561)กินเปลี่ยนชีวิตด้วยอาหาร 100 ชนิดจากธรรมชาติ. จาก หนังสือกินเปลี่ยน ชีวิตด้วยอาหาร 100 ชนิดจากธรรมชาติหน้าที่ 128 ศิรินยา.(2547).พืชผักรักษาโรค. จาก หนังสือพืชผักรักษาโรค หน้าที่ 106-107 กั๊ตจัง./(2562).//ผักคะน้า ครบเครื่องคุณภาพประโยชน์./สืบค้น 27 มิถุนายน 2565, จาก http://www.posttoday.com/life/healthy/577916 JOM./(2559).//คะน้า./สืบค้น 27 มิถุนายน 2565, จาก http://www.thai-food.com/th sanook./(2557).//ประโยชน์และสรรพคุณจากคะน้า./สืบค้น 27 มิถุนายน 2565, จาก http://www.sanook.com/women/80877/ เมดไทย./(2559).//แครอท./สืบค้น 28 มิถุนายน 2565, จาก https://medthai.com/แครอท/ disthai./(2560).//งาขาว./สืบค้น 28 มิถุนายน 2565, จาก https://www.disthai.com/16941074/ Anun Churasri./(2562).//ประโยชน์ของงาขาว ไอเดียการกินการใช้เพื่อสุขภาพและข้อควรระวัง./ สืบค้น 28 มิถุนายน 2565,จาก https://medium.com/@anunchurasri/ประโยชน์ของงาขาว-ไอเดีย การกินการใช้เพื่อสุขภาพ-และข้อควรระวัง-3e0377c50bac ผึ้งหลวง สไปซ์./(2559).//งาขาว./สืบค้น 28 มิถุนายน 2565,จาก https://www.phuengluang.com /nga-kao/ เมดไทย./(2559).//งาดำ./สืบค้น 28 มิถุนายน 2565, จาก https://medthai.com/% Happy nate./(2560).//งาดำ./สืบค้น 30 มิถุนายน 2565, จาก https://happymatefood.com/th/ articles/22428-


20 ภาคผนวก


21 ภาพที่ 1 การบรรจุภัณฑ์


22 ภาพที่ 2 ตัวอย่างแบบสอบถาม


23 ประวัติผู้ศึกษาค้นคว้า ชื่อ-นามสกุล อชิรวิชญ์ อัจจิมาธร วันเดือนปีเกิด 29 ธันวาคม 2548 ที่อยู่ปัจจุบัน 47/243 เค.ซี. การ์เดนโฮม ถ.นิมิตใหม่ 40 แขวงสามวาตะวันออก เขตคลองสามวา ตำแหน่งหน้าที่การงาน นักเรียนโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒ สถานที่ศึกษาปัจจุบัน โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒ สำนักงานเขตการศึกษามัธยมเขต 2 ประวัติการศึกษา ระดับประถมศึกษา โรงเรียนปัญจทรัพย์ มีนบุรี ระดับมัธยมศึกษา โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒


24 ประวัติผู้ศึกษาค้นคว้า ชื่อ-นามสกุล ฉัตรณภา ภู่นพคุณ วันเดือนปีเกิด 11 กรกฎาคม 2548 ที่อยู่ปัจจุบัน หมู่บ้านสุภาวัลย์ แขวงบางชัน เขตคลองสามวา ถนนหทัยราษฎ์ ตำแหน่งหน้าที่การงาน นักเรียนโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒ สถานที่ศึกษาปัจจุบัน โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒ สำนักงานเขตพื้นทีการศึกษามัธยมเขต 2 ประวัติการศึกษา ระดับประถมศึกษา โรงเรียนปริยากร ระดับมัธยมศึกษา โรงเรียนนวมินทราชินูทิศสตรีวิทยา ๒


25 ประวัติผู้ศึกษาค้นคว้า ชื่อ-นามสกุล เนติพร สุพันธ์ วันเดือนปีเกิด 28 ธันวาคม 2548 ที่อยู่ปัจจุบัน 118 ซอยหทัยราษฎร์ 44 แขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา ตำแหน่งหน้าที่การงาน นักเรียนโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒ สถานที่ศึกษาปัจจุบัน โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒ สำนักงานเขตพื้นทีการศึกษามัธยมเขต 2 ประวัติการศึกษา ระดับประถมศึกษา อนุบาลภูเก็ต ระดับมัธยมศึกษา โรงเรียนนวมินทราชินูทิศสตรีวิทยา ๒


26 ประวัติผู้ศึกษาค้นคว้า ชื่อ-นามสกุล ปณิตตรา ขวัญคุ้ม วันเดือนปีเกิด 9 พฤษภาคม 2549 ที่อยู่ปัจจุบัน 89/8 หมู่บ้านฟ้าชมพฤกษ์ หมู่ 5 ตำบล ลำลูกกา อำเภอลำลูกกา จังหวัด ปทุมธานี 12150 ตำแหน่งหน้าที่การงาน นักเรียนโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒ สถานที่ศึกษาปัจจุบัน โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒ สำนักงานเขตพื้นทีการศึกษามัธยมเขต 2 ประวัติการศึกษา ระดับประถมศึกษา โรงเรียนพระวิสุทธิวงศ์ ระดับมัธยมศึกษา โรงเรียนนวมินทราชินูทิศสตรีวิทยา ๒


27 ประวัติผู้ศึกษาค้นคว้า ชื่อ-นามสกุล กิตติยาภรณ์ ทรงประโคน วันเดือนปีเกิด 26 กรกฎาคม 2548 ที่อยู่ปัจจุบัน 79/72 หมู่บ้านเอกวิน ถ.นิมิตใหม่ เขตมีนบุรี แขวงมีนบุรี กรุงเทพมหานคร ตำแหน่งหน้าที่การงาน นักเรียนโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒ สถานที่ศึกษาปัจจุบัน โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒ สำนักงานเขตพื้นทีการศึกษามัธยมเขต 2 ประวัติการศึกษา ระดับประถมศึกษา โรงเรียนเทพอักษร ระดับมัธยมศึกษา โรงเรียนนวมินทราชินูทิศสตรีวิทยา ๒


Get in touch

Social

© Copyright 2013 - 2024 MYDOKUMENT.COM - All rights reserved.