รวม Flipbook PDF

รวม

81 downloads 113 Views 371KB Size

Recommend Stories


Porque. PDF Created with deskpdf PDF Writer - Trial ::
Porque tu hogar empieza desde adentro. www.avilainteriores.com PDF Created with deskPDF PDF Writer - Trial :: http://www.docudesk.com Avila Interi

EMPRESAS HEADHUNTERS CHILE PDF
Get Instant Access to eBook Empresas Headhunters Chile PDF at Our Huge Library EMPRESAS HEADHUNTERS CHILE PDF ==> Download: EMPRESAS HEADHUNTERS CHIL

Story Transcript

บทที่ 1 ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ดว้ ยความโล่งอก ในที่สดุ นิยาย ของผมก็มีความคืบหน้าเสียทีหลังจากไม่เคลื่อนไหวมาตลอดสอง สัปดาห์เพราะคนเขียนมันต้องเตรียมสอบแก้วิชาพละที่ลงเรียน เอาไว้เพื่อให้หน่วยกิจเพียงพอที่จะหน้าด้านหน้าทนอยู่ในคณะ อันไม่เหมาะสมกับตนเองแห่งนีต้ ่อไปได้ ถ้าจะเรียกให้ถกู ต้องแล้วล่ะก็ สิ่งที่ผมเป็ นอยู่คือ ‘วิศวะ สายกีฬา’ มันเป็ นการลงเรียนวิชาง่ายๆเพื่อให้ได้เอแน่ๆ จะได้ดงึ เกรดไม่ให้ต่าจนเกินไป เพราะตอนนีผ้ มกาลังติดโปรสูงอยู่ แต่ถึง จะบอกอย่างนัน้ ก็เถอะ ทว่าอันที่จริงแล้วผมก็แค่พยายามจะเป็ น มันมากกว่า เพราะสกิลการเล่นกีฬาของผมนัน้ ห่วยแตกยิ่งกว่า เกรดของผมเสียอีก “ไง ถอนหายใจเฮือกใหญ่เชียวนะ” เสียงยียวนกวน ประสาทนัน้ ดังขึน้ พร้อมกับเจ้าตัวปัญหาที่นาพาผมมาพบกับ ชะตากรรมอันน่าสมเพชนีพ้ ร้อมพรรคพวกของมันอีกสองคนที่ เดินกอดคอกันมาอย่างกับหนุ่มบอยแบนด์ แต่ต่างกันตรงที่ หน้าตามันอุบาทกว่าเล็กหน่อย

“เป็ นไง คาแนะนาที่กใู ห้มงึ ไป ใช้ได้ผลดีเลยใช่ปะ” สาม หนุ่มนัน้ นั่งลงตรงเก้าอีข้ า้ งหน้าผม ก่อนจะพูดเปิ ดประเด็นอย่าง โนสนโนแคร์ผมที่น่งั ขมวดคิว้ จ้องมันจนลูกตาจะถลนออกจาก เบ้าอยู่แล้ว “ดีกบั ผีสิ ไหนมึงบอกว่าอาจารย์วิชยั แกสนิทกับมึงไง ที่กู ไปลงเรียนวิชาแกทัง้ ที่วิ่งยังแพ้เต่าก็เพราะว่ามึงบอกจะขอให้ อาจารย์แกช่วยกูหรอกนะ นี่ถา้ กูติดโปรสูงอยู่แบบนีอ้ ีกสักสองปี มี หวังกูโดนภาคทัณฑ์แหงๆ” ผมอยากตะคอกใส่มนั ดังๆใจแทบ ขาด ถ้าไม่ติดที่ว่าเรายังอยู่ในคาเฟ่ ผมว่าได้มีการนองเลือดไป แล้ว หมายถึงเลือดผมน่ะนะ พวกมันมีกนั ตัง้ สามคน ผมยังไม่ อยากไปเจออาม่าตอนนี ้ “อ้าว กูก็นึกว่ามึงแย่แค่เรื่องเรียน ที่แนะนาไปเพราะคิด ว่ากะอีแค่วิ่งลูธ่ รรมดามึงจะทาได้ สรุปก็คือเรื่องกีฬามึงก็ไม่ได้ เรื่องว่างัน้ ” วาจาหมาไม่รบั ประทานของมันทาให้วนั นีข้ องผมแย่ ได้อีก ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอให้ผมได้แนะนาตัวเองเสียหน่อย ผม ชื่อวอดก้า ส่วนไอหน้าหล่อตรงนัน้ ชื่อยิน ประโยคต่อไปอาจทาให้ พวกคุณจิตตกได้ แต่ผมขอสปอยว่ามันนี่แหละคือพระเอกไม่ได้ ความของนิยายเรื่องนี ้

“อาจารย์แกโหดจะตาย คนที่วิ่งชนะเลิศในงานกีฬาสี ตอนมอปลายทุกปี อย่างมึงไม่เข้าใจคนฐานันดรต่าอย่างกูหรอก” ผมหยิบแก้วชาเขียวปั่นที่ละลายกลายเป็ นนา้ ขึน้ มาดื่ม ผมเองก็ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทาไมถึงต้องสั่งแบบปั่นทัง้ ที่ผมชอบวางมัน ทิง้ ไว้จนละลายตลอด รอบหน้าผมควรจะสั่งชาเขียวธรรมดาที่ ราคาถูกลง เพราะสุดท้ายเดี๋ยวมันก็ละลายกลายเป็ นนา้ อยู่ดี แต่ กว่าจะถึงตอนนัน้ ผมคงลืมไปแล้ว ก็นะ ไม่ได้ตงั้ ใจจะขิงหรอก แต่ ว่าความจาของผมน่ะมันสัน้ ยิ่งกว่าปลาทองเสียอีก “อ้าว นี่มงึ กับยินอยู่ดว้ ยกันตัง้ แต่มอปลายแล้วเหรอ ไม่ ยักรูม้ าก่อนเลย มิน่าล่ะถึงสนิทกันทัง้ ที่อยู่คนละคณะ” รัมกล่าว ขึน้ เขาเป็ นคนที่สนิทกับยินที่สดุ สนิทถึงขัน้ อยู่ดว้ ยกันตัง้ แต่ยิน เกิด อาบนา้ ด้วยกัน นอนเตียงเดียวกัน แถมยังมีพ่อแม่คน เดียวกันอีกด้วย “เป็ นพี่ชายที่ไม่ใส่ใจน้องเลยนะหมอรัม เอาเวลา ครอบครัวไปเซิง้ ให้สมาคมผูส้ งู อายุดหู มดแล้วรึไง เห็นว่าก่อน หน้านีม้ ีรถแห่มาแถวๆบ้านหมอด้วยนี่นา ได้ไปร่วมวงกันเขารึ เปล่า” ผมกับทุกคนในวงนั่งหัวเราะคิก้ คัก้ กัน เว้นก็แต่เจ้าตัวที่ไม่ ค่อยอภิรมย์นกั

“อย่าเอาหมอลาไปรวมกับรถแห่สิ ไม่เหมือนกันสักหน่อย แล้วก็เลิกล้อชื่อกูสกั ที แค่นีค้ วามภาคภูมิใจในอาชีพก็แทบจะไม่ มีอยู่แล้ว” หมอรัมกล่าว เห็นอย่างนีแ้ ต่เขาก็เป็ นถึงหมอสูตินรี แพทย์มือฉกาจ แม้จะมีปมเรื่องที่มองหัวเด็กออกมาจากช่อง คลอดผูป้ ่ วยบ่อยเกินไปจนเสื่อมสมรรถภาพทางเพศเสียเองก็ เถอะ “ว่าแต่มงึ เถอะไอพี่ยิน ปี นกี ้ ็เรียนจบแล้วอ่ะดิ” ผมเอ่ย ปากถามว่าที่สตั วแพทย์ท่นี ่งั อยู่ตรงข้ามกัน ถึงจะเรียกกันกูมงึ แบบนี ้ แต่อนั ที่จริงแล้วเขาอายุมากกว่าผมสองปี “เผื่อมึงไม่รูน้ ะ แต่คณะกูเขาเรียนกันหกปี ไม่ตอ้ งกลัวว่า กูจะหนีไปไหนหรอก ต่อให้มึงดรอปไปปี นึงกูก็ยงั จบช้ากว่ามึงอยู่ ดี” พูดแบบนีว้ ่าผมโง่เลยเถอะ แต่ก็ดีแล้วที่มนั บอกให้ผมรู ้ ไม่งนั้ ครัง้ หน้าที่เจอกันในมอผมคงคิดว่ามันเรียนซา้ ผมกับยินรูจ้ กั กันตัง้ แต่สมัยมัธยม พวกเราเคยอยู่ชมรม เดียวกันเลยได้เจอหน้ากันบ่อยๆ ผมกับเขาค่อนข้างมีรสนิยม ตรงกัน ทัง้ เรื่องเกม เรื่องหนัง เรื่องเพลงที่ชอบหรือเรื่องไหนๆพวก

เราก็เข้ากันได้ไปเสียหมด พอได้ทางานด้วยกันจึงสนิทกันมากขึน้ อย่างง่ายดาย ทุกอย่างระหว่างผมกับเขามันไปได้ดีจนบางทีผมก็กลัว ว่ามันจะดีเกินกว่าจะเป็ นเรื่องจริงที่เกิดขึน้ กับผมได้ ความรูส้ กึ แปลกๆมันเริ่มก่อตัวในใจผม และผมเองก็ไม่ได้โง่พอที่จะไม่รูว้ ่า ความรูส้ กึ นัน้ มันคืออะไร เช่นเดียวกับที่ผมไม่ได้โง่พอที่จะไม่รูว้ ่า เขาเองก็รูส้ กึ แบบเดียวกัน ความรักระหว่างเด็กชายสองคนเริ่มก่อตัวขึน้ ภายในห้อง ชมรมเล็กๆหลังเลิกเรียน ฟั งดูเหมือนอย่างกับหลุดมาจากฉากใน การ์ตนู ตาหวาน แต่ผมสาบานว่ามันไม่ได้เกินจริงไปกว่านัน้ เลย ความสัมพันธ์ในเชิงรักๆใคร่ๆของเราเป็ นไปได้ดีพอๆกับ ความสัมพันธ์ฉนั เพื่อนที่ผ่านมา ถ้าจะให้ผมเปรียบมันก็คง เหมือนกับเพลง ‘First Time He Kissed a Boy’ ของ ‘Kadie Elder’ ล่ะมัง้ ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป จู่ๆบทเพลงรักของเราก็กลายเป็ น ‘Daylight’ ของ ‘Joji’ ไปเสียอย่างนัน้ อาจเป็ นเพราะพวกเรายัง เด็กเกินกว่าที่จะเข้าใจในความรักดีพอ นั่นจึงเป็ นสาเหตุท่ที าให้

เรื่องราวทัง้ หมดจาต้องเดินทางมาถึงจุดสิน้ สุด อย่างไรก็ตาม ผม กับเขาตกลงว่าจะยังคงเป็ นเพื่อนกันต่อไป แต่ผมจะขอบอกเกร็ดความรูเ้ ล็กๆให้พวกคุณได้ทราบกัน เอาไว้ว่าไม่มีค่รู กั คู่ไหนที่เลิกกันไปแล้วจะกลับมาเป็ นเพื่อนกันได้ หรอกครับ เว้นแต่ว่าพวกเขาไม่เคยรักกันเลย หรือไม่ก็เป็ นเพราะ พวกเขายังรักกันอยู่ อ่านมาถึงตรงนีพ้ วกคุณหลายๆคนคงเดากัน ได้แล้วว่าคู่ผมเป็ นแบบแรกหรือแบบที่สอง และนั่นแหละคือ ปัญหา “ให้กตู ิวให้มยั้ ล่ะ ถ้าเทอมหน้ามึงทาเกรดวิชาเอกให้ดีได้ สักวิชาสองวิชา กูว่ามึงก็น่าจะรอดนะ พวกวิชาที่เกี่ยวกับภาษานี่ มึงได้อยู่ละ ที่เหลือก็แค่วิชาฟิ สิกส์กบั แคลคูลสั ไอพวกนัน้ มึง ปล่อยให้เป็ นหน้าที่กเู อง” นั่นไงล่ะ มาอีหรอบนี ้ มันกาลังล่อลวง ผมอยู่แหงๆ ย้อนกลับไปเมื่อประมาณหนึ่งปี ก่อน ตอนที่ผมพึ่งเข้ามา เรียนที่น่แี รกๆ หลังจากที่มฟู ออนเป็ นลีลาศจังหวะบีกิน เดินหน้า สี่ถอยหลังสี่ ไม่ไปไหนสักทีอยู่นาน ในที่สดุ ก็ (เหมือนจะ) ลืมรัก ครัง้ แรกอันแสนเจ็บปวดในตอนมัธยมได้เสียที

ช่วงรอยต่อของชีวิตแบบนี ้ แน่นอนว่าใครๆก็อยากสร้าง โปรไฟล์ใหม่ในโลกที่ทกุ คนไม่รูจ้ กั เรากันทัง้ นัน้ ผมเองก็เช่นกัน ทัง้ ทรงผมใหม่ มือถือใหม่ ที่อยู่ใหม่ อะไรๆก็ใหม่ไปหมด และทุก อย่างที่ว่ามานีก้ ็เพื่อสิ่งเดียว นั่นคือการได้เฉิดฉายในรัว้ มหาลัย ผมจะควงสาวให้ครบทุกคณะ จีบเด็กให้ครบทุกสาขา ใช้ชีวิต อย่างราชา แล้วจบออกมาอย่างตานาน แต่ก็น่ นั แหละครับ ชีวิต ไม่ยอมให้ผมได้สมใจอยากหรอก “วอดก้า” เสียงที่ได้ยินนัน้ มันช่างดูเศร้า และแผ่วเบา แต่ กลับดังก้องไปทั่วโสตประสาทของผมราวกับว่าเสียงนัน้ ไม่ได้ดงั ออกมาจากปากของเขา แต่กลับดังอยู่ในหัวผมเอง “พี่ยิน” ผมมองภาพคนตรงหน้าไม่ละสายตา ความ พยายามตลอดระยะเวลาเกือบสองปี พงั ทลายลงตรงหน้าราวกับ เป็ นปราสาททราย ตัง้ แต่ท่ไี ด้บงั เอิญเจอกันในวันนัน้ เขาก็มาวนเวียนอยู่ รอบๆตัวผมไม่ห่างอย่างกับเป็ นแมลงวันตอมขี ้ ไม่สิ เรียกว่าตัว ติดกันอย่างกับปลิงจะดีกว่า ผมไม่อยากแทนตัวเองเป็ นสิ่งปฏิกลู แบบนัน้ เอาเป็ นว่าหลังจากที่ได้เจอกัน เขาก็เข้ามาตามตือ้ ผมไม่

เลิก จริงอยู่ท่ผี มกับเขาเลิกกันทัง้ ที่ยงั รัก แต่ความพยายามของ ผมที่จะลืมเขาตลอดเวลาตัง้ เกือบสองปี น่ นั ล่ะจะทายังไง จะให้ ผมทิง้ มันไปดือ้ ๆอย่างนัน้ น่ะเหรอ ไม่มีทางซะหรอก “ไม่คิดจะคุยกันหน่อยเหรอ” เสียงเขาตะโกนไล่หลังมา แต่ไกล เป็ นอีกวันที่ผมต้องพยายามหลบหน้าเขา แต่ทงั้ ที่ผ่านมา เป็ นสัปดาห์แล้ว เขาก็ยงั ไม่คิดจะละความพยายามในการไล่ตาม ผมเลยแม้แต่นอ้ ย “ผมไม่มีอะไรจะคุยกับพี่แล้ว ช่วยกลับ...” ไม่ทนั ที่ผมจะ ได้เอ่ยคาใดๆ ปากของผมก็ถูกประกบลงบนปากของเขา สัมผัส อันนุ่มนวล แต่ก็แฝงไปความร้อนแรง และโหยหานัน้ ทาให้ผม เผลอเคลิม้ ตามด้วยความไม่ตงั้ ใจ “อ้าปากหน่อยสิ” ยินเอ่ยขึน้ ด้วยเสียงอันเบา ทัง้ ที่ควรจะ ปฏิเสธไป แต่เพราะร่างกายคิดถึงเขามากเหลือเกิน ผมจึงยอม ค่อยๆอ้าปากออกทัง้ ที่รา่ งกายยังสั่นเทา เมื่อเห็นดังนัน้ เขาก็สอด ลิน้ เข้ามาในโพลงปากอุ่นของผม ก่อนจะเริ่มเลียไปตามใต้ลนิ ้ และกระพุง้ แก้ม ผมถดหน้าหนีเล็กน้อยด้วยความจัก้ จี ้ ก่อนจะถูก ฝ่ ามือหนาของเขาประคองท้ายทอยเอาไว้ไม่ให้ขยับไปไหน

“หายใจ...ไม่ออก” ผมพยายามพูดออกมาด้วยความ ทุลกั ทุเล เมื่อได้ยินดังนัน้ เขาก็เปลี่ยนมาดูดดุนที่รมิ ฝี ปากแทน เพื่อให้ผมได้มีจงั หวะหายใจ “เป็ นปลาเหรอ ถึงหายใจทางเหงือก หายใจทางจมูกสิ” และเพราะประโยคอันน่าประทับใจนี ้ ผมจึงคืนสติกลับมาได้ เกือบหลวมตัวยอมให้มนั ทาอะไรตามใจแล้วไง ไม่สิ เอาจริงๆก็ หลวมตัวไปแล้วนั่นแหละ “หยุดเลยนะ” ผมดันหน้ามันออกด้วยแรงทัง้ หมดที่มี ก่อนจะยกมือขึน้ มาเช็ดปากที่ยงั เหลือนา้ ลายเป็ นเส้นเชื่อมกันกับ ปากของมัน และหันไปดูรอบๆว่ามีใครมองอยู่หรือเปล่า “เป็ นไบโพลาร์เหรอ เมื่อกีย้ งั ยอมอ้าปากให้อยู่เลย หรือ เพราะพี่จบู ไม่ดี” ยินทาหน้าหงอยๆเหมือนหมาที่โดนงดของว่าง ต่างจากผมที่กาลังซีเรียส “ไม่ได้เป็ นไบโพลาร์ พี่น่นั แหละเป็ นอะไร วันนีก้ ินของผิด สาแดงไปรึยงั ไง” ผมตวาดใส่เขา

“เปล่า เรานั่นแหละ ปกติไม่กินลูกอมรสเผ็ดนี่ ทาไมวันนี ้ ถึงกินล่ะ” ยินปฏิเสธ ก่อนจะพูดถึงเรื่องลูกอมที่ผมได้รบั มาจาก เพื่อนที่คณะคหกรรมศาสตร์ “รูไ้ ด้ไงว่าวันนีผ้ มกินลูกอมรสเผ็ดไป พี่แอบตามผมเหรอ” ผมถามเขาด้วยความสงสัย ก็พอจะเดาออกว่าเขาคงไม่ได้บงั เอิญ เดินมาเจอผมทุกครัง้ ที่เลิกเรียนหรอก แต่ถา้ จะบอกว่าเขาตามผม ตัง้ แต่เช้าที่ผมได้รบั ไอลูกอมนี่มาล่ะก็เรียกได้ว่าคาดไม่ถึงเลยล่ะ “ก็ตามนะ แต่ไม่ได้แอบ แล้วที่รูก้ ็เพราะเราพึ่งจูบกันไป ต่างหาก เธอก็น่าจะรูน้ ะว่าพี่พ่งึ กินอะไรไป” ไม่รูจ้ ะพีคเรื่องที่เขา ตามดูผมจริงๆ หรือจะพีคเรื่องที่ผมรูว้ ่าเขาพึ่งกินอะไรไปดี “ช็อคโกแลตกับ...บุหรี่เหรอ” ที่พดู แบบนัน้ ไม่ใช่ว่าเขากิน บุหรี่เข้าไปหรอกนะ แต่ปกติแล้วยินไม่ใช่คนที่สบู บุหรี่ แถมไม่ ชอบของหวานด้วย “แค่ตอนเครียดๆน่ะ เห็นว่ามันช่วยได้ แต่เชื่อเถอะว่ามัน หวานสูป้ ากเธอไม่ได้เลยวอดก้า พี่คิดถึงเธอนะ ในเมื่ออุปสรรคที่ มันขวางเราหมดไปแล้ว ทาไมถึงไม่อยากกลับมาคบกันอีกครัง้

ล่ะ” เขารวบตัวผมไปกอดเอาไว้ในขณะที่พดู ไปด้วยจนผมรูส้ กึ ได้ ถึงอุณภูมิรา่ งกายของเขาที่เย็นเฉียบ “พี่ก็รูว้ ่าผมมีเหตุผลที่คบกับพี่ไม่ได้ เป็ นพี่นอ้ งกันนั่น แหละดีแล้ว อย่าให้ความพยายามของผมต้องสูญเปล่าเลย” ทัง้ ที่ รูว้ ่าตนเองโหยหาคนตรงหน้ามากเพียงไหน ทัง้ ที่รูว้ ่าไฟในใจมัน ร้อนรุม่ มากเท่าใด แต่การเอือ้ มมือไปคว้ามันเอาไว้กลับยากเย็น เสียเหลือเกิน ยินนิ่งไปพักใหญ่ ไม่รูว้ ่าเพราะกาลังตัดสินใจอยู่ หรือแค่ เพราะอยากกอดผมต่อกันแน่ แต่สดุ ท้ายเขาก็ยอมผละผมออกแต่ โดยดี และพูดบางอย่างที่คาดไม่ถึงกับผม “ก็ได้ แต่พ่บี อกไว้ก่อนเลยว่าพี่ไม่ยอมแพ้เรื่องนีห้ รอกนะ จนกว่าเธอจะยอมรับว่าพี่ดีพอจะฝ่ าฟั นอุปสรรคไปกับเธอได้ พี่ไม่ รูห้ รอกว่าเธอกลัวอะไรอยู่ แต่ท่รี ูๆ้ คือพี่จะปกป้องเธอจากสิ่งที่เธอ กลัวให้ได้” นั่นคือสิ่งที่เขาได้พดู กับผมในวันนัน้ และนั่นคือเหตุผล ว่าทาไมผมถึงจับพลัดจับพลูมาอยู่กบั ไอแฟนเก่าคนนีไ้ ด้ นับตัง้ แต่วนั นัน้ เวลาก็ล่วงเลยมาเกือบปี แล้ว มันยอมอยู่ ในสถานะพี่นอ้ งอย่างที่เคยบอกเอาไว้จริงๆ แต่อีกหนึ่งสิ่งที่มนั

ไม่ได้โกหกนั่นก็คือความพยายามในการจีบผมที่ไม่ได้ลดน้อยลง ตามกาลเวลานั่นด้วย พอมาคิดๆดูแล้ว ไอสิ่งที่ผมทากับมันนี่แทบจะไม่ต่าง อะไรกันกับการให้ความหวังเลยแฮะ แต่ในสถานการณ์แบบนัน้ คนมารยาทดีท่ไี หนเขาจะพูดออกไปตรงๆว่า ‘เราคงคบกับเธอ ไม่ได้หรอก ช่วยอย่ามาให้เห็นหน้า แล้วก็เลิกทาตัวเป็ นสตอล์ค เกอร์สกั ที มันผิดกฎหมายนะไอโรคจิต’ แบบนีก้ นั เวลาที่ตอ้ ง ปฏิเสธใครก็รกั ษานา้ ใจอีกฝ่ ายอยู่แล้ว ถ้าจะมีใครสักคนที่ผิดล่ะ ก็คงจะเป็ นมันนั่นแหละที่ให้ความหวังตัวเอง “คิดมากเรื่องอะไรอยู่รเึ ปล่า อีกนิดคิว้ มึงจะผูกกันเป็ น เงื่อนตายแล้วนะ” ว่าเสร็จไอยินมันก็ย่นื นิว้ โป้งมาขยีห้ ว่างคิว้ ของ ผมให้คลายออกจากกัน ก็สมแล้วล่ะนะที่เคยคบกันมาก่อน แค่ อากัปกิรยิ าเล็กๆของผมเขาก็สามารถมองออกได้อย่างง่ายดาย “พี่ยิน” หน้าตายินดูแปลกใจเล็กน้อยหลังจากที่ได้ยินคา สรรพนามแทนตัวที่เปลี่ยนไป ปกติแล้วผมแทนคนอื่นที่อายุ มากกว่าว่าพี่ตลอด เว้นก็แต่มนั นี่แหละ ไม่ใช่เพราะผมไม่เคารพ มันนะ ถึงเอาเข้าจริงผมจะไม่ได้เคารพมันก็เถอะ แต่เหตุผลหลักที่

ทาให้ผมพูดมึงกูกบั มันได้ก็เพราะสนิทกันมานานตัง้ แต่ยงั เป็ น แฟนกัน พอหมดสถานะแล้ว จะให้เรียกกันแบบผมกับเธออย่าง เมื่อก่อนก็แปลกๆ สุดท้ายก็มาจบตรงที่กมู งึ อย่างที่เห็น มันควร จะภูมิใจนะ นอกจากมันแล้วผมไม่เคยทาตัวแย่แบบนีก้ บั ใครเลย “จะอ้อนเอาอะไรถึงเรียกกันแบบนีน้ ่ะ” ยินว่าพลางดีด หน้าผากผมไปหนึ่งที ก็สมควรโดนแล้วแหละ ปากบอกให้เป็ นพี่ น้องกัน แต่ตวั เองดันไปหยอดเขาเสียเอง “เปล่า แค่นึกถึงเรื่องเก่าๆขึน้ มาเฉยๆ ไม่มีอะไรหรอก” ผมคลียมิ ้ บางๆด้วยความพอใจที่ได้เห็นว่าคนอย่างมันก็เสียทรง เป็ นเหมือนกัน ย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่ช่วั โมงก่อน หลังจากที่ตอบตกลง ข้อเสนอแบบกึ่งบังคับของยินแล้ว พวกเราก็คยุ สัพเพเหระกันอยู่ ไม่กี่สิบนาทีจึงแยกย้ายกันไปตามทางของตัวเอง เจ้าพวกนัน้ ก็ กลับบ้าน ส่วนผมก็ตอ้ งไปติวหนังสืออย่างกระทันหันที่บา้ นของ ยินแบบสองต่อสอง ช่างเป็ นเหตุการณ์ท่ชี วนให้นึกถึงหนังโป๊ เกรด บีเสียนี่กระไร หวังว่ามันจะไม่ได้เป็ นหนึ่งในแผนของยินหรอกนะ

บทที่ 2 หนึ่งในสิ่งที่พวกคุณควรรูเ้ กี่ยวกับตัวผมข้อแรกนั่นก็คือ ผมเป็ นคนที่กลัวความตาย ไม่ใช่แค่กบั ความตายที่จะเกิดขึน้ กับ ตัวผมเอง แต่รวมถึงความตายที่จะเกิดขึน้ กับคนรอบตัวผมด้วย คุณเคยมีประสบการณ์เฉียดตายหรือเปล่า หากว่าคุณ เคยมี ผมขอแสดงความยินดีดว้ ย เพราะคุณได้เข้าใกล้คาว่าใช้ ชีวิตให้สมกับที่ได้มีชีวิตแล้ว หลักการก็ง่ายๆคล้ายกับการที่คณ ุ หักอกใครสักคนแล้วมารูส้ กึ ตัวอีกทีว่าเขาสาคัญแค่ไหนในวันที่ คุณได้เสียเขาไปแล้วนั่นแหละ ชีวิตเองก็จะมีค่ามากขึน้ เมื่อคุณ เคยเกือบเสียมันไปเช่นกัน “วอดก้า...ได้ยินพี่มยั้ ” เสียงอันคุน้ หูดงั แว่วขึน้ มาเบาๆ ราวกับเสียงกระซิบของสายลมที่พดั ผ่านมากระทบแก้มให้รูส้ กึ เย็นสบาย แต่เมื่อลืมตาตื่นขึน้ มากลับเห็นแค่เพียงเงาลางๆผ่าน คลื่นนา้ สีฟ้าทะเล “พี่ยิน” เมื่อขานรับคาเพรียกหาจากอีกฝ่ ายพลัน ฟองอากาศนับร้อยพวยพุ่งขึน้ สูผ่ ิวนา้ ร่างเล็กลืมตาโพลง

พยายามตะเกียกตะกายดันตัวเองให้ขึน้ ไป แต่มือทัง้ สองที่ถกู พันธนาการไว้ยิ่งฉุดรัง้ ให้ดาดิ่งลึกลงไปยังความมืดมิด “ทรมาน” ความรูส้ กึ เดียวที่บีบรัดเขาไว้จนร่างกายแทบ แหลกสลายพร้อมลมหายใจสุดท้ายที่ดบั ลง

ติด๊ ๆ เสียงมือถือดังขึน้ ที่ขา้ งหู เมื่อผมชาเลืองดูก็พบว่ามันเป็ น เบอร์จากต่างประเทศ “วอดก้า ถ้าพี่ไม่รายงานว่าถึงบ้านโดยสวัสดิภาพแล้ว ฉันจะฟ้องแม่ว่าพี่แอบเขียนหนังสือโป๊ ” ทันทีท่กี ดรับสาย เจ้าของ เบอร์มือถือไร้ช่ือก็เอ่ยขึน้ ราวกับรูอ้ ยู่แล้วว่าคนที่กดรับจะเป็ นใคร ไปไม่ได้นอกจากพี่ชายหัวแก้วหัวแหวนคนนี ้ “เขาเรียกนิยายรักอิโรติก ว่าซะเสียเลยยัยชะเอม แล้วนี่ เปลี่ยนเบอร์มือถืออีกแล้วเหรอ ตกลงว่ามีมือถือหลายเครื่อง หรือ ว่าหนีหนีอ้ ยู่กนั แน่” ชะเอมคือลูกพี่ลกู น้องของผม เธอเป็ นเด็ก

อายุสิบหกที่เดบิว้ เป็ นนักธุระกิจตัง้ แต่มอต้น เรียกได้ว่าอนาคต ไกลตัง้ แต่ยงั เรียนไม่จบเลยทีเดียว “อันนีเ้ บอร์ใหม่ มาเที่ยวต่างประเทศสองสัปดาห์ เผื่อว่า จะได้ควงสามีโอปป้ากลับไปหาพี่ไง ละบอกกี่ทีละว่าให้เรียกเอม มิลี่ ไม่อินเตอร์เลยพี่” ผมหัวเราะให้กบั มุกตลกกึ่งเอาจริงของเธอ “ฮะๆ ขอโทษนะเอมมิลี่ แต่พ่ียงั อยู่บา้ นเพื่อนอยู่เลย เดี๋ยวนิยายเล่มหน้าออกแล้วจะแอบบอกอเอาไปฝากนะ ช่วยอย่า บอกแม่เลยนะครับ” ถึงจะพูดแบบนัน้ แต่ถึงผมจะไม่เอาไปฝาก น้องสาวสุดที่รกั ของผมก็ซือ้ หนังสือผมครบทุกเล่มอยู่แล้ว “ติวหนังสือเหรอ ลาบากแย่เลย งัน้ ฉันไม่กวนก็แล้วกัน เดี๋ยวกลับไทยเมื่อไหร่จะเอาขนมไปฝากนะพี่” ว่าจบคุณเธอก็ตดั สายทันที ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวจะรบกวนก็คงจะรีบไปทาภารกิจหา สามีในแดนกิมจิตามความฝันของนางต่อ ซึ่งถ้าให้ผมเดาก็คงไม่ พ้นข้อหลังหรอก ชะเอมเป็ นหนึ่งในคนที่ผมรักจนสุดขัว้ หัวใจ เธอเป็ นคน ทะเยอทะยาน ตัง้ แต่ท่ไี ด้เจอกันเมื่อหกปี ก่อนความมุ่งมั่นที่ผมได้ เห็นในดวงตาของเธอนัน้ ก็ไม่เคยเปลี่ยน ด้วยความที่ชะเอมเป็ น

ลูกสาวเพียงคนเดียวในบ้าน การที่จะลงมือทาอะไรเสี่ยงๆอย่าง ธุรกิจก็ดจู ะเป็ นไปไม่ได้เลย เพราะหากว่าเสาหลักครอบครัวอย่าง เธอล้มขึน้ มาคนอื่นก็จะไร้ท่พี ่งึ ดังนัน้ การที่แม่ของผมแต่งงานกับ ลุงของเธอจึงทาให้เธอไม่ตวั คนเดียวอีกต่อไป ครอบครัวจึงยอม ให้เธอลองอะไรใหม่ๆ และในที่สดุ เธอก็ประสบความสาเร็จ “แล้วกูก็ดนั กลายเป็ นเสาหลักคนใหม่ของบ้านยังไงล่ะ” ผมพูดงืมงัมกับตัวเองก่อนจะเอาหัวโขกโต๊ะเรียนอย่างจังจนคนที่ นั่งอยู่ขา้ งๆสะดุง้ โหยง “อะไร ข้อสอบที่กใู ห้ทามันยากขนาดนัน้ เลยเหรอ” ยิน เอ่ยขึน้ ผมยิม้ เจื่อนๆให้มนั และหวังว่ามันคงจะไม่ได้ยินอะไร แปลกๆที่ผมพูดระหว่างที่ผมฝันถึงความทรงจาในวัยหวาน ระหว่างเราสองคน “เมื่อกีม้ งึ ละเมอเรียกชื่อกูดว้ ย ใช่เสียงครางปะ คนในฝัน เป็ นกูใช่ปะ” บางทีพระเจ้าก็ควรฟั งความคิดผมบ้าง อะไรจะเป๊ ะ ขนาดนัน้ อ่ะ แกล้งกันปะเนี่ย “อย่าพึ่งชวนคุยดิ ไหนจะติวอ่ะ กูง่วงนะเนี่ย รีบๆสอนให้ จบเถอะ อยากกลับห้องแล้ว” ผมพยายามเปลี่ยนเรื่อง ส่วนหนึ่ง

เพราะไม่อยากตอบคาถามมันด้วย และอีกส่วนหนึ่งก็เพราะหนัง ตาผมมันพร้อมจะเปิ ดโหมดประหยัดพลังงานแล้ว “เอ้า แล้วมึงจะปล่อยให้กคู าใจอยู่แบบนีอ้ ่ะนะ แม่งไม่ ต่างกับการทักแชทมาว่ามึงกูมีเรื่องจะเล่าแล้วก็หายเลยนะเว่ย” มันเปรียบเทียบเสียจนผมเห็นภาพ ถ้าหากว่าผมโดนคนอื่นทาแบบนีก้ ็คงจะพูดว่ามันเป็ น บาป ขอให้พระลงโทษอย่างหนัก แต่กบั เรื่องที่มนั ถาม ผมคงต้อง ยอม เอาเถอะ ก่อนเกษี ยณค่อยไปเปลี่ยนศาสนา จะได้รีเซ็ทบาป “เออ เห็นมึงทรมานแล้วสนุกดี ได้เอาคืนที่มงึ ทรมานกู ด้วยไอโจทย์ฟิสิกส์พวกนีไ้ ง” ผมยิม้ ชั่ว อันที่จริงก็แอบสนุกอยู่ นิดๆจริงๆนั่นแหละ “ตอบกูก่อนดิ สรุปมึงครางใช่ปะ ในฝันมึงมีกูดว้ ยนี่นา” ไอพี่ยินเมินคาพูดผม แล้ววนกลับมาที่คาถามเดิมอีกครัง้ ผมจึง วางปากกา และทาใจว่าการติวคงจบลงเพียงเท่านี ้ “ยิน มึงเคยฝันร้ายถึงเรื่องเดิมซา้ ๆปะ” แทนที่จะตอบ คาถามไร้สาระของมัน ผมกลับตอบคาถามของมันด้วยคาถาม ของผมแทน

“เคยดิ” มันตอบกลับสัน้ ๆ ยิ่งชวนให้ผมรูส้ กึ สงสัย เกี่ยวกับความฝันนัน้ มากยิ่งขึน้ ปกติไม่เคยเห็นมันจะกลัวอะไร ตัวก็ใหญ่ ถามเอาไว้เผื่อได้ขอ้ มูลดีๆมาใช้ในการแกล้งมัน “ฝันว่าไง” ผมขยับตัวเข้าไปใกล้มนั มากขึน้ เพื่อกดดันให้ มันตอบคาถามที่คา้ งคาในใจผม แต่นอกจากมันจะไม่ถอยหนี แล้ว มันกลับขยับหน้าเข้ามาใกล้ และกระซิบเสียงเบา “กูฝันว่ากูช่วยคนที่กรู กั มากที่สดุ เอาไว้ไม่ได้” ผมเบิกตา โพลง จ้องมองเข้าไปในตาของมันด้วยความสับสน แน่นอนว่าผม รูเ้ รื่องความฝันนัน้ ดียิ่งกว่าใคร “ห้ะ” ผมถามยา้ อีกครัง้ อย่างไม่เชื่อหูตวั เอง ร่างกายของ ผมแข็งทื่อราวกับหิน ความทรงจาที่อยู่ลกึ สุดในก้นบึง้ ของจิตใจ เริ่มลอยขึน้ มาราวกับซากศพที่โผล่พน้ นา้ ไม่ว่าใครต่างก็มีเรื่องราวในอดีตกันทัง้ นัน้ และกฏเหล็ก ของมันคือไม่ว่าจะเป็ นเรื่องดีหรือร้าย เรื่องราวเหล่านัน้ จะอยู่ติด ตัวเราไปตราบชั่วชีวิต

ทัง้ ที่ไม่ตอ้ งพูดถึงมันอีกแล้วก็ได้ ทัง้ ที่จะทาเป็ นลืมๆไป ซะแล้วใช้ชีวิตต่อไปทัง้ แบบนีก้ ็ได้ ทัง้ ที่เราทัง้ คู่ต่างก็กา้ วผ่าน ช่วงเวลานัน้ มาได้แล้ว จะย้อนกลับไปนึกถึงมันอีกทาไม “พี่ไม่น่าพูดถึงมันเลยยิน” รูส้ กึ ตัวอีกทีผมก็กาลังนั่งเหม่ออยู่ท่ปี า้ ยรถเมล์เสียแล้ว แถมฝนก็ตกลงมาแบบไม่มีท่าทีจะหยุดเลยด้วย ก็พอจะเข้าใจ แหละว่าตัวเองเป็ นคนบุ่มบ่าม ซุ่มซ่าม ไม่รอบคอบ แต่ก็ไม่คิดว่า ข้อเสียเหล่านัน้ มันจะมาเกิดขึน้ ในสถานการณ์แบบนี ้ ทัง้ กระเป๋ า ใส่เอกสารการเรียน โทรศัพท์มือถือ แมคบุ๊คที่เต็มไปด้วยต้นฉบับ สุดลา้ ค่า ผมก็ทงิ ้ เอาไว้ในห้องมันหมดเลย ถ้าคิดดูให้ดีก็ไม่ค่อยจะมีอะไรเมคเซ้นส์เท่าไหร่ท่วี ิ่ง ออกมาเพียงเพราะเรื่องฝันร้ายเล็กๆ แต่อนั ที่จริงมันมีมากกว่านัน้ เพราะมันไม่ได้เป็ นแค่ฝันกลางวัน แต่เป็ นความทรงจาใน ช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สดุ ในความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคน ตลอดเวลาหนึ่งปี ท่ผี ่านมาผมได้แต่หวังว่าเขาจะไม่เอ่ย ถึงมัน ทว่าสุดท้ายก็หา้ มเอาไว้ไม่ได้ ตัวผมเองก็พอจะเข้าใจหาก

ว่าเขาต้องการจะเริ่มใหม่ แต่ไม่ใช่กบั การสานต่อเรื่องราวที่จบลง ไปแล้วแบบนี ้ นี่เป็ นสิ่งเดียวที่ผมไม่ตอ้ งการให้เขาแตะต้อง “ตัวประกันอยู่น่ี ถ้าไม่ขนึ ้ มาคุยกันดีๆจะโยนลงไปละนะ” เสียงเจ้าตัวปั ญหาตะโกนลงมาจากห้องที่อยู่ชนั้ สาม ทาเอาผมที่ กาลังจะจาใจก้าวขึน้ รถเมล์เพราะมือถือที่ใช้เรียกรถดันอยู่กบั มัน ถึงกับหันไปเอานิว้ ทาบปากแทบไม่ทนั “จะตะโกนทาไมเล่า อายเขา” ผมได้แต่พดู เบาๆในลาคอ เพราะไม่กล้าตะโกนตอบกลับมันด้วยความเกรงใจพี่ๆที่น่ งั อยู่บน รถซึ่งตอนนีพ้ ากันมองมาที่ผมตาเป็ นมัน ถึงของที่อยู่กบั มันจะสาคัญมากแค่ไหน แต่ถา้ เดิน กลับไปตอนนีก้ ็ไม่ต่างอะไรกับการลุกให้คนอื่นนั่งบนรถไฟฟ้าแล้ว เขาตอบกลับมาว่าไม่เป็ นไรใกล้จะถึงแล้วนั่นแหละ เป็ นใครก็ไม่ อยากกลับลงไปนั่งหรอก ผมเองก็เหมือนกัน เอาเถอะ พรุ่งนีว้ นั เสาร์ เราไม่ได้ยอมแพ้ แค่ถอยกลับมาตัง้ หลักก็เท่านัน้ “กูฝันว่ากูช่วยคนที่กรู กั มากที่สดุ เอาไว้ไม่ได้” จู่ๆคาพูด ของมันก็แวบเข้ามาในหัวของผมราวกับไฟช็อต ไม่รูว้ ่าทาไมมัน

ถึงมาพูดเรื่องบ้านี่เอาตอนนี ้ หรือเพราะที่ผ่านมามันรอให้ผมทา ใจได้มาตลอดเลยอย่างงัน้ เหรอ “เฮ้อ” ผมถอนหายใจก่อนจะเอนหัวพิงกระจกรถ และ พยายามสะบัดเรื่องไร้สาระนี่ออกไปก่อนที่มนั จะทาให้ผมเป็ นบ้า ไม่ว่าสิ่งที่มนั พยายามจะบอกคืออะไรก็ไม่สาคัญอีกต่อไปแล้ว เรื่องในอดีตจะเป็ นยังไงก็ช่าง ผมตัดใจจากเขาไปแล้ว มันก็แค่นนั้

วันเสาร์ท่วี ่า ณ ห้องนอนอันแสนสงบสุข “คือเจ๊เข้าใจนะว่าหนูกาลังเดือดร้อน แต่เหตุผลแค่นนั้ เจ๊ คงเอาไปต่อรองอะไรกับโรงพิมพ์ไม่ได้หรอกนะจ๊ะ ยังไงก็ตอ้ งส่ง ต้นฉบับให้ทนั ภายในวันพรุง่ นี”้ เสียงเจ๊เบาหวิว หัวหน้ากอง บรรณาธิการสุดสวยผูค้ วบแชมป์ ธิดาช้างมาแล้วกว่าสองสมัยเอ่ย ขึน้ ผ่านโทรศัพท์บา้ นที่เป็ นเครื่องมือสื่อสารเพียงชนิดเดียวที่เหลือ เอาไว้ให้ผมติดต่อกับโลกภายนอกได้ เธอเป็ นทัง้ เพื่อนร่วมงาน และพี่สาวผูม้ ากประสบการณ์ของผม ก่อนที่ผมจะได้เป็ น นักเขียนประจาของที่น่กี ็มีเจ๊เบาหวิวนี่แหละที่คอยช่วยเหลือมา โดยตลอด

“แล้วจะให้ผมทายังไงล่ะเจ๊ เจ๊ไปกับผมไม่ได้เหรอ เจ๊ทา อย่างงีเ้ ท่ากับเจ๊สง่ ผมไปตายเลยนะ” ผมทาเสียงออดอ้อนเพื่อ หวังจะให้คนที่อยู่ปลายสายเห็นใจ แต่ดทู ่ามารยาของผมจะใช้ การไม่ได้กบั คนๆนี ้ “ไม่ตอ้ งมาทาตัวน่ารักกับเจ๊เลย ใช้ไม่ได้ผลหรอกย่ะ ไป คิดมุกมาใหม่นะ ละก็อย่าลืมเอาต้นฉบับมาส่งเจ๊ให้ทนั เวลาด้วย” ว่าเสร็จอีกฝ่ ายก็ตดั สายทิง้ อย่างไม่ใยดี เหมือนดังที่ตวั เอกในละครทุกคนต้องเจอนั่นก็คือ อุปสรรค และคนเขียนนิยายเรื่องนีก้ ็ชอบนักที่จะฟาดมันมาใส่ผม ถึงจะยังไม่เข้าใจว่าทาไมอุปสรรคยอดฮิตถึงต้องเป็ นไอพระเอก ตัวดีของนิยายเรื่องนีก้ ็ตามทีเถอะ “เอาวะ เป็ นไงเป็ นกัน รีบไปรีบกลับ จะได้จบๆ” ว่าแล้ว ผมก็ตรงไปยังคอมโดมันด้วยความมุ่งมั่นตัง้ ใจเต็มร้อยก่อน จะต้องสะดุดล้มหน้าแตกดังเพล้ง “หมอยินน่ะเหรอ เขาออกไปข้างนอกตัง้ แต่เช้าแล้ว ฝาก จดหมายเอาไว้ให้ลงุ ด้วย เห็นบอกว่าถ้าแฟนมาหาให้เอา จดหมายให้” ลุงยามยื่นซองจดหมายสีขาวมาให้ดู แต่ทว่าก่อนที่

ผมจะปฏิเสธหรือตัง้ คาถามใดๆเกี่ยวกับแฟนปริศนาของเขา ตา ของผมก็เหลือบไปเห็นชื่อวอดก้าเด่นหราอยู่บนซองนัน้ จึงคว้า หมับ และรีบแกะอ่านจดหมายที่อยู่ขา้ งในด้วยความร้อนรน “ขอบคุณครับลุง เอ่อ แล้วผมก็ไม่ใช่แฟนมันด้วย อย่า เข้าใจผิดนะครับ ผมไปล่ะ” ว่าแล้วผมก็วิ่งแจ้นตรงไปยังจุดนัดพบ ที่เขียนเอาไว้ในเนือ้ ความของจดหมายซึ่งบรรยายเสียหยาดเยิม้ ซา้ ยังมีสติก๊ เกอร์รูปหัวใจตัวใหญ่เท่าควายแปะเอาไว้อีกด้วย ถ้า ไม่ติดที่ว่าภาพจาของยินเป็ นผูช้ ายร่างยักษ์ปากเสีย ผมคงคิดว่า จดหมายฉบับนีถ้ กู เขียนโดยสาวมอปลายที่กาลังจะไปสารภาพ รักกับประธานนักเรียนหนุ่มสุดเนี๊ยบหลังเลิกเรียนตอนเย็นวันศุกร์ แบบในหนังสือการ์ตนู ตาหวานแหงๆ ผมสับขามาจนถึงหน้าตลาดเปิ ดท้ายหลังมอด้วยความ ไวแสง ตาก็สอดส่องมองหาคุณชายในชุดเสือ้ เชิต้ แขนสัน้ สีดากับ กางเกงขาสามส่วนสีครีมตามข้อมูลที่เจ้าตัวได้เขียนบอกเอาไว้ “กาลังมองหาใครอยู่เหรอครับ” เสียงทุม้ ของผูช้ ายคน หนึ่งกระซิบที่ขา้ งหูผมชวนให้รูส้ กึ จัก้ จี ้ แต่ดว้ ยความที่ผมกาลังวุ่น อยู่จึงได้แต่เอามือปั ด และตอบอืมเออแบบส่งๆไปเท่านัน้

“ขอบคุณครับ แต่ผมจัดการเองได้” ว่าแล้วผมก็รีบเดินจา้ อ้าวหนีเขาไปดือ้ ๆ เพราะกลัวว่าเขาจะถามอะไรจุกจิก “งูฉกแล้วมัง้ หาแบบนีท้ งั้ วันก็ไม่เจอหรอก” ชายปริศนา คนนัน้ เอ่ยขึน้ อีกครัง้ จู่ๆระบบประมวลผลของผมก็เริ่มกลับมา ทางาน และนึกขึน้ ได้ว่าเสียงยียวนกวนประสาทอันเป็ น เอกลักษณ์นมี ้ ีเพียงแค่คนเดียวในโลก เมื่อหันหลังกลับไปมองก็พบว่าคนที่ยืนอยู่นนั้ คือคน เดียวกันกับที่ผมกาลังตามหาอยู่ เขาสวมเสือ้ เชิต้ แขนสัน้ สีดากับ กางเกงขาสามส่วนสีครีมตามที่ได้บอกเอาไว้ และที่มือข้างขวาก็ กาลังอุม้ กระถางต้นลิน้ มังกรอยู่ดว้ ย “มะ...แมคบุ๊คกู...กูมาเอาแมคบุ๊คกูคืน” ลิน้ ผมพันกันยิ่ง กว่าสายหูฟังตอนเอาออกมาจากกระเป๋ ากางเกงเมื่อได้เห็นภาพ ของคนตรงหน้าแบบไม่ทนั ตัง้ ตัว “ตะลึงในความหล่อของกูอ่ะดิ ลิน้ พันกันเชียว ให้กชู ่วย คลายมันออกจากกันให้ปะ” ก็ยอมรับแหละว่าเป็ นแบบนัน้ จริง จนกระทั่งได้ยินประโยคหลังที่มนั พูดก็นึกขึน้ ได้ทนั ทีว่าไอหมอนี่ มันได้ความหล่อมาแต่พระเจ้าลืมบอกวิธีใช้

“ไม่ตอ้ งมาเปลี่ยนเรื่อง กูตอ้ งรีบส่งต้นฉบับ คืนมือถือกู มาด้วย” ผมยื่นมือออกไปทวงคืนของของผม “เออๆ ไม่ตอ้ งมาทวงก็จะคืนให้อยู่แล้ว กูรูว้ ่ามึง จาเป็ นต้องใช้ ต่อให้ไม่ตอ้ งส่งต้นฉบับ วันจันทร์ก็ตอ้ งใช้เรียนอยู่ดี ใช่มยั้ ล่ะ” ที่มนั พูดมาก็ฟังดูมีเหตุผล แต่ไอที่ไม่มีเหตุผลคือมันจะ เรียกผมมาที่น่ที าไมถ้าจะคืนให้ตงั้ แต่แรก “งัน้ มึงให้กมู านี่ทาไมอ่ะ” ผมถามมันออกไปตรงๆ คน อย่างมันไม่ทาเรื่องอะไรง่ายๆแบบนีห้ รอก “ช่วยอะไรเล็กๆน้อยๆอย่างถือของก็ได้ ที่ทงิ ้ จดหมายไว้ก็ ไม่ได้รูว้ ่ามึงจะมาแน่รเึ ปล่าด้วย แค่มีลางสังหรณ์เฉยๆ” หรือก็คือ ถ้ามันรูล้ ว่ งหน้าว่าผมจะมาแน่ๆ มันก็จะเสนอข้อแลกเปลี่ยน ราคาแพงให้ผมนั่นเอง ช่างน่ารักเสียจริงๆ “เซ้นส์แรงจริงๆนะมึงอ่ะ มา จะให้ช่วยถืออะไร กระถาง ต้นไม้นนั้ ปะ” ผมชีไ้ ปยังเจ้าหนูท่อี ยู่ในมือข้างขวาของเขา เดาว่า เขาน่าจะซือ้ มาวางไว้ฟอกอากาศภายในห้อง

“อือ เอาสิ เดี๋ยวขอเดินเล่นสักแป็ บซือ้ ข้าวเสร็จก็ว่าจะ กลับละ มึงกินอะไรปะ เดี๋ยวกูเลีย้ ง ไม่มีเงินนี่” ผมแอบเหลือบไป เห็นมันกาลังกลัน้ ขาอย่างสุดฤทธิ์ ไม่บอกก็รูว้ ่ามันกาลังสนุกอยู่ “พูดแล้วนะ กูจะรีดไถจนมึงร้องขอชีวิตเลย” ถึงจะพูด แบบนัน้ ก็เถอะ แต่บา้ นมันก็ไม่ได้ยากจนข้นแค้นอะไร ในทาง กลับกัน ยิ่งมันได้เห็นผมกินอิ่มนอนหลับมันยิ่งชอบใจด้วยซา้ “ไม่รอ้ งขอหรอก กูให้มงึ ทัง้ ชีวิตเลยก็ยงั ได้” ว่าแล้วมันก็ มองมาที่ผมพร้อมรอยยิม้ บางๆบนใบหน้า “ประสาท” ผมตอบกลับมันสัน้ ๆก่อนจะเบือ้ นหน้าหนี และยกกระถางขึน้ มาปิ ดแก้มที่กาลังเปลี่ยนเป็ นสีแดงทันที ใช่ว่า ผมจะเขินมันหรอกนะ จะว่ายังไงดีละ่ ก็ประเทศไทยมันเป็ นเมือง ร้อนนี่นา ช่วยไม่ได้ “หน้าแดงใหญ่แล้ว” มันเอือ้ มมือมาลูบแก้มผมเบาๆ ถ้า เป็ นปกติผมคงจะปัดมือมันออก แต่พอมือไม่ว่างบวกกับอาการ เสียทรง ผมจึงทาได้แค่เม้มปากแล้วเบือ้ นหน้าหนีอย่างเขินๆ “อย่าแกล้งกันสิ รีบเดิน จะได้รีบกลับ จะไปไหนกันก่อนดี ล่ะ” ผมใช้สกิลการเปลี่ยนเรื่องที่เป็ นความสามารถพิเศษอันสุด

แสนจะภูมิใจอีกครัง้ เพื่อหลีกเลี่ยงเลิฟซีนที่อาจจะเกิดขึน้ จาก บรรยากาศคิมิโนโต๊ะเมื่อสักครูน่ ี ้ “เล่นตัวทาไมเนี่ย เฮ้อ เอาเถอะ ไปแถวโซนสัตว์เลีย้ งก็ แล้วกัน” ว่าเสร็จยินก็เดินนาผมไป ก่อนจะถอนหายใจแล้วทา หน้าเหมือนแมวโดนตอน “ไปทาไมแถวนัน้ อ่ะ จะซือ้ อะไรมาเลีย้ งเหรอ” ผมถาม เขาด้วยความสงสัย เพราะปกติยินยุ่งมากจนไม่มีเวลามาใส่ใจ แม้แต่ตวั เขาเอง ถ้าจะมีอะไรในโลกนีท้ ่ียินยอมปันเวลาส่วนตัวให้ ก็คงมีแต่ผมนี่แหละ “เปล่า พอดีญาติท่พี ่งึ เสียไปเขาเลีย้ งหมาเอาไว้ตวั นึง ตอนนีไ้ ม่มีคนดูแล เลยโดนผลักภาระมาให้แบบกระทันหันน่ะ” ผมเออออห่อหมกไปพลาง จินตนาการภาพเจ้าหมาตัวนัน้ ไป พลาง บางทีมนั อาจจะเป็ นพุดเดิล้ หรืออาจจะเป็ นบีเกิลก็ได้ “แล้วตอนนีม้ นั อยู่บา้ นมึงใช่ปะ ขากลับตอนไปเอาของ จะได้ไปดูดว้ ย กูอยากเห็นอ่ะ” ผมมองเขาตาเป็ นประกาย จริงอยู่ ที่ว่าถ้าให้เลือกระหว่างหมากับแมวผมคงตัดสินใจได้ยากพอๆกับ

การเลือกดื่มโค้กหรือเป็ ปซี่ แต่เพราะเมื่อก่อนผมเองก็เคยเลีย้ ง หมา ดังนัน้ ผมจึงค่อนข้างปันใจให้หมาพันธุเ์ ล็กเป็ นพิเศษ “ตาวาวเชียวนะ เคยเลีย้ งหมาด้วยเหรอ” เขาถามผม ระหว่างที่กาลังนั่งเลือกอาหารเม็ด ผมจึงพยักหน้าตอบเบาๆ เมื่อตอนวันเกิดอายุครบเจ็ดขวบของผม หนึ่งในของขวัญ ที่ผมได้รบั คือลูกสุนขั สีขาวตัวหนึ่ง ฟั งดูปกติดี ไม่มีเด็กคนไหนไม่ ชอบที่พ่อแม่ซอื ้ สัตว์เลีย้ งให้ ไม่เชื่อก็ลองคนคาว่า ‘SURPRISING KIDS WITH A PUPPY’ ในอินเทอร์เน็ตดู คุณจะพบว่าลูกหมา สามารถทาดาเมทแบบเดียวกับหัวหอมได้ เพียงแต่ว่ามันจะไม่ทา ให้คณ ุ แสบตา และไม่จาเป็ นต้องหั่นเพื่อให้เกิดอนิเมชั่นเลย แล้วคาถามคืออะไรที่มนั ไม่ปกติสาหรับเรื่องนี ้ คาตอบ คือครอบครัวของผมไม่ได้ซือ้ ลูกสุนขั ให้ผมเพราะเห็นว่าผมอยาก มีสตั ว์เลีย้ ง หรืออยากทาให้ผมมีความสุข แต่พวกเขาต้องการให้ ผมรับผิดชอบชีวิตของมันจนเกิดความผูกพัน และการตายของ มันจะมอบบทเรียนที่ดีท่สี ดุ ให้กบั ผมเอง เอาเข้าจริงๆ ถึงแม้ว่าเหตุการณ์นจี ้ ะทาให้ผมรูซ้ งึ ้ ถึง คุณค่าของการมีชีวิต แต่มนั ก็แอบโหดร้ายไปหน่อยถ้าจะบอกว่า

พวกเขาตัง้ ใจซือ้ อลิซาเบธที่หนึ่งมาเพื่อหวังให้มนั ตาย และมอบ บทเรียนแก่ผม ทว่าสาหรับผมแล้ว สิ่งที่พวกเขาทาก็คงเหมือนกับ โรงเรียน หากมองในแง่ดี โรงเรียนก็เป็ นสถานศึกษาที่มอบความรู ้ ให้แก่เรา แต่ถา้ มองในแง่ความเป็ นจริงแล้ว โรงเรียนเองก็เป็ น หนึ่งในธุรกิจเหมือนกัน ทุกสิ่งย่อมมีเหตุผลของมัน โรงเรียนจ้าง ครูมาสอนผมก็เพราะครูตอ้ งการเงินเดือน ครอบครัวก็สอนผม เพราะหวังให้ผมโตไปเป็ นคนที่ดีในสังคมเช่นกัน ผมไม่รูห้ รอกว่าสิ่งที่พวกเขาทามันถูกต้องหรือเปล่า คนเราย่อมมีเรื่องที่พลาดกันบ้าง ตัวผมในตอนนีเ้ องก็คงตัดสิน อะไรไม่ได้ แต่เพราะคาสอนเหล่านัน้ ถึงหล่อหลอมให้เป็ นตัวผม ในวันนี ้ และผมก็ไม่ได้เกลียดมันหรอกนะ “เรียบร้อยละ เหลือแค่ซือ้ ข้าวเย็น ทีนีก้ ็จะได้กลับไปนอน สักที” ยินบิดขีเ้ กียจก่อนจะยัดถุงใส่กระสอบอาหารเม็ดมาให้ผม ถืออย่างหน้าด้านๆ บางทีผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่ามันเป็ นพระเอก ของนิยายเรื่องนีแ้ น่เหรอ ทาไมคนเขียนถึงได้รสนิยมแย่แบบนี ้ ผม คิดว่าพระเอกในนิยายจะเป็ นสุภาพบุรุษ นิสยั ดี มีมารยาท แต่กบั ไอหมอนี่มนั คนละเรื่องกันเลยไม่ใช่รไึ ง

“ใช้ซะคุม้ เลยนะ ทีนีก้ ็ถึงตากูถอนทุนคืนบ้าง เตรียมบัตร ไว้เลย คืนนีก้ จู ะรูดแม่งให้เกลีย้ งบัญชี” ผมวางสัมภาระไว้บนโต๊ะ และแย่งบัตรเครดิตมาจากมือมันที่กาลังนั่งยิม้ ไม่รูร้ อ้ นรูห้ นาวอยู่ บนเก้าอีข้ า้ งๆกัน “เมตตาด้วยขอรับองค์หญิง จะสิน้ เดือนแล้ว กระผมมี ภาระที่ตอ้ งดูแลเลีย้ งปากเลีย้ งท้องลูกๆ” ถึงจะพูดแบบนัน้ แต่ดู จากสายตาที่มนั มองมานี่อย่างกับจะบอกว่ากรุณานาเงินทุกบาท ทุกสตางค์ของผมไปใช้เถอะครับ ผมอยากเห็นเธอมีความสุข ปล. ใส่เอฟเฟคหัวใจฟรุง้ ฟริง้ ด้วย “สัญญาต้องเป็ นสัญญา มึงนั่งรออยู่ตรงนีแ้ หละ กูจะนา ความชิบหายมาสู่วงเงินในบัญชีมงึ เอง” แน่นอนว่าที่ผมพูดไป ไม่ได้เป็ นการล้อเล่นแต่อย่างใด แม่มกั จะบอกผมอยู่เสมอว่า ลูกผูช้ ายต้องรูจ้ กั รักษาสัญญา และตอนนีผ้ มคิดว่าแม่คงกาลัง ภูมิใจในตัวผมอยู่แน่นอน หลังจากที่ได้เดินสารวจมาสักพักในที่สดุ ผมก็มา หยุดอยู่ตรงหน้าร้านขนมหวานเจ้าประจาที่ช่ือขึน้ ต้นด้วยคาว่า

After ลงท้ายด้วยคาว่า you ใช่ครับ อย่างที่ทกุ คนคิดเลย มันคือ ร้าน After I met you นั่นเอง ถึงแม้ว่าไอพี่ยินจะเป็ นพระเอกที่ไม่ได้ความ แต่กบั ผม แล้วคนละเรื่องกันเลย ทัง้ นิสยั น่ารักๆอย่างการชอบกินขนมหวาน หรือชอบของหน้าตาน่ารัก ผมล้วนมีคณ ุ สมบัติพวกนัน้ หมด เรียก ได้ว่าเป็ นฝ่ ายรับแบบพิมพ์นิยมก็ว่าได้ ดังนัน้ ถ้าถามว่าหากมีเงิน ให้ใช้แบบไม่ตอ้ งกังวลว่าตัวเองจะเดือดร้อนแล้วผมจะเอาไปลง กับอะไร ผมก็จะขอตอบอย่างมั่นใจว่าต้องเป็ นของหวานแน่นอน “ยินดีตอ้ นรับค่ะ วันนีจ้ ะรับอะไรดีคะ” เมื่อเห็นว่ามีลกู ค้า หน้าตาคุน้ เคยเดินเข้ามาในร้าน พนักงานสาวก็เอ่ยคาทักทาย อย่างเป็ นมิตรทันที “วันนีผ้ มขอสั่งชุด Extra special exclusive specific premium strawberry of darkness ก็แล้วกันครับ รอมานาน ใน ที่สดุ ก็จะได้กินสักที” ผมชีไ้ ปยังใบเมนูพิเศษโทนสีดาทองหรูหรา เคลือบด้วยเรซิ่นหนาพิเศษ ซา้ ยังมีกรอบไม้ลายไทยแกะสลัก ประดับตกแต่งเอาไว้อีกด้วย

“คะ...คุณลูกค้า...สั่งชุด Extra special exclusive specific premium strawberry of darkness งัน้ เหรอคะ” พนักงานยกมือขึน้ มาปิ ดปากด้วยความตกใจ “ว่าไงนะ เด็กคนนัน้ สั่งชุด Extra special exclusive specific premium strawberry of darkness อย่างงัน้ เหรอ ปี ศาจชัดๆ” เมื่อได้ยินที่พนักงานพูด หนึ่งในลูกค้าผูช้ ายที่เป็ น พนักงานบริษัทก็ถึงกับทาของที่อยู่ในมือร่วง “โอ้พระผูเ้ ป็ นเจ้า โปรดเมตตาเด็กน้อยผูโ้ ง่เขลาคนนัน้ ด้วยเถิด” จู่ๆซิสเตอร์ท่นี ่งั อยู่ก็หยิบไม้กางเขนในกระเป๋ าสะพาย ขึน้ มา และเริ่มสวดมนต์ “ไอของหวานที่ราคาแพงแถมยังชื่อฟั งดูเบียวแบบสุดๆ นั่นน่ะนะ เด็กคนนัน้ พูดไม่ผิดใช่มยั้ ไม่สิ ต้องพูดไม่ผิดแน่” ว่า แล้วคุณป้าที่ยืนอยู่ขา้ งๆผมก็ทรุดลงไปนอนหายใจหอบอยู่ขา้ งๆ “ทาใจดีๆเอาไว้นะคะ มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ บอก เขาไปสิว่าเธอแค่พดู เล่นน่ะ” พี่สาวพนักงานวิ่งมารับตัวคุณป้าคน นัน้ ไว้ และเริ่มปั๊มหัวใจไป พูดกับผมไป

“ขอโทษด้วยนะครับทุกคน แต่สิ่งที่ผมพูดคือความจริง ผมจะสั่งชุด Extra special exclusive specific premium strawberry of darkness ครับ” ว่าแล้ว ผมก็ย่ืนบัตรเครดิตสีดา ให้พ่พี นักงานรูดเพื่อชาระเงิน ก่อนจะเดินเชิดออกจากร้านไป แต่ ทว่าก่อนที่ผมจะเปิ ดประตู สายตาของผมก็เหลือบไปเห็น บางอย่างในตูแ้ ช่ “เค้กสาหรับสุนขั งัน้ เหรอ” จู่ๆเรื่องญาติท่ียินเล่าให้ฟังว่า พึ่งเสียไปก็แวบเข้ามาในหัว ผมเข้าใจดีถึงความรูส้ กึ ที่ตอ้ งสูญเสีย ใครสักคนไป ยิ่งเจ้าหมาตัวนัน้ ต้องเปลี่ยนเจ้าของใหม่กระทันหัน แถมยังต้องย้ายมาอยู่ในที่ท่ไี ม่คนุ้ ชิน คงจะปรับตัวไม่ทนั แน่เลย รูต้ วั อีกทีก็มีกล่องใส่เค้กถืออยู่ในมือเสียแล้ว ผมตัง้ ใจ เลือกมาทัง้ หมดสี่กอ้ น แต่เป็ นก้อนเล็กๆที่มีหลายรสชาติ มันจะ ได้ไม่เบื่อด้วย เห็นว่าแช่ตเู้ ย็นไว้ได้นาน ก็ให้มนั ทานสัปดาห์ละ สองก้อนก็คงจะไม่เป็ นไร “ธนาคารพึ่งส่งข้อความมาบอกว่าเงินออกจากบัญชีกู เกือบหมื่นเลยนะ นี่มงึ ไปเหมาตลาดมารึไงวะเนี่ย” ยินยื่นมือถือ

มาให้ผมดูขอ้ ความที่ว่า ผมจึงก้มหน้าลงไปดูพอเป็ นพิธีแล้วยืด ตัวขึน้ ยักไหล่ไม่รูไ้ ม่ชี ้ “ก็เตือนแล้วว่าจะไม่เกรงใจ เอ้า นี่ อันนีข้ องฝาก” ผมยื่น กล่องใส่เค้กไปให้มนั พลางคิดในใจว่ากะอีแค่เงินไม่ถึงหมื่นมัน จะไปเหมาตลาดได้ยงั ไง เรียนมาสูงแท้ๆ “เค้กเหรอ ปกติกไู ม่ได้กินหวานสักหน่อย” ก็ถกู ของมัน ถึงจะบอกว่าของฝาก แต่อนั ที่จริงก็ไม่ใช่ของมันหรอก เรื่องอะไร ทาไมผมถึงจะต้องทาดีให้มนั กันล่ะ “อันนีข้ องหมามึง กูเห็นมันขายอยู่ในร้านที่กไู ปซือ้ ของ เลยคิดว่าคงจะดีถา้ ได้ฉลองบ้านใหม่ให้มนั ” เมื่อได้ยินดังนัน้ ยิน จึงแกะกล่องเค้กนัน้ ดูอย่างระมัดระวัง และเงยหน้ามามองผม ด้วยความสงสัย “นี่มงึ คิดว่าหมากูเป็ นพันธุอ์ ะไร พุดเดิล้ เหรอ หรือบีเกิล้ ” มันยิม้ เยาะ และส่ายหน้าด้วยความเย้ยหยัน ผมขอคืนคาที่เคย ด่าว่ามันโง่ ไอหมอนี่มนั อ่านใจผมออกจนหมดจดเลยต่างหาก

“อ้าว ไม่ใช่เหรอ ปกติคนเขาก็เลีย้ งหมาพันธุพ์ วกนีก้ นั ไม่ใช่เหรอ” ผมเอียงคอสับสน สุดท้ายยินก็ตอ้ งยอมถอนหายใจ ออกมาอย่างหน่ายๆ และเปิ ดรูปเจ้าหมาตัวนัน้ ให้ผมดู “กูยงั ไม่เคยบอกมึงเลยไม่ใช่รไึ งว่ามันพันธุอ์ ะไร มึงนี่ ชอบคิดไปเองตลอด ทัง้ เรื่องกูทงั้ เรื่องหมากูเลย” ผมจิป๊ ากเมื่อได้ ยินเขาหลงประเด็น แต่ก็ยอมก้มลงไปดูภาพของหมาตัวนัน้ “เชี่- เซนต์เบอร์นาร์ด”

บทที่ 3 ตัง้ แต่ท่ไี ด้เห็นภาพต้องสาปนัน้ สมองของผมก็ออฟไลน์ ทันทีราวกับถูกเจ้าหมาเซนต์เบอร์นาร์ดในรูปเอาเครื่องตัด สัญญาณมาจ่อที่หวั แล้วพูดว่า “บอกลาซะสิ” ก่อนจะบึม้ น้องๆ พุดเดิล้ และบีเกิล้ ในหัวผมจนสลายหายไปอย่างช้าๆราวกับฉาก ทานอสดีดถุงมือในหนังเรื่องมหาสงครามล้างจักรวาล จนตอนนี ้ ผมยังได้ยินเสียงพวกเขาพูดว่า “คุณวอดก้า ผมรูส้ กึ ไม่ค่อย สบาย” แว่วมาตามลมอยู่เลย ให้ตายสิ ไอความรูส้ กึ เหมือนถูกหัก หลังทัง้ ที่ยงั ไม่ได้ทาอะไรเลยมันเป็ นแบบนีน้ ่เี อง “มึงจะไม่พดู อะไรหน่อยเหรอ” ไอพี่ยินอาศัยจังหวะที่ กาลังติดไฟแดงอยู่เอ่ยขึน้ เพื่อทาลายบรรยากาศมาคุอนั บังเกิด จากการที่ผมไม่พดู อะไรเลยมาจะชั่วโมงกว่าแล้ว “ให้เวลากูหน่อยดิ ตอนนีก้ กู าลังต่อสูก้ บั ความผิดหวัง แบบเดียวกันกับนางเอกหนังฆาตรกรรมที่สืบจนได้รูว้ ่าผูร้ า้ ยตัว จริงที่ฆ่าลูกสาวตัวเองคือสามีท่ีเคียงข้างกันมาตลอดเลยนะเว่ย” ผมพูดด้วยนา้ เสียงจริงจังจนอีกฝ่ ายหลุดขาออกมา

“เรื่องเมื่อวาน” เมื่อได้ยินเขาเอ่ยถึงมันผมก็แทบอยากจะ ลุกหนีไปทันที แต่เพราะยินรูท้ นั จึงได้จบั มือผมที่กอดเอวเขาเอาไว้ เพื่อรัง้ ให้ผมฟั งให้จบก่อน “ใจเย็น กูแค่จะบอกว่าถ้ามึงไม่พร้อมจะคุยเรื่องนีก้ ็ไม่ เป็ นไร ความผิดกูเองที่จ่ๆู ก็พดู ถึงมันโดยไม่คิดถึงความรูส้ ึกมึง แต่ ไหนๆก็พดู ออกมาแล้ว ยังไงกูก็อยากจะเคลียร์ให้มนั จบๆ เพราะ งัน้ ถ้ามึงพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกกู กูจะรอ” เมื่อพูดจบยินก็ปล่อยมือ ผม แล้วขับรถต่อไปเงียบๆ “อือ” ผมตอบกลับยินสัน้ ๆก่อนจะซบลงที่หลังของมัน แล้วหลับตาลง เกือบจะลืมไปแล้วว่าเมื่อวานทะเลาะกัน ต้อง ขอบคุณที่ตน้ ฉบับต้องส่งให้ทนั ภายในวันพรุง่ นี ้ ไม่งนั้ ตอนนีก้ ็คง ยังมองหน้ากันไม่ติดแน่ๆ ทัง้ ที่ปกติเป็ นคนขีเ้ ล่น หยาบคาย สะกดคาว่ามารยาทไม่ เป็ นแท้ๆ แต่พอพูดถึงเรื่องนีเ้ ขากลับดูอ่อนโยนขึน้ เรียกได้ว่า เปลี่ยนจากหน้ามือเป็ นหลังเท้าเลยแหละ ทาไมกันนะ เพราะรูส้ กึ ผิดเหรอ หรือเพราะเขาคิดว่าผมมันน่าสมเพชกันแน่ จนแล้วจน รอดผมก็คิดไม่ออก ไม่เข้าใจจริงๆว่าเขาคิดอะไรอยู่กนั แน่

“กลับดึกจนได้ มึงขึน้ ไปรอบนห้องก่อนเลย เดี๋ยวกูขอไป ติดศีลบนลุงยามแป๊ บ” ผมรับกุญแจที่เขาโยนมาให้แบบลวกๆ ด้วยความรีบร้อน ก่อนจะถอดหมวกกันน็อค และมองดูนาฬกิ าใน มือถือที่พ่งึ ได้รบั มาจากยินเมื่อตอนอยู่ท่ีตลาดอย่างเงียบๆ ไม่ว่านี่จะเป็ นหนึ่งในแผนการของมันหรือไม่ แต่ยงั ไงคืน นีผ้ มก็คงไม่มีตวั เลือกอื่นนอกจากจะต้องนอนค้างที่หอ้ งมันอย่าง เลี่ยงไม่ได้ เอาเถอะ ดูเหมือนเรื่องที่บาดหมางกันจะจบลงด้วยดี แล้ว เพราะงัน้ ต่อให้พยายามขัดขืนไปก็พาลแต่จะสร้างภาระให้ ตัวเองเปล่าๆ ถึงยินจะเป็ นคนแบบนี ้ แต่ถา้ ขาดมันไปสักคนก็คง จะลาบากแย่ ยอมเป็ นเด็กดีเดินตามขนมหวานเข้าบ้านแม่มดสัก ครัง้ เห็นจะเป็ นไรไป ผมหยิบกุญแจเพื่อเปิ ดประตูเข้าไปในห้องของยินทันทีท่ี มาถึง แต่ดเู หมือนว่าพลังงานที่เสียไปกับขึน้ บันไดจะทาให้ผมลืม เสียสนิทว่าภายในห้องมีบางสิ่งกาลังรออยู่ ปึ ก ! แทบจะทันทีท่ผี มหมุนลูกบิดประตู เจ้าก้อนขนยักษ์ก็วิ่ง หอบแฮกๆพุ่งเข้ามา และกระโจนใส่ผมอย่างจังจนตัวผมล้มลงไป

กองอยู่กบั พืน้ พร้อมเจ้าหมาเซนต์เบอร์นาร์ดที่ดนิ ้ ระริกระรีอ้ ยู่บน ตัวผม ถ้าให้เดาผมคิดว่ายินน่าจะปล่อยให้มนั รอนานไปหน่อย มันจึงดีใจที่ได้เห็นเจ้าของกลับมา “แต่ขอโทษเถอะ กูไม่ใช่เจ้ามึงโว้ย ออกไปเดี๋ยวนี”้ ผม พยายามดันหน้าของมันออกไป ทว่าก็ไม่เป็ นผล ไม่รูว้ ่าเพราะมัน แก่จนประสาทการดมกลิ่นเสีย หรือเพราะมันสายตาแย่จนเห็น ผมเป็ นลูกกวาดยักษ์กนั แน่ มันถึงได้ระดมเลียจนหัวผมเปี ยกไป ด้วยนา้ ลายของมันหมดแล้ว “ดูเหมือนว่ามันจะชอบมึงนะ มานี่มาเบอร์รโิ ต้ แฟนป๊ า ซือ้ เค้กมาฝากด้วย” เมื่อได้ยินเสียงอันคุน้ หู ทัง้ ผมทัง้ เจ้าเซนต์ เบอร์นาร์ดบนตัวที่ดเู หมือนจะชื่อว่าเบอร์รโิ ต้ก็หนั ไปทางเดียวกัน อย่างพร้อมเพรียง “ไอหมาตัวนีม้ นั ซื่อบือ้ หรือแค่เฟรนลี่กนั แน่ ถึงกล้า กระโจนใส่คนแปลกหน้าแบบนี ้ แล้วอย่าบอกนะว่าปลอกคอนั่น มึงเป็ นคนเลือกให้มนั อ่ะ ดูแล้วโคตรอึดอัดเลย” ผมชีไ้ ปยังปลอก คอที่มีถงั เล็กๆคล้ายถังไวน์สลักคาว่า ‘BURRITO’ อยู่ตรงกลาง

“เปล่า เจ้าของเก่ามันเป็ นคนเลือก รูส้ ึกเหมือนเขาจะเป็ น นักสารวจหรืออะไรสักอย่างนี่แหละ เวลาทางานก็จะพาเบอร์ริโต้ ไปด้วย ถังไวน์ตรงคอมันมีไว้ใส่เหล้าหรือยาสาหรับปฐมพยาบาล เบือ้ งต้น นี่เอ็สเซสเซอรี่ยงั ไม่ครบนะ ปกติตอนอยู่เนปาลจะมีผา้ คลุมผูกไว้ท่เี อวด้วย แต่พอมาอยู่ท่ไี ทยกูเลยเอาออก” ว่าเสร็จยิน ก็หยิบผ้าคลุมที่ว่าให้ดู เมื่อเห็นเครื่องแบบประจาตัวเบอร์รโิ ต้ก็ยก เท้าขึน้ มาเขี่ยยินทันที รูส้ กึ เหมือนเจ้าหมานักบุญตัวนีจ้ ะยังไม่ พร้อมถูกปลดเกษียณ “ก็เข้าใจว่าปกติใส่บ่อยจนเคยชิน แต่ถา้ อยู่ท่ไี ทยอากาศ ร้อนนรกแบบนี ้ จะดีกว่าถ้าถอดเก็บเอาไว้นะ” ผมถอนหายใจ ก่อนจะก้มลงไปลูบหัวปลอบเบอร์ริโต้ท่ีนอนร้องหงิงๆอยู่กบั พืน้ “ถ้าเข้าใจแล้วก็ไปอาบนา้ พร้อมมันเลย ตัวเหม็นแบบนีก้ ู ไม่ให้นอนด้วยหรอกนะ” ยินยื่นผ้าขนหนูสีขาวผืนใหม่มาให้ผม พลางชีไ้ ปทางห้องนา้ แหม คิดว่าอยากจะนอนด้วยมากรึไง “มึงเป็ นสัตวแพทย์นะ ไม่สิ ถึงจะไม่ใช่สตั วแพทย์มงึ ก็ เป็ นเจ้าของมันอยู่ดี ถ้าจะมีใครควรอาบนา้ ให้มนั ก็ตอ้ งเป็ นมึงสิ ไม่ใช่ก”ู ผมเดินหนีเข้าห้องนา้ ไปก่อนจะโดนโบ้ยภาระอะไรให้อีก

ถึงจะดูไม่ดีท่ปี ฏิเสธการขอความช่วยเหลือจากเจ้าของ ห้องนา้ ที่ผมกาลังเข้าอยู่ก็เถอะ แต่ท่ตี วั ผมเละเทะแบบนีก้ ็เพราะ เจ้าตัวใช้งานผมจนเหงื่อท่วมนั่นแหละ แถมหมาของเขาก็เลียผม จนเหนียวไปหมดด้วย “เฮ้อ ร้อนชะมัดเลย อาบนา้ ก่อนค่อยไปโดนมันดุก็แล้ว กัน” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะถอดเสือ้ ผ้าใส่เครื่องซักแล้ว ลากสังขาลตัวเองไปล้างเนือ้ ล้างตัว ผมเป็ นคนหนึ่งที่ค่อนข้างให้ความสาคัญกับห้องนา้ ถ้า พืน้ มีคราบก็จะรูส้ กึ ไม่อยากเหยียบ ถ้าผนังเริ่มผุ หรือมีหยากไย่ก็ แทบจะไม่อยากเข้า ตอนที่ผมเลือกหอช่วงเข้ามหาลัย ผมใช้เวลา อยู่หลายเดือนกว่าจะเจอห้องนา้ ที่แยกโซนเปี ยกกับโซนแห้งได้ ทว่าสุดท้ายด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง ผมจึงกลับมาตายรังอยู่ท่ี คอนโดปัจจุบนั บางทีผมอาจจะเสพติดความสบายไปแล้วก็ได้ เพราะตอนนีผ้ มนึกภาพตัวเองกลับไปนอนหอที่ตอ้ งเงียบเพื่อ ไม่ให้รบกวนคนอื่น หรือถือตะกร้าลงไปร้านเครื่องซักผ้าหยอด เหรียญไม่ได้จริงๆ

แต่ถึงคอนโดที่ผมอยู่ปัจจุบนั จะดีสาหรับผมแล้ว มันก็ เทียบกับคอนโดของยินไม่ได้เลย นอกจากห้องนา้ จะแยกโซน เปี ยกโซนแห้งแล้ว ยังมีหอ้ งเปลี่ยนชุดแยก แถมยังมีอ่างอาบนา้ อีกด้วย นี่มนั ไม่ใช่แค่คอนโดแล้ว นี่มนั โรงแรมชัดๆ “อ้า ในที่สดุ ก็ได้ผ่อนคลายสบายใจในอ่างนา้ อุ่นๆ ถ้ามี Bath Bomb สักหน่อยก็คงดี” ผมหลับตาพริม้ สูดกลิ่นซิตรัสอ่อนๆ จากครีมอาบนา้ ที่พ่งึ ใช้ไป ก่อนจะเผลอนึกขึน้ ได้ว่าเจ้าของกลิ่นนี ้ คือใคร และลืมตาขึน้ ขมวดคิว้ อย่างเซ็งๆ ครืด เสียงเปิ ดประตูบานเลื่อนดังขึน้ พร้อมเสียงฝี เท้าเดินตรง เข้ามาทางผม เอาจริงดิ ทิฐิสงู เกินไปแล้ว นี่มนั สะกดคาว่ายอม แพ้เป็ นรึเปล่าเนี่ย คนกาลังอาบนา้ อยู่นะเฮ่ย ถึงจะไม่มีมารยาท แต่อย่างน้อยก็ช่วยมีเมตตากับตรูหน่อยเถอะ “ถามจริง เวลาอาบนา้ ก็กะจะไม่ให้พกั เลยเหรอ” ผม พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะไม่มองต่าลงไปสบตากับข้าว หลามที่มนั พกมาด้วย แต่ก็อดไม่ได้จริงๆ

“ที่มงึ ลืมของไว้ก็เรื่องนึง ที่มงึ มาค้างก็อีกเรื่องนึง ตอบ แทนด้วยการอาบนา้ หมาแค่นมี ้ นั ยากนักรึไง” ถึงจะพูดแบบนัน้ แต่สดุ ท้ายมันก็น่งั อาบนา้ ให้เบอร์ริโต้เองอยู่ดี จะทาก็ทาได้น่นี า “ตัวใหญ่ขนาดนีก้ ไู ม่ไหวหรอก ว่าแต่มงึ เถอะ รอเป็ นมัย้ ไม่เห็นเหรอว่าคนเขากาลังใช้หอ้ งนา้ อยู่” ผมขดตัวเป็ นกิง้ กือด้วย ความอาย อายุก็ปนู นีแ้ ล้ว ทาไมถึงกล้าแก้ผา้ เดินโทงๆอยู่นะ โต แต่ตวั รึไงกันเนี่ย “ผูช้ ายด้วยกัน จะอายทาไม ส่องกระจกดูมงึ ก็มีเหมือนกู นั่นแหละ” ถึงจะพูดแบบนัน้ ก็เถอะ แต่ถา้ ให้เทียบกันกับของยิน แล้ว ของผมกลายเป็ นแหนมตุม้ จิ๋วไปเลย ยิ่งพูดยิ่งรูส้ กึ รันทดใจ เอาเถอะ อย่างน้อยก็ผ่านเกณฑ์มาตรฐานชายไทยล่ะวะ “เฮ้อ งัน้ ก็ช่างมันเถอะ จะทาอะไรก็ทา อย่าแย่งอ่างนา้ กู ก็พอ อีกสิบห้านาทีชุดกูจะซักเสร็จ” ถึงแค่ป่ ันหมาดจะไม่ได้ทาให้ แห้ง แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่ซกั ล่ะนะ ผมที่ขเี ้ กลียดเป็ นอนิจจา เวลาเร่งๆก็ชอบใส่เสือ้ ผ้าที่พ่งึ ซักไปยืนตากแถวคอมเพรสเซอร์ แอร์บ่อยๆเหมือนกัน

“อ่างนา้ มึงอะไรล่ะ อ่างนา้ กูเถอะ ถ้าไม่ติดที่ตอ้ งรีบเป่ า ขนมันจะได้ไม่เป็ นเชือ้ รา กูคงลงไปนอนแช่กบั มึงแล้ว” นาทีนผี ้ ม คงต้องยกความดีความชอบให้กบั เจ้าหมาเซนต์เบอร์นาร์ดนี่แล้ว เป็ นหมาที่ทาหน้าที่เป็ นไม้กนั หมาอีกทีได้ดีมาก นี่ก็นานมาแล้วที่พวกเราไม่ได้น่งั คุยกันสบายๆเหมือน เมื่อก่อน อย่างน้อยเพลง ‘Everything Stays’ จากการ์ตนู เรื่อง ‘Adventure Time’ ก็พดู ความจริงที่ว่าแม้บางสิ่งจะเปลี่ยนไป แต่ มันก็เป็ นของชิน้ เดิม ค่อยโล่งใจหน่อยที่ได้รูว้ ่าชีวิตวัยเด็กอันแสน สดใสของผมไม่ได้มีแต่เรื่องโกหกอย่างซานตาคลอส “มึงคงกาลังคิดว่าดีจงั ที่พวกเรากลับมาคุยกันได้เหมือน เมื่อก่อน อย่างงัน้ ใช่ปะ” เอาล่ะ ได้เวลาหมอยินนักทานายแล้ว ผมนี่อยากรูจ้ ริงๆเลยว่าเวลาตัวเองคิดจะมีซบั ไตเติล้ ขึน้ ที่ หน้าผากหรือยังไง ทาไมคนๆนีถ้ ึงได้อ่านใจผมเก่งจัง “ก็แล้วมันไม่ดีรไึ ง ที่ผ่านมามึงรูม้ ยั้ ว่ากูตอ้ งเสแสร้งแกล้ง เล่นบทคนความจาเสื่อมทัง้ ที่ภาพในอดีตมันกาลังฉายอย่างกับ หนังสามมิติทบั หน้ามึงเลย” ผมกางแขนกางขาประกอบการ อธิบายเพื่อให้มนั เข้าใจ แต่เอาจริงๆมันก็คงพอเดาได้น่นั แหละว่า

เป็ นยังไง ผมแค่อยากเล่นใหญ่เฉยๆ ไม่ได้มีแค่ผมที่ตอ้ งทนเล่น ละครแฟนเก่าที่แสนดีอยู่คนเดียวนี่นา “ก็ไม่ได้บอกว่าไม่ดี เห็นมึงทาหน้าเหมือนอมขีท้ ุกวันกูก็ รูส้ กึ อึดอัดแทน ถึงจะยังไม่ได้เคลียร์กนั แต่ต่อจากนีม้ งึ สบายใจ ได้ กูก็ใช่ว่าจะชอบบังคับคนอื่นด้วย” ผมนี่แทบอยากจะจกคอ อ้วกให้กบั ประโยคสรรเสริญเยินยอตัวเองที่มนั พูดออกมาได้หน้า ด้านๆ เหมือนมันสุภาพบุรุษกับผมมาโดยตลอด “จะว่าไปตัง้ แต่เดินเข้าบ้านมึงมากูก็ยงั ไม่เห็นกระจกเลย สักบาน นี่ใช่สาเหตุท่มี งึ หลงตัวเองปะ เอ้า นี่นา้ ชะโงกดูเงาซะสิ” ผมพูดประชดประชัน แต่มนั ก็ดนั เอาหน้าเข้ามาจริงๆ ผมจึงต้อง ใช้มือดันเอาไว้ เพราะรูท้ นั ว่ามันไม่ได้คิดจะดูเงาตัวเองหรอก “นอกจากกูจะหลงตัวเองแล้ว คนอื่นก็หลงกูเหมือนกัน นั่นแหละ” ไม่เพียงแค่พดู อย่างเดียว มันยังเอาหน้าหล่อๆมาวาง แปะบนมือข้างหนึ่งของผมอีกด้วย ถ้าเรื่องที่คยุ กันเป็ นความจริง งัน้ ไอสิ่งที่มนั ทาอยู่น่กี ็ไม่ใช่การกดดัน หรือล่อลวงผมแต่อย่างใด ทว่าเป็ นสันดานดิบที่เจ้าตัวเองก็ทาไปโดยธรรมชาติเท่านัน้

“มึงนี่นะ เฮ้อ...เอาเถอะ รีบพาเบอร์ริโต้ไปเป่ าขนได้แล้ว กูเห็นมันยืนสั่นมาสักพักละ” ผมปัดมือไล่ให้มนั ออกไป จะได้น่งั แช่นา้ อย่างสบายใจจริงๆสักที แต่ดว้ ยความลีลาของมันทาให้กว่า ผมจะเข้าใกล้คาว่าสงบสุขได้ก็ใช้เยอะพอสมควร สุดท้ายผมก็ตอ้ งจาใจเดินออกมาจากห้องนา้ หลังมัน เพียงไม่กี่นาที เพราะเถียงกับมันจนเสือ้ ผ้าของผมซักเสร็จพอดี เอาเถอะ อย่างน้อยก็ยงั พอมีเวลาให้พกั ผ่อนตอนนอนบนเตียง นุ่มๆคืนนีอ้ ีกเหลือเฟื อ “เตียงเหรอ ของแบบนัน้ จะไปมีสองหลังได้ยงั ไง กูนอน คนเดียว ก็ตอ้ งมีหลังเดียวอยู่แล้ว นู่น ไปนอนโซฟาเลยไป” ตอนนี ้ ผมเริ่มรูส้ กึ สมเพชตัวเองขึน้ มาแล้วสิ บางทีครัง้ หน้าที่ผมต้องการ อะไร ผมควรจะเลิกคาดหวังกับมันซะ จะได้ไม่ตอ้ งรูส้ กึ ผิดหวัง แบบนีอ้ ีก “โซฟามันแข็งจะตาย มึงไม่มีฟกู อะไรงัน้ บ้างเหรอ” ผมส่ง สายตาออดอ้อนขอความเห็นใจ ขนาดที่หอ้ งผมใช้หมอนเพื่อ สุขภาพตัง้ หลายใบยังไม่สามารถชะลอวิวฒ ั นาการของผมไปเป็ น

กุง้ ได้เลย แล้วนี่มนั จะให้ผมนอนบนโซฟา ตื่นมากระดูกคอผมได้ เลื่อนไปแทนที่เอวแหงๆ “ไม่มีของแบบนัน้ หรอก หรือถ้ามึงกลัวปวดหลังจะมา นอนเตียงเดียวกันกับกูก็ได้นะ กูไม่ถือ” ดูจากสีหน้าเจ้าเล่หข์ อง มันแล้วก็เชื่อได้เลยว่ามันโคตรจะยินดี “ไม่อ่ะ กูเกรงใจ” ผมส่งยิม้ เจื่อนๆไปให้มนั และรีบเดิน หนีออกมาประจาที่โซฟาตัวเองอย่างว่าง่าย แค่คืนเดียวคงไม่ตาย เดี๋ยวค่อยไปรบกวนหมอจัดกระดูกทีหลัง บัตรสะสมแต้มใกล้จะ ครบแล้วด้วย ทีนีค้ รัง้ หน้าก็จะได้จดั กระดูกฟรี คุม้ จริงๆที่สมัคร สมาชิกไว้ตงั้ แต่ปีหนึ่ง “ถึงอย่างงัน้ ก็เถอะ แต่หอ้ งนีไ้ ม่มีแอร์แท้ๆ ทาไมหนาว ชะมัดเลย” ผมบ่นกับตัวเองเบาๆ ซึ่งเอาเข้าจริงผมควรจะตะโกน ให้ไอหมอนั่นได้ยินเลยด้วยซา้ ทุกสิ่งย่อมมีขอ้ ดีขอ้ เสีย รวมถึง มารยาทด้วย ถ้าผมไม่มีมนั ป่ านนีผ้ มคงได้นอนอยู่บนเตียงแล้ว และในนาทีเดียวกันกับที่ผมกาลังจะสติแตกนัน้ จู่ๆก็มี บางสิ่งเคลื่อนตัวมาทับผมเอาไว้ท่ามกลางความมืด พอลองฟั ง จากเสียงหายใจของมันดูแล้วก็เดาได้ไม่ยาก

“ขอบใจเบอร์ริโต้” หนึ่งในสิ่งที่สนุ ขั กูภ้ ยั พันธุเ์ ซนต์เบอร์ นาร์ดได้รบั การฝึ กฝนมานั่นก็คือการนอนทับเพื่อให้ความอบอุ่น แก่ผปู้ ระสบภัยที่กาลังหนาว ก็สมกับที่เคยทางานอยู่บนภูเขา หิมะดี แต่น่มี นั รูร้ เึ ปล่าว่าตัวเองหนักเท่าไหร่ เหอะ ก็น่าจะไม่รูน้ ่นั แหละ เพราะถ้ามันรูม้ นั คงไม่มานอนทับผมอยู่แบบนี ้ กะจะไม่ให้ เลือดเดินเลยใช่มยั้ ใครบอกว่าเจ้าบ้านี่เป็ นหมานักบุญกัน นี่มนั หมานักฆ่าชัดๆ หายใจไม่ออกแล้วโว้ย เช้าวันใหม่อนั สดใสบนทางด่วนพร้อมข้าวเหนียวหมูปิ้ง และเสียงเพลง ‘โกหกหน้าตาย’ ของ ‘เท่ห์ อุเทน พรหมมินทร์' ที่ เปิ ดผ่านเครื่องเล่นซีดีเคล้าไปกับภาพรถบนถนนที่ติดกันยาวเป็ น แพตัง้ แต่แปดโมงกว่า ทาให้รูส้ กึ อดคิดถึงช่วงสมัยเรียนโรงเรียน ประถมไม่ได้เลย ทว่าไม่ใช่เพราะกาลังฟั งเพลงเก่าๆ หรือเพราะ ต้องนั่งกินข้าวบนรถด้วยความรีบร้อนหรอกนะ แต่เป็ นเพราะ ความด้อยพัฒนาของการจัดการระบบคมนาคมที่ไม่ว่าจะผ่านไป กี่ปีต่อกี่ปีก็ทาให้ดีกว่าเดิมไม่ได้ รถติดยังไงก็รถติดอยู่อย่างนัน้ ต่างกันกับเมื่อก่อนแค่อย่างเดียวคือค่าผ่านทางที่แพงกว่าเดิม ซึ่ง ไม่ว่าประชาชนจะแหกปากร้องเรียนไปกี่ครัง้ ก็ไม่มีใครฟั ง เพราะ คนใหญ่คนโตในประเทศนีเ้ ขามีหไู ว้เกี่ยวแมสกันเท่านัน้

“ชอบฟั งเพลงเก่าเหรอ” ผมถามยินที่กาลังขมวดคิว้ ไปกา พวงมาลัยไป หลังจากที่สงั เกตมาสักพักแล้วว่าเพลย์ลิสต์ท่เี ขา เปิ ดมีแต่เพลงสมัยที่ผมยังร้องไห้เพราะเผลอทาลูกโป่ ง วิทยาศาสตร์ติดผมเพื่อนผูห้ ญิงอยู่เลย “อือ กูไม่ค่อยสันทัดพวกเพลงสมัยนีเ้ ท่าไหร่ มีแต่คา หยาบบ้าง ด่ากันเองบ้าง บางเพลงก็ฟังไม่รูเ้ รื่อง” ผมพยักหน้า เออออไปกับมัน วันนีม้ นั อาสามาส่งผมไปทางาน เพราะว่างตอน ช่วงเช้าพอดี นับเป็ นโชคดีของผมที่ไม่ตอ้ งออกค่าโดยสารเอง “กูเห็นด้วยกับมึงนะ แต่กวู ่าเพลงดีๆสมัยนีถ้ ึงจะน้อยแต่ ก็ยงั พอมีอยู่นะเว่ย อย่างเพลงเนีย้ ” ผมหยิบมือถือขึน้ มาเปิ ดเพลง ล่าสุดของศิลปิ นคนโปรดให้ยินฟั ง “ก็ใช่ว่ากูจะแอนตีเ้ พลงสมัยใหม่ทกุ เพลงสักหน่อย เพลง นีก้ กู ็ชอบ คนฟั งน้อยอยู่นะ ไม่คิดว่ามึงก็รูจ้ กั เหมือนกัน” ว่าแล้ว ยินก็หยิบสาย USB มาต่อมือถือเข้ากับรถ และเล่นเพลงเดียวกัน นัน้ ให้ผมฟั ง

“เฮ้ยย เทสดีน่นี า” ผมตีไหล่มนั ไปทีนึง ก่อนจะยกไม้ยก มือขึน้ มาเต้นท่านูน้ ท่านีเ้ ป็ นการช่วยระบายความอัดอัน้ ที่ไม่ได้ ร้องเพลงตอนอาบนา้ เมื่อคืน “แค่กชู อบอะไรเหมือนมึงก็ไม่ได้แปลว่ากูจะเทสดีสกั หน่อย กูกบั มึงแค่รสนิยมคล้ายกัน ละก็เลิกเต้นแร้งเต้นกาสักที เห็นรถโยกไปมาตอนติดไฟแดงนานๆแบบนี ้ เดี๋ยวคนอื่นก็เข้าใจ ผิดกันพอดี” ยินว่าพลางถอนหายใจอย่างหน่ายๆ แต่พอเห็นผม ไม่ฟังและเต้นต่อไป ไม่นานมันก็ยอมเต้นไปด้วยกันกับผม “ท่าเต้นอะไรของมึงเนี่ย” ผมเยาะเย้ยด้วยการโห่ให้กบั ท่าแปลกๆที่ดไู ม่เหมือนท่าเต้นเลยแม้แต่นอ้ ยของมัน “กูเต้นเป็ นที่ไหน ไอท่าแปลกๆที่มงึ ว่าก็ท่าที่มงึ พึ่งเต้นไป นั่นแหละ” ยินหัวเราะ พอมาลองวิเคราะห์ดดู ีๆแล้วไอท่าที่ว่ามันก็ ดูเหมือนท่าที่ผมเต้นจริงๆนั่นแหละ แต่ระบบคัดลอกของมันคงจะ ทางานได้ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ผลออกมาจึงได้กลายเป็ น ท่าเพีย้ นๆนั่น หลังจากที่น่งั รถไปมองวิวข้างทางไปเพลินๆเพียงไม่กี่ ชั่วโมงในที่สดุ พวกเราก็เดินทางมาถึงที่สานักพิมพ์ของผมโดย

สวัสดิภาพ หลังจากนีก้ ็เหลือแค่นาต้นฉบับไปส่ง ภารกิจของผมก็ จะสาเร็จลุลว่ งเสียที “ให้เดินขึน้ ไปด้วยมัย้ หรือจะให้รออยู่ท่รี ถ” ยินปลดเข็ม ขัดนิรภัย และเอนเบาะลง ก่อนจะหยิบผ้าปิ ดตาขึน้ มาถือไว้ในมือ เอาซะผมรูเ้ ลยว่าอยากเดินขึน้ ไปส่งขนาดไหน ถ้าพูดออกไปว่า เกรงใจมันจะเสียความรูส้ ึกมัย้ เนี่ย “ถ้ามึงจะพร้อมขนาดนีก้ ็นอนรอในนรถไปเถอะ เดี๋ยวกู รีบกลับมา” ผมปิ ดประตูรถ และเดินตรงไปขึน้ ลิฟต์แบบเซ็งๆ ก็ พอจะเข้าใจแหละว่าถามเป็ นมารยาท แต่อย่างน้อยก็ช่วย แสดงออกทางการกระทาให้เหมือนที่ว่ามาหน่อยไม่ได้รไึ ง ผมกดปิ ดประตูลิฟต์ และเปิ ดกระเป๋ าเช็คเอกสารไป พลางๆระหว่างรอให้มนั ค่อยๆเคลื่อนขึน้ ไปยังชัน้ สามที่เป็ น จุดหมายของผม เมื่อประตูลิฟต์เปิ ดออก ผมก็ได้ยินเสียงตะโกนโวยวาย มาแต่ไกล สาหรับแผนกนีก้ ็ไม่น่าแปลกเท่าไหร่ เพราะทุกคนต่าง ก็คยุ โทรศัพท์กนั แบบไม่วางหูทงั้ นัน้ แต่น่มี นั ไม่ใช่แค่เสียงคุยกัน

แล้ว นี่มนั อย่างกับเสียงซอมบีจ้ ากหนังเรื่อง ‘Train to Busan’ อย่างไรอย่างนัน้ “นี่ถือเป็ นการบุกรุกสถานที่นะคะ ช่วยกรุณากลับไปด้วย เถอะค่ะ ก่อนที่ฉนั จะโทรแจ้งตารวจ” เสียงทุม้ ๆ แต่ถกู ดัดให้ แหลมนัน้ เป็ นเสียงที่ผมคุน้ เคยดี มันคือเสียงของเจ๊เบาหวิว บรรณาธิการคนสวยของผมเอง “ให้กระเทยมาดูแลหนังสือสาหรับเด็กงัน้ เหรอ วรรณกรรมไทยถึงคราวอวสานแล้วงัน้ สินะ แค่เพศตัวเองยัง สับสน จะชายก็ไม่ใช่ จะหญิงก็ไม่เชิงแบบนี ้ แล้วจะไปสอนอะไร เด็กมันได้ ดีแต่จะใส่ค่านิยมผิดๆลงไปในหนังสือเพื่อล้างสมอง เด็กน่ะสิไม่ว่า” เสียงชายแปลกหน้าดังขึน้ พร้อมเสียงคนระแวก นัน้ ที่คอยห้ามปรามเขาไว้ “ฉันไม่ได้ใส่ค่านิยมผิดๆ ฉันใส่ความเป็ นคนเข้าไป ต่างหาก การที่ฉนั แต่งหญิงแล้วมันผิดตรงไหน คนที่จากัดว่า ผูช้ ายต้องใส่กางเกงแล้วผูห้ ญิงต้องใส่กระโปรงนั่นแหละที่ผิด ฉัน รักตัวฉันที่เป็ นแบบนี ้ ฉันจะใส่กางเกงหรือกระโปรงมันก็เรื่องของ ฉัน ฉันจะชอบผูห้ ญิงหรือผูช้ ายมันก็เรื่องของฉัน และนั่นก็ไม่ได้

ทาให้ใครตาย โลกมันเปิ ดกว้างตัง้ ขนาดไหนแล้ว ถ้าไม่ยอมเปิ ด ใจยอมรับความเปลี่ยนแปลงก็จงตายไปพร้อมความอคตินนั้ เถอะ” เจ๊เบาหวิวตอบกลับพร้อมเสียงเชียร์จากบรรดาพนักงานที่ ล้อมวงไทยมุงอยู่แถวนัน้ “เป็ นบ้ากันไปใหญ่แล้ว ผูช้ ายด้วยกันมันมีลกู ได้ท่ไี หน เรื่องง่ายๆแค่นพี ้ วกแกยังไม่เข้าใจกันอีกเหรอ” ประโยคซา้ ๆเดิมๆ ที่ออกมาจากปากคนหัวโบราณแบบนัน้ ทาให้ผมยิ่งโมโห ลูกของ ตาคนนีต้ อ้ งโตมาพร้อมกับความรูส้ กึ แบบไหนกันนะ ช่างโชคร้าย จริงๆที่ดนั พ่อคอยปลูกฝังความคิดแย่ๆตัง้ แต่เด็กจนโต “นี่คณ ุ เห็นผูห้ ญิงเป็ นเครื่องปั๊ มลูกหรือยังไงคะ คนเรารัก กันก็ไม่ได้แปลว่าต้องแต่งงานมีลกู กันทุกคู่สกั หน่อย ผูห้ ญิงที่มีลกู ไม่ได้ยงั แต่งงานกับคนที่รกั ได้เลย ทาไมพวกฉันจะรักกันไม่ได้” ผมอดทนนั่งฟั งเงียบๆมาสักพักแล้ว ตอนนีป้ ากผมรูส้ ึกคันยิบๆ อยากเข้าไปร่วมวงโต้วาทีแทบใจจะขาด แต่เพราะยังไม่รูว้ ่าที่จริง แล้วมันเกิดอะไรขึน้ กันแน่ จึงทาได้แค่ยืนรออยู่เฉยๆ “พอกันที ผมจะไม่เถียงกับคุณแล้ว คุณไม่ได้อยู่ใน สถานะที่จะมาต่อปากต่อคากับผมได้ เซ็นสัญญานี่ซะ ไม่งนั้ คุณ

คงรูน้ ะว่าจะเกิดอะไรขึน้ ” ผูช้ ายคนนัน้ วางบางสิ่งลงบนโต๊ะอย่าง แรงจนเกิดเสียงดังไปทั่วทัง้ ห้อง ผมเดาว่ามันน่าจะเป็ นหนังสือ สัญญาที่เขาพูดถึงเมื่อสักครู่นี ้ ไม่ก็เป็ นหลักฐานบางอย่างที่ทาให้ เขามีอานาจมากพอจะต่อรองได้ ผมรูด้ ีว่านี่มนั ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมเลย แต่เพราะเป็ น เรื่องของคนอื่นนี่แหละ ผมถึงสนใจ ขาของผมก้าวออกไปเองโดย อัตโนมัติราวกับเป็ นสัญชาตญาณที่ฝังอยู่ในดีเอ็นเอ แต่ไม่ทนั ที่ ผมจะได้แทรกตัวเข้าไปในฝูงชนก็มีมือของใครบางคนฉุดผม เอาไว้ และดึงตัวผมเข้าไปหลบที่หลังเสาต้นหนึ่ง “ชู่ อย่าพึ่งร้องนะ หายใจเข้าลึกๆแล้วใจเย็นๆก่อน...” เสียงชายหนุ่มปริศนาพูดไม่ทนั จบ ผมก็ใช้วิชาป้องกันตัวที่เจอใน อินเทอร์เน็ตเอือ้ มไปกะจะต่อยเน้นๆที่ใต้คาง แต่แขนเจ้ากรรมดัน สัน้ เกิน จากที่จะเสยคางอีกฝ่ ายกลับกลายมาเป็ นท่าอุลตร้าแมน แปลงร่างไปเสียอย่างนัน้ “ก็บอกแล้วไงว่าไอท่านีม้ นั ใช้กบั มึงไม่ได้ หัดฟั งที่คนอื่น เขาพูดหน่อยสิวะ” พอเผลอทาอะไรน่าอายออกไป สติก็เริ่มฟื ้ น

กลับคืนมา ผมเงยหน้าขึน้ ไปสบตากับไอหมอยิน ก่อนจะโดนมัน จุ๊บเหม่งไปหนึ่งทีโดยไม่ทนั ตัง้ ตัว “ขึน้ มาทาไม ไหนจะรออยู่บนรถ” ผมดึงมือมันที่ใช้ปิด ปากผมออกและกระซิบถามมันทัง้ ที่ยงั ไม่ค่อยเข้าใจว่าทาไมเรา สองคนต้องมาซ่อนทัง้ ที่ไม่ได้ทาผิดอะไรด้วย “ก็หลังจากที่มงึ เดินออกไปกูก็บงั เอิญเห็นรถทะเบียน คุน้ ๆ รูส้ ึกสังหรณ์ใจไม่ดี เลยเดินตามขึน้ มา ละก็อย่างที่กูคิด จริงๆ” ยินว่า พลางทอดสายตาไปยังกลุม่ คนอย่างลับๆล่อเหมือน พวกสายลับจากในหนังก็ไม่ปาน “คือยังไง คนที่อยู่ตรงนัน้ คือคนรูจ้ กั มึงเหรอ” ผมที่ยงั ตาม ไม่ทนั ได้แต่ถามมันออกไปด้วยความสงสัย แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ สีหน้างงๆของยิน ก่อนที่มนั จะร้องอ๋อเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง “เพราะมึงเตีย้ เลยมองไม่เห็นเหรอ คนที่อยู่ตรงนัน้ ก็พ่อ มึงไง” ผมเบิกตากว้าง พยายามกระโดดขึน้ ไปเพื่อที่จะได้มองให้ เห็นชัดๆว่าสิ่งที่ยินพูดเป็ นความจริงหรือเปล่า แต่ก็ถูกมันห้าม ปรามเอาไว้เสียก่อน

“อย่ากระโดด เดี๋ยวก็โดนเห็นหรอก ที่เขามาที่น่กี ็คงจะ เป็ นเรื่องเกี่ยวกับมึงนั่นแหละ ไปหาที่หลบรอเขากลับไปก่อนแล้ว ค่อยไปหาบรรณาธิการมึงทีหลังก็แล้วกัน ถ้าโผล่ไปตอนนีม้ ีแต่จะ ทาให้เรื่องมันบานปลาย” ยินว่า ก่อนจะลากแขนผมเข้าไปในห้อง ห้องหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆกัน “น้องใช่นกั เขียนที่พ่เี บาหวิวดูแลอยู่รเึ ปล่าจ๊ะ” เสียงพี่ ผูห้ ญิงที่ทางานอยู่ในห้องเอ่ยทักผมกับยินที่ทะเล่อทะล่าเข้ามา ด้วยท่าทีลกุ ลีล้ กุ ลน “ใช่ครับ พี่รูร้ เึ ปล่าครับว่าเกิดอะไรขึน้ ผมเห็นข้างนอก เขาทะเลาะกัน” ผมยกมือไหว้พ่คี นนัน้ ตามมารยาทในขณะที่ยิน กาลังหย่อนตูดลงบนโซฟาในห้องอย่างไม่มีความเกรงอกเกรงใจ “เห็นว่าคนที่บุกเข้ามาเขาต้องการส่วนแบ่งยี่สิบ เปอร์เซ็นต์ของยอดขายหนังสือเล่มใหม่นอ้ งน่ะสิ ไม่งนั้ เขาจะเอา หลักฐานอะไรสักอย่างไปเผยแพร่ แต่เรื่องนีน้ ่าจะมีแค่นอ้ งกับพี่ เบาหวิวนั่นแหละที่รู”้ ผมกับยินหันมามองหน้ากันทันทีหลังจากที่ ได้ฟัง “เป็ นเรื่องแล้วไง”

บทที่ 4 ‘ไม่ว่าใครต่างก็มีเรื่องราวในอดีตกันทัง้ นัน้ และกฏเหล็ก ของมันคือไม่ว่าจะเป็ นเรื่องดีหรือร้าย เรื่องราวเหล่านัน้ จะอยู่ติด ตัวเราไปตราบชั่วชีวิต’ นั่นคือสิ่งที่ผมเคยพูดเอาไว้ ถ้าเป็ นเรื่องดี ไม่ว่าใครก็อยากเก็บมันเอาไว้ใกล้ตวั แต่ถา้ เป็ นเรื่องแย่ๆ ต่อให้ อยากสะบัดมันทิง้ เท่าไหร่ก็สะบัดไม่ออก สาหรับผมแล้ว คาว่าพ่อในนิยามของเด็กชายวอดก้าคือ ความกลัว ตลอดเวลาที่ได้รูว้ ่าเขายังหายใจรดต้นคอผมอยู่ ผม รูส้ กึ เหมือนตัวเองเป็ นตุ๊กตาหุ่นเชิดที่ถูกสั่งให้ใช้ชีวิตทัง้ ที่แขน และขายังถูกพันธนาการเอาไว้ ‘จงใช้ชีวิตอย่างมีอิสระภายใต้การ บงการของฉันสิ’ ทาเป็ นพูดดี แต่สดุ ท้ายความหมายก็เหมือนเดิม จะเล่นกลยังไงให้คนดูเห็นว่านกบินขึน้ ไปได้สงู แค่ไหนทัง้ ที่มนั ถูก ตัดปี กไปแล้ว ถ้าเป็ นนักมายากลคงคิดได้ แต่เขาไม่ใช่ เพราะเขา เป็ นแค่พ่อที่ไม่ได้เรื่อง เขาไม่มีเวทมนต์ใดที่จะเสกให้ลกู ชายของ เขามีความสุขได้ตราบใดที่ยงั ต้องใช้ชีวิตโดยมีเขาคอยถ่วงแข้ง ถ่วงขา

“ก็อย่างที่เขาว่านั่นแหละ แต่เจ๊คงปล่อยให้เป็ นแบบนัน้ ไม่ได้ เปอร์เซ็นต์ท่หี นูได้ก็แค่สิบเปอร์เซ็นต์ มากสุดเจ๊ให้ได้สิบห้า เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ยงั ไม่มากเท่าที่เขาขอมาอยู่ดี เจ๊ว่าเขาคงไม่มี ความรูเ้ รื่องการทาหนังสือเลย ถึงได้ขอเยอะขนาดนี”้ เจ๊เบาหวิวที่ พึ่งเปิ ดประตูเข้ามาเอ่ยขึน้ ท่าทางสถานการณ์ขา้ งนอกคงกลับมา เป็ นปกติแล้ว “ขอโทษด้วยนะครับ ทาให้ทุกคนลาบากกันไปหมดเลย แต่ผมขอคุยกับเจ๊เบาหวิวแบบส่วนตัวได้มยั้ ครับ” ผมกล่าวพลาง มองไปรอบๆเป็ นการบอกกลายๆว่าไม่อยากให้คนที่บงั เอิญมาได้ ยินเอาเรื่องนีไ้ ปแพร่งพราย “ไม่ได้ กูจะฟั งด้วย กูเองก็มีส่วนได้สว่ นเสียกับเรื่องนี ้ มึง เองก็น่าจะรู ด้ ี” ไอเจ้าพระเอกที่น่ งั ฟั งมาจนถึงเมื่อกีอ้ า้ งสิทธิ์ใน การเผือกขึน้ มาทันที แต่ผมเองก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่ามันไม่มีสว่ น เกี่ยวข้องอะไรเลย เพราะในกระดาษสักแผ่นในซองหลักฐานของ พ่อผมเองก็คงจะมีช่ือมันเด่นหราอยู่แน่นอน “อ้าว พาแฟนมาด้วยเหรอเนี่ย นึกว่ายังทะเลาะกันอยู่ สวัสดีจา้ เจ๊ช่ือเบาหวิวนะ เป็ นพี่เลีย้ งของเด็กคนนีเ้ อง” พอได้เห็น

หน้าหล่อๆของยินจิตวิญญาณชะนีป่าผูห้ ิวโหยของเจ๊เบาหวิวก็ เข้าสิงทันที “ไม่ได้พามา มันตามมาเอง แล้วก็ไม่ใช่...” ยังไม่ทนั ที่ผม จะพูดจบ ไอยินก็ชิงจับมือแนะนาตัวกับเจ๊เบาหวิวเสียก่อน ให้ ตายเถอะ ตัง้ แต่ท่เี ริ่มเรื่องมาผมโดนมันขัดไปกี่ครัง้ แล้วนะ มีใคร นับไว้มยั้ ทาไมผมรูส้ กึ ว่ามันบ่อยเหลือเกิน “สวัสดีครับ ผมชื่อยิน เรียกหมอยินก็ได้ เรียนสัตวแพทย์ ปี สี่ เป็ นแฟนของน้องวอดก้าเองครับ” เมื่อมันพูดจบเสียงกรีด๊ กร๊าดของเหล่าสาวสายในแผนกก็ดงั ขึน้ มาทันที “หรือว่าหนังสือวายเล่มก่อนที่นอ้ งวอดก้าเขียนจะมีแรง บันดาลใจมาจากหมอยินคะ” พี่พนักงานคนหนึ่งตะโกนถาม ขึน้ มาท่ามกลางเสียงเหล่าแม่ยกที่กาลังได้ใจ “พอเลยๆ ตอบอะไรไปตอนนีก้ ็เข้าหูซา้ ยทะลุหขู วา ไป ห้องทางานพี่เบาหวิวดีกว่าครับ ก่อนไอยินมันจะก่อจลาจล” ผม ว่าพลางลากคอไอหมอหมาตัวดีไปที่หอ้ งข้างๆซึ่งเป็ นห้องทางาน โทนพาสเทลขัดกับแผ่นทองพระตรีมรู ติท่ีอยู่เหนือที่น่งั กลางห้อง จากการสอบถามเจ้าตัวแล้วได้ความว่าครัง้ หนึ่งเคยคุมโทนเป็ นสี

ดาทอง แต่รูส้ กึ ร้อนวูบวาบเหมือนอยู่หอ้ งพระ จึงต้องทนหลุดธีม เพราะหาพระตรีมรู ติสีชมพูไม่ได้ “โอเค เข้าเรื่องเลยแล้วกัน จากที่เจ๊ได้ไปต่อล้อต่อเถียง กับคุณพ่อของหนูมาแล้วเนี่ย สรุปได้ว่าเขาต้องการเงินจากงาน เขียนเล่มล่าสุดที่เป็ นวรรณกรรมเด็กยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ถ้าเขาไม่ได้ ในสิ่งที่เขาต้องการเขาจะเอาเรื่องส่วนตัวของหนูไปเผยแพร่ แน่นอนว่ารวมถึงเรื่องที่หนูไม่ใช่ชายแท้ดว้ ย” พี่เบาหวิวหยิบสิ่งที่ อยู่ในซองเอกสารออกมาวางไว้บนโต๊ะ หนึ่งในนัน้ มีรูปภาพสมัย เรียนของผมด้วย แน่นอนว่าไม่ใช่รูปถ่ายปกติ แต่เป็ นรูปที่ถกู แอบ ถ่ายจากมุมต่างๆในทุกที่ท่ผี มไป ทัง้ ในห้องนอน ในห้องเรียน หรือ แม้แต่ในห้องนา้ ก็มี เพราะยินมันเป็ นคนไม่เกี่ยงสถานที่น่ นั แหละ “ประเด็นที่อ่อนไหวง่ายแบบนี ้ ต่อให้เป็ นแค่ข่าวลือก็ทา ให้ลาบากมากแล้ว แต่น่เี ขามีหลักฐานด้วย ถ้าหลุดออกไปได้คง แย่แน่ เพราะผมแท้ๆเลย” ผมได้แต่กม้ หน้าสานึก ถึงการเป็ นเพศ ที่สามจะไม่ผิด แต่คนรุน่ ก่อนที่ยงั ไม่เปิ ดใจรับก็มีอยู่มาก มันไม่ แปลกหรอกหากว่าเขาเลือกที่จะไม่เสี่ยงซือ้ หนังสือของผมไปให้ ลูกอ่านเพราะกลัวว่าลูกจะได้รบั ความเชื่อผิดๆจากสิ่งที่ผมเขียน ลงไป จะโทษใครได้นอกจากตัวเองที่ดนั มามีพ่อแบบนี ้ ทัง้ ที่รูส้ กึ

ผูกพันธ์กบั คนที่สานักพิมพ์แล้วแท้ๆ แต่ตวั ปัญหาอย่างผมไปจาก ที่น่เี องคงจะดีเสียกว่ามาสร้างภาระให้คนที่ไม่รูอ้ ีโหน่อีเหน่แบบนี ้ “อย่าโทษตัวเองเลย หัดโทษคนอื่นบ้าง เหมือนที่มงึ ชอบ โทษกูไง โดยเฉพาะถ้ามันไม่ใช่ความผิดมึงด้วย กูไม่ให้อภัยหรอก นะเว่ย ถ้ามึงโบ้ยความผิดมาให้คนที่กรู กั แบบนีอ้ ่ะ” ยินว่าพลาง เอือ้ มมือมาปาดนา้ ตาให้ผมอย่างเบามือ “รักพ่อมึงสิ” ผมสวนกลับมัน ก่อนจะพลักมันออกเบาๆ แก้เขิน ต่อหน้าพระตรีมรู ติก็ไม่เว้น และที่สาคัญคือต่อหน้าพี่เบา หวิวผูห้ ิวกระหายชายวัยเบญจเพสคนนีด้ ว้ ย “เออ รักพ่อกูน่แี หละ” ยินรวบตัวผมไปกอดเอาไว้แน่นจน หน้าผมจมไปกับกล้ามอกที่ถูกบ่มเพาะมาอย่างดีดว้ ยเวย์โปรตีน ไข่ดิบ และอกไก่ในยามเช้า “เอาล่ะๆ อย่าพึ่งสวีทกัน พี่ว่าเรามาหาทางออกของเรื่อง นีก้ ่อนดีกว่านะ” พี่เบาหวิวเอ่ยปากพูดขึน้ และแยกตัวผมกับยิน ออกจากกัน “ไม่ตอ้ งคิดให้มากความหรอก ยังไงซะ ถ้าข้อเสนอของ อีกฝ่ ายมันมากเกินกว่าที่เราจะให้ได้ ก็มีแต่ตอ้ งเจรจากับเขา

เท่านัน้ แหละ” ในที่สดุ ก็ดเู หมือนว่าจะมีอะไรฟั งเข้าท่าออกมา จากปากของไอพระเอกไม่ได้ความคนนีเ้ สียที “ก็จริงของมึง แต่กไู ม่ได้เจอเขามาเป็ นปี ๆแล้ว จู่ๆจะให้ ไปคุยก็ยงั ไงอยู่ แล้วมึงเองก็น่าจะรูด้ ีว่ากูกบั พ่อจบกันไม่ค่อยสวย ด้วย” ผมบอกกับยินที่เสนอหน้าพูดขึน้ มา ตัง้ แต่สมัยก่อนแล้ว ที่ ผมไม่ค่อยถูกกับพ่อ เพราะด้วยเหตุผลหลายๆอย่างที่ผมไม่อยาก พูดถึงนัก มันคงจะดูแปลก หากว่าผมพูดถึงครอบครัวตัวเองในแง่ ไม่ดี ต่อให้เขาจะเลวแค่ไหน แต่ยงั ไงเขาก็ยงั เป็ นพ่อของผม และ ผมเองก็เปลี่ยนความจริงข้อนีไ้ ม่ได้ ต่อให้ไม่ชอบใจแค่ไหนก็ตาม “ช่วยเจ๊หน่อยเถอะนะ ถ้าเรื่องนีม้ นั แดงขึน้ มาจะไม่ได้มี แค่หนูท่ไี ด้รบั ผลกระทบ แต่รวมถึงทุกคน และสานักพิมพ์นดี ้ ว้ ย” เจ๊เบาหวิวเอ่ยขึน้ พลางกุมมือทัง้ สองข้างของผมเอาไว้ ก็ใช่ว่าผม อยากจะช่างแม่งกับเรื่องที่เกิดขึน้ หรอกนะ แต่พอเป็ นเรื่องใน ครอบครัวแล้วผมก็รูส้ กึ ไม่อยากยื่นจมูกเข้าไปยุ่งด้วยเลย “เดี๋ยวกูไปเป็ นเพื่อน มึงไม่ตอ้ งกลัวหรอก ถ้าคุยกันไม่ได้ เราค่อยมาหาทางออกกันอีกที ถึงจะเป็ นเรื่องซีเรียส แต่มึงไม่

จาเป็ นจะต้องเครียดขนาดนัน้ ก็ได้” คนที่ไม่ควรไปพบพ่อพร้อม ผมอย่างมันกล่าว ช่วยให้ผมสบายใจขึน้ เยอะเลย “ไอวิธีการแบบนัน้ มันเรียกว่าแก้ปัญหาได้เหรอ อย่าทา ตัวเป็ นองค์กรที่ตวั ย่อ ‘ท’ ลงท้ายด้วย ‘อ’ ได้มยั้ ถ้าจะทาอะไรก็ ต้องคานึงถึงผลที่จะตามมาด้วยสิ” ผมด่าไปหนึ่งฉอดให้กบั ความ ไม่คิดหน้าคิดหลังของมัน “ช่วยไม่ได้น่นี า ตอนนีค้ งมีแต่ตอ้ งทาแบบนัน้ เราไม่ได้มี เวลาเยอะนะ นี่ก็สง่ ต้นฉบับพร้อมตีพิมพ์แล้ว ถ้าไม่เคลียร์ให้จบ ก่อนถึงวันออกจาหน่ายหน้าร้านตอนนัน้ นั่นแหละที่เรียกว่าชิบ หายของจริง” ผมรูดซิบปากสนิทเมื่อสมองของผมเริ่มเห็นด้วยกับ ความคิดของมัน ถ้าไม่รีบลงมีทาอะไรสักอย่างมีหวังมันได้บาน ปลายไปมากกว่านีแ้ น่ “เราแจ้งความไม่ได้เหรอ เราถูกข่มขู่น่นี า ให้ตารวจ จัดการก็ได้” ผมออกความคิดเห็น เผื่อว่ามันพอจะเป็ นประโยชน์ บ้าง แต่ทงั้ คู่กลับส่ายหน้า “ไม่ไหวหรอก กฎหมายบ้านเรามันไม่ได้ดีขนาดนัน้ ไป แจ้งความตอนนีค้ งได้แค่ลงบันทึกประจาวัน แถมคู่กรณียงั เป็ น

พ่อเธอด้วย จะฟ้องก็ดจู ะยุ่งยากมากขัน้ ตอน แล้วยิ่งถ้าเขาไหวตัว ทันเราจะเป็ นฝ่ ายเสียเปรียบเอานะ” พี่เบาหวิวกล่าว ก็ถกู อย่างที่ เธอว่า การที่เขามาถึงที่น่กี ็แปลว่าเขาเตรียมตัวมาดีแล้ว เกิดเขารู ้ ว่าฝ่ ายเราไม่ยอมทาตามข้อตกลงเพียงคลิกเดียวเท่านัน้ ข่าวลือ เสียๆหายๆของสานักพิมพ์เราก็จะแพร่สะพัดไปทั่วโลก อินเทอร์เน็ต “เชื่อเถอะ ไปคุยกับเจ้าตัวนั่นแหละปลอดภัยที่สดุ แล้ว ถึงมันจะฟั งดูง่ายเกินกว่าจะได้ผล แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าไปเสี่ยง แล้วผิดแผนขึน้ มานะ” ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับยิน ในเมื่อหนีไม่ พ้นก็คงเหลือแค่เผชิญหน้ากับมันตรงๆเท่านัน้ ตลอดระยะเวลาหลายปี ท่ผี ่านมาผมเลี่ยงที่จะเผชิญหน้า กับปัญหา และวิ่งหนีอปุ สรรคอยู่เสมอ เพราะผมไม่ชอบอะไรที่มนั ไม่แน่นอน หรือมีความเสี่ยง ผมรักความเรียบง่ายไม่ทา้ ทาย ใช้ ชีวิตสบายๆไม่ตอ้ งแบกรับความกดดันอะไรใดๆ ตอนที่ผมยังเป็ นเด็ก ผมวาดฝันอนาคตของตัวเองเอาไว้ หลายแบบ และเฝ้ารอคอยเวลาที่จะได้เติบโตเป็ นผูใ้ หญ่ แต่ก็ อย่างที่หลายๆคนคาดไว้ ไม่ใช่ว่าทุกความฝันจะเป็ นจริงได้ สิ่งที่

คิดกับความเป็ นจริงนัน้ มันไม่มีอะไรที่เชื่อมโยงถึงกันเลย อย่างไร ก็ตาม ผมชินชากับความผิดหวังแล้วล่ะ เพราะทุกครัง้ ที่ส่อง กระจกในตอนเช้าผมก็มองเห็นมันอยู่ตลอด ครอบครัวของผมไม่ใช่ครอบครัวที่เพอร์เฟคมาตัง้ แต่แรก เหมือนกับที่หลายๆครอบครัวเป็ น แม่ของผมหย่ากับพ่อตอนที่ผม เริ่มเข้าเรียนชัน้ มัธยมศึกษาตอนต้น ผมเองก็ไม่ได้ติดอะไรเรื่อง นัน้ บอกตามตรงว่าการที่ได้เป็ นเด็กที่ครอบครัวมีปัญหาก็ไม่ได้ แย่สกั เท่าไหร่ อาจจะดีสาหรับผมด้วยซา้ ผมเคยอ่านเจอมาว่ามัน ดูเซ็กซี่ดี ถึงผมจะไม่ค่อยเข้าใจว่าทาไมก็เถอะ ผมเกลียดพ่อมากพอๆกับที่ผมเกลียดตัวเอง ภาพจาของ เขาในสายตาผมคือผูช้ ายที่ดีแต่ใช้ความรุนแรง บ้าอานาจ และ คิดว่าตัวเองเป็ นใหญ่ ชอบวางตัวเป็ นศูนย์กลางของโลก เขาทา เหมือนผมกับแม่เป็ นตัวหมากบนกระดาน ต้องเดินตามเกมที่เขา สั่งทุกอย่าง หากว่ามีหมากตัวใดคิดทรยศก็จะถูกลงทัณฑ์ ตลอด ระยะเวลาหลายสิบปี ท่ผี ่านมา ผมอดทนอยู่ใต้บญ ั ชาการของเขา ราวกับนักโทษ ดังนัน้ ผมจึงไม่คิดเสียใจเลย ตอนที่ได้รูว้ ่าในที่สดุ เขาก็จะออกไปจากชีวิตผมเสียที

ทัง้ ที่มนั ควรจะเป็ นแบบนัน้ แต่ในคืนหนึ่งเขากลับถามผม ว่า ‘ไม่ตอ้ งการพ่อแล้วใช่มยั้ ลูก’ ผมคงจะเศร้าหากได้ยินคาๆนี ้ จากบทละคร แต่มนั กลับทาให้ผมรูส้ กึ ขยะแขยง เพราะมันดัน หลุดออกมาจากปากชายผูท้ ่ีทาร้ายผมมาโดยตลอด “ต้องการเหรอ คิดว่าตลอดมานี่ผมต้องการอย่างงัน้ เหรอ นี่พ่อยังคิดว่าตัวเองเป็ นที่ตอ้ งการสาหรับครอบครัวนีอ้ ยู่อย่างงัน้ เหรอ ไม่สิ มันไม่เคยมีคาว่าครอบครัวตัง้ แต่แรกแล้ว เพราะพ่อฆ่า มันด้วยการบดขยีช้ ีวิตวัยเด็กของผมไปยังไงล่ะ แต่เรื่องแบบนัน้ พ่อคงไม่รูห้ รอก เพราะคนอย่างพ่อมันมองเห็นแต่ประโยชน์ของ ตัวเอง...ฆาตกรอย่างพ่อน่ะมัน...ตายไปได้ซะก็ดี” นั่นคือคาตอบ ที่ผมไม่ได้พดู ออกไปในวันนัน้ เพราะผมกลัวว่ามันจะไปทาให้เจ้า ปี ศาจนั่นรูส้ กึ แย่ น่าแปลกดีนะ เพราะคนที่ควรจะโกรธแค้นเขา มากที่สดุ กลับมาทาดีกบั เขา อาจเป็ นเพราะผมเกลียดเขาล่ะมัง้ เกลียดสิ่งที่เขาทา เกลียดสิ่งที่เขาพูด เกลียดเรื่องแย่ๆของเขา เพราะงัน้ ผมจึงไม่อยากเป็ นแบบเขา ไม่อยากทาในสิ่งที่เขาเคยทา กับผม หรือบางที นี่อาจจะเป็ นแค่ขอ้ แก้ตวั ของคนขีข้ ลาดอย่าง ผมก็ได้

“ช่วยไม่ได้ ในเมื่อมันไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว งัน้ ผมจะลอง ไปคุยกับเขาดู”

บทที่ 5 “ต้องบอกกี่ครัง้ ถึงจะเข้าใจกันสักทีว่าเวลาเจ็ดโมงครึง่ ต้องออกจากบ้านได้แล้ว” เสียงพ่อตะโกนมาจากที่น่งั ฝั่งคนขับ ชวนหนวกหู คุณยายเคยบอกผมว่าพอโตขึน้ ร่างกายก็จะ เสื่อมสภาพลง บางคนก็หไู ม่ดี บางคนก็ตาพร่ามัว บางทีน่นั อาจ เป็ นเหตุผลที่ว่าทาไมพ่อกับแม่ของผมถึงเอาแต่ตะโกนใส่กนั “ช้าแค่สามนาทีมนั ไม่ทาให้คณ ุ ไปทางานสายหรอก แล้ว ที่ทกุ อย่างมันเป็ นแบบนีก้ ็เพราะตรรกะงี่เง่าของคุณที่ตอ้ งบังคับ ให้ลกู กินข้าวเยอะขนาดนัน้ ตัง้ แต่เช้าจนลูกอ้วกนั่นแหละ” แม่ของ ผมกล่าวเสียงเรียบ เธอเป็ นคนใจเย็น แต่ก็ใช่ว่าจะเป็ นแบบนี ้ ตลอด บางทีเธอก็โมโหอารมณ์รอ้ น คงเพราะเธอเบื่อกับการ ทะเลาะกันเรื่องเดิมๆกับพ่อของผมแล้วล่ะมัง้ ช่วงนีเ้ ธอเลยไม่ ค่อยสวนกลับ บางครัง้ ก็เงียบไปเลยก็มี ผมต้องทนฟั งอะไรแบบนีท้ ุกเช้า และอาจจะต้องฟั งไป ตลอดชีวิตที่เหลือ ดังนัน้ แทนที่ผมจะเกลียดมัน ผมจึงต้อง พยายามอยู่กบั มันให้ได้ แต่อย่างน้อยถ้าผมพอจะรูว้ ิธีท่ีทาให้ เวลานีส้ นั้ ลงสักนิดก็คงดี

ครูแองจีท้ ่เี ป็ นลูกชายบุญธรรมของครูประจาชัน้ ผมเคย บอกผมว่าตอนที่เรามีความสุขเวลามักจะผ่านไปไว และตอนที่ เรารูส้ กึ ทุกข์ใจเวลามักจะผ่านไปอย่างช้าๆ ดังนัน้ ผมจาต้องทา ให้ช่วงเวลาที่ผมเกลียดกลายเป็ นช่วงเวลาที่มีความสุขเสียก่อน แต่ผมจะทาแบบนัน้ ได้ยงั ไง นั่นคือสิ่งที่ผมไม่เคยได้รู ้ เพราะเมื่อ วันเสาร์มาถึง ครูท่ีคอยสอนพิเศษผมก็ไม่ใช่ครูแองจีแ้ ล้ว ผมได้รู ้ มาภายหลังว่าครูแองจีด้ นั ไปชอบลูกชายแท้ๆของครูประจาชัน้ ผม เลยถูกสั่งให้ยา้ ยไปทางานที่ต่างจังหวัด นับแต่นนั้ ผมก็ไม่เคยได้ เจอเธออีกเลย “ถึงแล้ว ลงไป คนเขากาลังรีบ” ผมเปิ ดประตู และก้าว เท้าลงจากรถ พยายามไม่สนใจคาพูดแย่ๆของพ่อ ตัง้ แต่เมื่อไหร่ก็ ไม่รูท้ ่ผี มกลายเป็ นเด็กพูดน้อย บางทีอาจจะเป็ นตอนที่ผมเริ่มตัง้ คาถามกับตัวเองว่าทาไมพูดอะไรออกไปก็ผิดล่ะมัง้ ตัง้ แต่นนั้ มา ผมเลยพยายามพูดให้นอ้ ย ฟั งให้มาก และนั่นก็ไม่ได้แย่ ผมไม่เคยได้รูว้ ิธีขา้ มเวลา แต่ผมได้รูว้ ิธีขา้ มมายังมิติท่มี ี แค่ผมคนเดียวในโลก ภายในนัน้ ผมได้ใช้เวลาอยู่กบั ตัวเอง ผมนั่ง ฟั งเพลง นอนอ่านหนังสือ หรือบางทีก็จินตนาการถึงสิ่งที่อยู่ รอบตัว และเล่นกับมัน ณ พืน้ ที่ปลอดภัยในหัวของผม

“อ่านอะไรอยู่เหรอ” ผมสะดุง้ โหยงจนตัวโยนเมื่อได้ยิน เสียงเด็กชายแปลกหน้าที่เดินเข้ามาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง ซึ่งเอา เข้าจริงก็ให้เสียงแหละ แต่ผมแค่ไม่ทนั ได้ตงั้ ตัวเพราะมัวแต่จมอยู่ ในหัวของตัวเอง “เอ่อ...แฟรงเกนสไตน์น่ะ” เมื่อตัง้ สติได้แล้ว ผมจึงยื่น หน้าปกหนังสือวรรณกรรมสาหรับเด็กในมือให้เขาดู “ภาษาอังกฤษนี่ นายอ่านออกด้วยเหรอ หรือว่านายเป็ น ลูกครึง่ ” เจ้าเด็กแปลกหน้านัยน์ตาสีนา้ ตาลแดงรัวคาถามใส่ไม่ หยุดจนผมแอบรูส้ ึกราคาญนิดๆ “เปล่า เราต้องเรียนซา้ ภาษาอังกฤษ คุณลุงที่อยู่ ต่างประเทศเลยแนะนาให้ฝึกจากหนังสือนิทานพวกนีด้ ”ู ผม พยายามอธิบาย ในขณะที่เด็กชายตรงหน้ากาลังถือวิสาสะค้น ของในกระเป๋ าผมเล่นอย่างสบายใจ “นี่อะไรอ่ะ หน้าตาเหมือนโน๊ตบุ๊คอันจิ๋วเลย ของเล่น เหรอ” เขาชูไซเบอร์ดิกของผมขึน้ กลางอากาศ พลางกวัดแกว่งไป มาน่าหวาดเสียว

“เปล่า มันเป็ นพจนานุกรมอิเล็กทรอนิกส์ เอาไว้คน้ คา แปลภาษาอังกฤษ” ผมกระโดดคว้าของของผมคืนมา ก่อนที่เขา จะทามันพัง “ยุ่งยากมากความจะตายไป ให้ฉนั สอนให้ดีกว่า” เจ้า เด็กตรงหน้าเสนอตัว ไม่ทนั ที่ผมจะได้ถามชื่อเสียงเรียงนามอะไร ตาของผมมันก็เหลือบไปเห็นป้ายโฆษณาของโรงเรียนที่มีหน้า ของเจ้าเด็กนี่เด่นหลาอยู่บนนัน้ “อ้า...พี่ยินคนดังประจาโรงเรียนนี่เอง” ผมพยักหน้า และ เข้าใจได้ในทันทีว่าไอเด็กตรงหน้านี่ไม่ได้มีดีแค่ปาก แต่ยงั หน้าตา ดี ฐานะดี เรียนดี ลูกรักครูท่ีน่ี เรียกได้ว่ายืนอยู่ในจุดสูงสุดของ โรงเรียนนีเ้ ลยก็ว่าได้ “จากันได้สกั ที งัน้ ขอแนะนาตัวอย่างเป็ นทางการเลยก็ แล้วกันนะ พี่ช่ือยิน อยู่มอสี่สายวิทย์ ชมรมเดียวกัน ยินดีท่ไี ด้รูจ้ กั นะน้องวอดก้า” เขายิม้ กว้างพลางยื่นมือมาตรงหน้าผม ถึงจะรูส้ กึ แปลกใจว่าทาไมต้องเช็คแฮนด์ แต่ผมก็จบั มือทักทายเขาไปตาม มารยาทแบบงงๆ

นับตัง้ แต่นนั้ มาพวกเราก็สนิทกันมากขึน้ ไปไหนมาไหน ด้วยกันบ่อยขึน้ แถมภาษาอังกฤษของผมยังดีขนึ ้ ด้วย สาหรับเด็ก เก็บตัวไร้เพื่อนสนิทมิตรสหายอย่างผมก็คงถือเป็ นเรื่องดีละ่ มัง้ ที่ ได้มีคนดังอย่างเขามาวนเวียนอยู่รอบตัว “นี่ยิน ช่วงนีแ้ กจะไปไหนมาไหนกับไอเด็กเนิรด์ นั่นบ่อย เกินไปแล้วมัง้ เกิดชอบมันขึน้ มารึไง” เพื่อนสนิทหัวทรงโมฮอกล่อ ส้นเท้าอาจารย์ฝ่ายปกครองคนหนึ่งของยินเอ่ยขึน้ “น้องเขาก็ดไู ม่มีพิษมีภยั อะไรนะ สนิทกันก็เห็นจะเป็ นไร เลย” พี่ยินเอ่ยตอบ เขาคงยังไม่รูเ้ รื่องที่ผมชอบผูช้ าย ถึงได้กล้า เข้าหาผมแบบนี ้ แต่จากนีไ้ ปคงจะไม่เป็ นแบบนัน้ แล้ว ถ้าเพื่อน ของเขาบอกความจริงเรื่องนีไ้ ป “มึงยังไม่รูเ้ รื่องที่นอ้ งวอดก้าเขาเป็ นเกย์เหรอวะ เห็นว่า ออกลายมาตัง้ แต่เข้ามอหนึ่งใหม่ๆเลย ไปคุยกับน้องแกมากๆ ระวังโดนหลอยหลังนะเว่ย” เสียงคนในวงหัวเราะกันคิก้ คัก้ ทาให้ ผมรูส้ กึ เจ็บแปลบที่หน้าอก ผมควรจะรีบเดินออกมา ก่อนที่พวก เขาจะรูต้ วั ว่ามีคนแอบฟั ง แต่ถึงอย่างนัน้ ผมก็อยากรูว้ ่าพี่ยินคิด ยังไงเช่นกัน เพราะแบบนัน้ เท้าถึงยังยืนนิ่งอยู่กบั ที่ไม่ไปไหน

“กูว่าน้องเขาเป็ นคนดีนะ มึงไม่ควรไปพูดว่าน้องเขาแบบ นัน้ ในฐานะที่กเู ป็ นเพื่อนมึง กูรูส้ กึ ผิดหวังมากที่ได้ฟังอะไรแย่ๆ แบบนีอ้ อกมาจากปากพวกมึง” นา้ ตาผมไหลลงอาบที่ขา้ งแก้ม ทันที เป็ นจังหวะเดียวกันกับที่พ่ยี ินเดินออกมาสบตากับผม พวกเราไม่ได้พดู อะไรกันตัง้ แต่ท่เี ดินออกมาจากห้องนัน้ สาหรับผมมันเป็ นเรื่องปกติมาก เรียกได้ว่าการถูกกลั่นแกล้งทัง้ ทางร่างกาย และทางคาพูด มันได้กลายเป็ นกิจวัตรประจาวันของ ผมไปเสียแล้ว แต่กบั คนอย่างพี่ยินคงยังไม่เคยได้พบเจอกับ เหตุการณ์แบบนัน้ อย่างไรก็ตาม คนดังอย่างเขาไปพูดอะไรแบบ นัน้ ใส่คนอื่นแค่ทีสองทีก็คงไม่มีปัญหา ไม่นานเพื่อนกลุม่ นัน้ ของ เขาก็จะลืมเรื่องนีไ้ ป และปฏิบตั ิกบั เขาเหมือนเดิม “ทาไมถึงต้องโกรธแทนผมด้วยล่ะครับ” ผมเอ่ยถามเขา ด้วยเสียงเรียบ หลังจากที่เราทัง้ คู่น่งั เงียบกันมานาน เขานั่งข้างๆ ผมมาตลอดตอนที่ผมร้องไห้ออกมา มันน่าอายมากที่ตอ้ งแสดง ด้านที่อ่อนแอให้เขาเห็น แต่ในขณะเดียวกันก็รูส้ ึกโล่งใจแปลกๆ

“เพราะดูเหมือนพี่จะชอบนายขึน้ มาแล้วน่ะสิ” พี่ยินพูด ในขณะที่ตาก็จอ้ งไปยังทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ท่ีอยู่ตรงหน้าเรา ราวกับว่าเรื่องที่พดู มามันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลยสาหรับเขา ผมหันไปมองเขา ไม่รูว้ ่าความสุข หรือความเศร้ากันแน่ท่ี อยู่ในดวงตาของเขา ผมคงพูดได้ไม่เต็มปากหรอกว่านี่คือเรื่อง น่ายินดี เพราะการเป็ น ‘LGBTQ’ ในยุคนีไ้ ม่ใช่เรื่องง่ายเลย “พี่อยากให้ผมเก็บเรื่องนีไ้ ว้เป็ นความลับมัย้ ” ผม ตัดสินใจถามเขาออกไป ผมไม่รูว้ ่าเขาต้องการแบบไหน แต่ สาหรับผมในตอนนีจ้ ะแบบไหนก็ได้ทงั้ นัน้ “ทาไมถึงต้องเก็บเป็ นความลับล่ะ เหมือนเรากาลังทา เรื่องไม่ดีอยู่เลย” เขาถามด้วยแววตาใสซื่อ ผมเดาว่านี่คงเป็ นครัง้ แรกที่เขามีแฟนเป็ นเพศเดียวกัน หรือไม่งนั้ คาว่า ‘Bully’ ก็คงไม่มี อยู่ในพจนานุกรมของเขาเลย “เปล่า แค่การทาแบบนีม้ นั ง่ายกว่า เพราะเราไม่สามารถ ทาให้คนทัง้ โลกมาชอบได้ ไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่เราเป็ นมันผิด” ผมตอบกลับเขาพร้อมรอยยิม้ บางๆบนใบหน้า ตรงข้ามกับเขาที่ กาลังขมวดคิว้ นิ่วหน้า

“ชีวิตคนเรามันสัน้ นะวอดก้า ถ้านายคิดจะทุ่มเททัง้ ชีวิต เพียงเพราะต้องการให้คนอื่นมองนายดีในแบบที่นายอยากให้ มอง นายก็ตอ้ งใช้ชีวิตในแบบที่คนอื่นชอบโดยไร้ความเป็ นตัวเอง แบบนัน้ มันไม่เหนื่อยมากเกินไปหน่อยเหรอ” พี่ยินจับไหล่ผม เอาไว้ และเขย่าเบาๆเพื่อเตือนสติ “เหนื่อยสิ แต่พ่ไี ม่รูส้ กึ อึดอัดบ้างเหรอ ที่ตอ้ งแกล้งทาเป็ น ไม่ได้ยินในสิ่งที่พวกเขาพูดกัน พี่ทนฟั งคนพวกนัน้ ว่าร้ายพี่โดยที่ พี่ไม่รูส้ กึ อะไรเลยได้เหรอ” ผมตอบกลับเขา “ตราบใดที่มีนายอยู่ขา้ งๆมันก็คมุ้ ค่า เจ้าพวกนัน้ มันไม่ คู่ควรให้นายต้องเก็บเอามาคิดมากหรอก นายคิดถึงแค่พ่กี ็พอ” ว่าแล้วสองมือของเขาก็โอบร่างของผมเอาไว้ พลางลูบปลอบ ประโลมด้วยความอ่อนโยน

แกร๊ก เสียงปลดเข็มขัดนิรภัยดังขึน้ ทางที่น่ งั คนขับข้างๆผม พร้อมกับเสียงผ้าสูสีกนั ไปมาคล้ายกับว่ามีคนกาลังขยับตัวเพื่อ บิดขีเ้ กียจหลังผ่านการเดินทางอันยาวนานมาทัง้ วัน

“อืม ถึงแล้วเหรอ” ผมทาตาปรือๆมองออกไปนอก หน้าต่างด้วยความงัวเงีย ตัง้ แต่เมื่อไหร่ก็ไม่รูท้ ่รี ่างกายผมมันดัน ไปจดจาจังหวะ และระยะเวลาในการขับรถของยินได้ คงเป็ น เพราะที่ผ่านมามันไปรับไปส่งผมตลอดเลยละมัง้ “อือ ฝันอีกแล้วเหรอ” เขาว่า พลางเอือ้ มมือมาประคอง แก้มของผมเอาไว้ ไม่ว่าตอนนีห้ รือเมื่อก่อนก็ยงั อ่อนโยนอยู่ เหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน “เรื่องเดิมๆ คงเป็ นแผลใจในวัยเด็กล่ะมัง้ ถึงได้ตาม หลอกหลอนมาจนถึงทุกวันนี”้ ผมหลับตาลงไม่ขดั ขืนสัมผัสจาก มืออุ่นๆของเขา เพราะตอนนีผ้ มรูส้ กึ เหนื่อยมากเหลือเกิน “ขอโทษนะ ที่กูดนั เข้าไปเป็ นเรื่องแย่ๆในชีวิตมึง ถ้ามึง ไม่ได้คบกับกู ชีวิตมึงตอนนีค้ งจะดีกว่าที่เป็ นอยู่” ยินว่าพร้อม รอยยิม้ เจื่อนๆขัดกับนา้ เสียงที่ดเู ศร้าหมองของเขา “ถึงจะย้อนอดีตกลับไปได้ กูก็เลือกคบกับมึงอยู่ดี มันจะ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในความสัมพันธ์ของเรา กูตดั สินใจไปแล้ว และกูก็เชื่อมั่นในการตัดสินใจของตัวเอง มึงเองก็ควรจะเคารพใน การตัดสินใจของกูเหมือนกัน” ถึงการตัดสินใจที่ว่านัน้ จะรวมถึง

เรื่องที่ผมขอเลิกกับเขาด้วยก็ตาม แต่ผมทาในสิ่งที่ผมคิดว่ามัน ถูกต้องแล้ว และผมไม่คิดเสียใจกับเรื่องนัน้ “มึงรูป้ ะ ว่าบรรยากาศตอนนีม้ นั ชวนให้กูอยากจูบมึงชิบ หายเลย” ยินทิง้ ตัวลงกับเบาะอย่างแรง และยกมือขึน้ มาปิ ดหน้า แดงๆของเขาเอาไว้ นี่มนั ไม่ใช่อะไรที่หาได้ง่ายๆเลย เพราะปกติ เขามักจะเป็ นฝ่ ายหยอดผมก่อนเสมอ “ก็เอาสิ” ไม่รูอ้ ะไรดลใจให้ผมพูดคานีอ้ อกไป แต่ผมห้าม ใจตัวเองเอาไว้ต่อไปไม่ไหวแล้ว แม้จะรูด้ ีว่าไม่ควรทาเรื่องแบบนี ้ ทว่าร่างกายมันกลับปฏิเสธสัญชาตญาณในตัวไม่ได้เลย ให้ตายสิ หวนคืนสู่วานรไปแล้วรึไง ไอเจ้าร่างกายไม่รกั ดีเอ้ย “ขอโทษที่ขดั จังหวะคนกาลังเข้าด้ายเข้าเข็มนะ แต่ว่านี่ มันพืน้ ที่สาธารณะนะยะ” เมื่อได้ยินเสียงบุคคลที่สามจากทาง กระจกรถ ผมก็สะดุง้ โหยงจนหน้าผากไปกระแทกกับยินดังปัก “โอ้ย ชะเอม มาได้ไงเนี่ย” ผมรีบผลักยินออกไปอย่างแรง จนหัวยินไปโขกกับรถอีกที ส่วนตัวเองก็รีบเปิ ดประตูออกไปพบ หน้าเจ้าลูกพี่ลกู น้องฝั่งพ่อเลีย้ งด้วยความลุกลีล้ กุ ลน ความ บังเอิญเป็ นอะไรที่เกิดขึน้ ได้ และจะเกิดขึน้ บ่อยๆด้วย เมื่อคุณ

เป็ นพระเอก หรือนายเอกนิยายรักแบบผม จะพูดว่าพระเจ้าเอ็นดู เป็ นพิเศษก็คงจะไม่ถกู ต้องเรียกว่าเป็ นของเล่นชิน้ โปรดของเขา น่าจะฟั งดูเป็ นไปได้มากกว่า “เขินก็ตบ โมโหก็ต่อย ตกใจก็ผลัก ชา้ หมดแล้ว หัดเบา มือหน่อยสิ” ยินเปิ ดประตูออกมาพลางลูบหัวป้อยๆ ถึงจะเคย บอกว่าเขาทาตัวไม่สมกับที่เป็ นพระเอก แต่ภมู ิตา้ นทานอุบตั ิเหตุ จากนายเอกที่ชอบใช้ความรุนแรงของเขามีลน้ เหลือ “นี่พ่มี ีแฟนแล้วเหรอเนี่ย เดี๋ยวนะ...ทาไมหน้าคุน้ ๆ คง ไม่ใช่แฟนเก่าในรูปถ่ายบนหัวเตียงที่บา้ นหรอกใช่มยั้ ” ผมแทบ เอามืออุดปากเธอเอาไว้แทบไม่ทนั ซึ่งอันที่จริงก็ไม่ทนั นั่นแหละ ไอหมอยินถึงได้ผิวปากอารมณ์ดีอยู่ขา้ งๆราวกับว่าความเจ็บที่หวั ได้หายเป็ นปลิดทิง้ อย่างไรอย่างนัน้ “ช่างเรื่องนัน้ ก่อนเถอะ ขึน้ ไปคุยกันข้างบนดีกว่านะ” ผม คว้าแขนทัง้ คู่ลากขึน้ คอนโด ก่อนที่จะโดนแดดประเทศไทยเลียผิว จนไหม้ไปเสียก่อน “ไม่เห็นต้องรีบร้อนขนาดนีเ้ ลย ผิวพี่น่ะขาวอย่างกับ งาช้าง ให้มนั คลา้ ขึน้ มาบ้างก็เห็นจะเป็ นไร” ยังไม่ทนั ที่ผมจะได้

ก้าวขาเข้าห้องตัวเอง ยัยชะเอมก็กระโดดจองโซฟาในห้องรับแขก ไปเสียแล้ว จะไม่ให้ผอมบางร่างน้อยได้ยงั ไงในเมื่อปัจจัยรอบตัว มันเอือ้ ให้ผมได้ออกกาลังกายแทบทัง้ วัน “เฮ้อ ในเมื่อเธอรูแ้ ล้วว่าคนที่อยู่กบั พี่คือแฟนเก่าเดี๋ยวเธอ ก็ไล่ถามถึงที่มาที่ไป แล้วสุดท้ายก็จะกลายเป็ นเรื่องยาวอยู่ดี เธอ ก็รูน้ ่วี ่าพี่ชายคนนีบ้ อบบางจะตาย คงจะดูใจร้ายไปหน่อย ถ้า ปล่อยให้เป็ นลมอยู่ขา้ งนอกนั่น” ผมถอนหายใจไปอธิบายเหตุผล กับเธอไป ทัง้ ที่ไม่กี่วนั ก่อนยังโทรหาผมจากที่เกาหลีอยู่เลยแท้ๆ เพราะแผนการตามล่าหาโอปป้าในแดนกิมจิลม้ เหลวหรืออย่างไร กันนะ เธอถึงกลับมาไทยไวขนาดนี ้ ถ้าเป็ นแบบนัน้ ในฐานะ พี่ชายที่แสนดีผมควรจะปลอบใจเธอ แต่จากประสบการณ์ท่ไี ด้อยู่ กับเธอมาตลอดหลายปี นี ้ เชื่อเถอะว่ายัยเด็กผูห้ ญิงตรงหน้าผมนี่ เปลี่ยนผูช้ ายบ่อยยิ่งกว่าเปลี่ยนเสือ้ ผ้าเสียอีก กะอีแค่การเสีย ผูช้ ายดีๆสักคนในชีวิตไปไม่ได้สะเทือนต่อมความรูส้ กึ เสียใจของ เธอเลยแม้แต่นอ้ ย “ละนี่พวกพี่มาเจอกันได้ยงั ไงเลิกกันไปแล้วไม่ใช่เหรอ” ยัยชะเอมอ้าปากถามคาถามอย่างตรงไปตรงมาก่อนจะคว้าขนม ที่วางอยู่บนโต๊ะไปกินอย่างถือวิสาสะถ้าไม่ติดที่ว่าเป็ นน้องสาว

ผมคงจับมันหักแขนไปแล้ว เพราะไอคุก้ กีบ้ า้ นี่ราคาแพงแถมยัง หายากอย่างกับถุงเท้าคู่เดียวกันที่หายไประหว่างเข้าเครื่องซักผ้า เลย คุณเคยได้ยินเรื่องการทดลองของ CERN ที่อาจส่งผลให้เกิด หลุมดาในโลกหรือเปล่า ถ้าข่าวลือนั่นเป็ นจริงตอนนีก้ ็คงมีหลุม ดาขนาดจิ๋วอยู่ในตะกร้าผ้าผมนี่แหละ “บังเอิญเจอกันที่มหาลัยน่ะ ช่วงนัน้ ไปช่วยงาน ปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่พอดี เลยได้เจอกัน แต่ไม่ยกั รูเ้ ลยว่ามึงมี น้องสาวด้วย” ยินเสนอหน้าพูดอธิบายแทนตัวผมที่ได้แต่ยืน กอดอกถอนหายใจอยู่เงียบๆตรงมุมหนึ่งของห้อง เรียกว่าเคยชิน กับการโดนคนรอบตัวแย่งบทพูดก็คงจะไม่ผิดไปจากสถานการณ์ ของผมในตอนนีเ้ ลย “ชะเอมไม่ใช่นอ้ งแท้ๆหรอก เป็ นลูกพี่ลกู น้องทางฝั่ง พ่อเลีย้ งน่ะ แม่พ่งึ แต่งงานใหม่เมื่อไม่นานมานี ้ ขอโทษที่ไม่เคย แนะนาให้ได้รูจ้ กั นะ” ผมเดินไปเช็ดหน้าเช็ดตาน้องสาวผูไ้ ร้ความ เป็ นสุภาพสตรีซ่งึ กาลังเขมิบของกินตรงหน้าด้วยความเร็วอันน่า สยดสยองเสียจนผมกลัวว่าถ้าผมไม่หยุดเอาไว้ เธอจะกินขาโต๊ะ กับข้าวของผมเข้าไปด้วย

“ก็อย่างที่มงึ เคยพูดเอาไว้น่นั แหละว่าระหว่างที่เราไม่ได้ อยู่ดว้ ยกันมันมีอะไรหลายอย่างเกิดขึน้ นี่ก็เป็ นแค่หนึ่งในเรื่องราว เหล่านัน้ ไม่จาเป็ นต้องขอโทษกูหรอก” ยินว่าพลางยกมือขึน้ ปัด ไปมาราวกับจะบอกเป็ นกลายๆว่าตนไม่ได้ใส่ใจอะไร “อย่าน้อยใจไปเลยค่ะ ถึงพี่วอดก้าจะยังไม่เคยแนะนา หนูกบั พี่ แต่หนูก็รูเ้ รื่องของพี่ดีม๊ากมาก” ยัยชะเอมยิม้ ร้ายพลาง สอดส่ายสายตายั่วส้นเท้ามาทางผมอย่างสนุกสนาน แต่ก็ไม่ผิด จากที่นางพูดหรอก เพราะคนที่ตอ้ งทนทุกข์ทรมานอยู่กบั การต้อง แยกจากคนที่รกั ไม่ได้มีแค่มนั ผมเองก็ตอ้ งการคนไว้คอยปลอบ ประโลมในวันที่หวั ใจอ่อนแอเช่นเดียวกัน และชะเอมก็เป็ นคนที่ คอยทาหน้าที่นนั้ ถ้าไม่มีเธอล่ะก็ คงเป็ นเรื่องยากที่ผมจะลุกขึน้ ยืนได้ใหม่ดว้ ยตัวเอง “ขอบคุณที่ช่วยดูแลเขานะ แล้วก็ขอโทษด้วย เธอคง พยายามมามากเพื่อให้เขากลับมาร่าเริงได้แบบนี ้ แต่ไม่ตอ้ งห่วง นะ รอบนีพ้ ่สี ญ ั ญาว่าจะไม่ทาให้เขาเสียใจอีกเป็ นครัง้ ที่สอง” ยิน ให้คาสัญญาด้วยใบหน้าจริงจัง ถ้าไม่ติดที่ว่าชะเอมเป็ นน้องสาว ผมคงคิดว่าเขากาลังขอผมแต่งงานอยู่

“พูดแบบนีแ้ ปลว่ากลับมาคืนดีกนั แล้วใช่มยั้ คะ” ผมมอง หน้าชะเอมสลับกับหน้ายิน เขายักไหล่กลับมาปั ดให้ผมต้อง อธิบายเรื่องราวยุ่งยากนี่แต่เพียงผูเ้ ดียว “คือ เรื่องมันยาวน่ะ” ผมไม่ได้ขเี ้ กียจอธิบายนะ ผมก็แค่ ย่อเรื่องราวให้สนั้ ลง และสรุปใจความให้เข้าใจง่ายก็เท่านัน้ เรื่อง มัน ยาว เห็นมัย้ เข้าใจง่ายขึน้ เยอะเลย “งัน้ ช่วยอธิบายเรื่องที่พวกพี่กาลังจะจูบกันบนรถตอน กลางวันแสกๆให้ฟังหน่อยสิ ฉันว่าแม่ตอ้ งชอบเรื่องนีแ้ น่” ยัย ชะเอมแสยะยิม้ ยกมือถือขึน้ มาปลดล็อคหน้าจอ ก็รูอ้ ยู่หรอกว่า เธอเป็ นน้องสาวที่น่ารัก แต่เรื่องที่จบู กับยินนี่ผมเอาไปเสี่ยงไม่ได้ จริงๆ “พี่ยงั ไม่ได้คบกับเขา เขาก็แค่มาตือ้ พี่ไม่เลิก” ผมตอบ กลับไป ไอเหตุผลที่บอกว่าเรื่องมันยาวไม่ใช่เพราะเรื่องที่ผมมา อยู่กบั ไอแฟนเก่าคนนีม้ นั ลึกลับซับซ้อนอะไรหรอก แต่เรื่องที่จะ ตามมาหลังจากนีต้ ่างหาก “หา นี่พ่คี ิดจะจูบกับคนที่ไม่ได้คบกัน แถมยังเป็ นแฟน เก่าอีกอย่างงัน้ เหรอ ทาบ้าอะไรของพี่เนี่ย” นั่นสิ ทาบ้าอะไรของ

ผมเนี่ย ต้องขอบคุณยัยชะเอมที่เข้ามาขวางไว้ ไม่งนั้ นี่คงเป็ นอีก หนึ่งความผิดพลาดในชีวิตอันยุ่งเหยิงของผม ที่ปัจจุบนั ที่ก็มีมาก พอแล้ว “ช่างเรื่องนัน้ ก่อนเถอะ ตอนนีเ้ รามีปัญหาใหญ่กว่าที่ตอ้ ง รีบหาทางแก้ไขนะ” ยินเอ่ยขึน้ แหงสิ ถ้าผมจูบกับมัน จะตัง้ ใจ หรือไม่ คนที่ได้กาไรก็เป็ นมันอยู่ดี “หมายความว่าไง เกิดอะไรขึน้ ระหว่างที่ฉนั ไม่อยู่” ชะเอมวางแตงกวาลูกสุดท้ายในครัวของผมลง และหยัดตัวขึน้ จากเคาน์เตอร์ดว้ ยท่าทีรอ้ นรน ทัง้ ที่ไม่ใช่เรื่องของตนแท้ๆ “ก็ Super Daddy ที่เคยสร้างเรื่องไว้กลับมารังควานถึงที่ ทางานในกองบรรณาธิการเลยเนี่ยสิ เห็นว่าจะเรียกเก็บยี่สิบ เปอร์เซ็นต์ของกาไรที่ได้จากงานเขียน ไม่งนั้ จะแฉเรื่องกุ๊กกิ๊กใน สมัยเรียนมัธยม ฟั งดูไม่เลวร้ายอะไร ถ้าไม่ติดที่ว่าหนังสือที่หมอ นี่เขียนเป็ นวรรณกรรมสาหรับเด็กน่ะนะ” ผมหันไปทาตาแข็งใส่ไอ หมอหมาที่ไปปากโป้งเรื่องไม่เป็ นเรื่องกับน้องสาวขีก้ งั วลของผม เข้า

“พ่อเหรอ นี่มีอะไรทาไมไม่บอก คุยกันแล้วนี่ว่าเราจะไม่ มีความลับระหว่างกัน แล้วอย่าคิดเชียวนะว่านี่มนั ไม่ใช่เรื่องของ ฉัน เราเป็ นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ” เป็ นอีกครัง้ ที่ผมรูส้ ึก เหมือนถูกอ่านใจได้ ผมเบือ้ นหน้าหนีไปอีกทาง แต่ใช่ว่าผมไม่ กล้าสูห้ น้าน้องสาวเพราะคิดว่าตัวเองผิดหรอก แต่เป็ นเพราะผม ต้องการหันไปส่องกระจกดูต่างหากว่าที่หน้าผากของผมมันมี ป้ายไฟติดอยู่รเึ ปล่า ทาไมคนอื่นเดาใจผมได้ตลอดเลย “พี่ไม่อยากให้มนั กลายเป็ นเรื่องใหญ่ ทุกคนเหนื่อยกับพี่ มามากพอแล้ว โดยเฉพาะกับแม่” ผมกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “นี่มนั ไม่ใช่เรื่องเล็กๆที่ฉนั จะปล่อยผ่านไปได้เหมือนเรื่อง ที่พ่เี คยฉี่ใส่ตกู้ ดนา้ โรงเรียนหรอกนะพี่วอดก้า” ชะเอมตะโกนลั่น ด้วยความอารมณ์รอ้ น ในขณะที่ยินส่งสายตาสิน้ หวังมาทางผม ราวกับจะบอกว่า ‘เอาจริงดิ’ หลังจากที่ได้ยินวีรกรรมในวัยเด็กที่ ผมไม่อยากจะเอ่ยถึง และคาดหวังให้ยยั น้องสาวลืมๆมันไปซะ แต่เรื่องเหล่านีก้ ็ไม่มีท่าทีจะถูกลบออกไปจากความทรงจาของ เธอเลย ราวกับว่ามันถูกบรรจุลงใน Long-Term Memory ของ เธอไปแล้วอย่างไรอย่างนัน้

“อย่าให้เรื่องมันยุ่งยากเลย เธอก็รูว้ ่าแม่จะคิดยังไงกับ เรื่องนี ้ แค่สง่ ลิงอย่างพี่ไปว่ายนา้ ในทะเลสาบที่มีช่อื ว่า มหาวิทยาลัยก็ทาให้เธอเหนื่อยมากพอแล้ว ถ้ามันยังพอจะมีทาง ที่เราจะช่วยแบ่งเบาแม่ได้บา้ งแม้เพียงเล็กน้อยก็ทาหน่อยเถอะ” ผมยังคงดือ้ ดึงจะจัดการปัญหานีด้ ว้ ยตัวเอง หลังจากทาสงคราม ประสาทกับอีกฝ่ ายอยู่นาน ในที่สดุ ชะเอมก็ถอนหายใจออกมา ยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี “เฮ้อ สักวันพี่จะเสียใจที่ยอมให้ฉนั ทาพี่เสียคน” ชะเอม ว่าพลางหิว้ กระเป๋ าสะพายเดินตรงไปยังประตูทางออก หลังจากที่ ปล้นขนมยังชีพสาหรับทัง้ สัปดาห์ของผมไปจนหมดแล้ว “พี่ไม่เสียใจเลยที่ได้มีนอ้ งสาวน่ารักอย่างเธอมาคอย ตามใจแบบนี”้ ผมตอบกลับเธอพร้อมส่งยิม้ หวานไปให้อีกหนึ่งที ตามประสาพี่ชายมือใหม่หดั มีนอ้ งสาว “จ้าๆ อย่าฝื นตัวเองมากไปก็แล้วกัน ครอบครัวน่ะมีไว้ เพื่อช่วยเหลือเกือ้ กูลกันนะโอเคมัย้ พี่รูเ้ บอร์ใหม่ฉนั แล้ว มีอะไรก็ โทรมาได้ตลอดเลยนะ” เธอตะโกนทิง้ ท้ายก่อนจะเดินหายไป ทิง้ ให้ผมต้องอยู่กบั ไอยินตามลาพัง หลังจากที่เราพึ่งเกือบจะได้จบู

กันบนรถแบบ In Public อย่างกับในหนัง Boku no Pipo ที่ พระเอกแย่งปี โป้จากนางเอกด้วยการดูดปากอย่างไรอย่างนัน้ “อยากคุยเรื่องเมื่อกีห้ น่อยมัย้ ” ไม่ทนั ที่ผมจะมีช่องว่างให้ หนี ไอเจ้าพระเอกนี่ก็ปิดล้อมทุกความเป็ นไปได้ในการอพยพ ตัวเองออกจากภัยพิบตั ิระดับปี ศาจอย่างเขาของผมไปหมดแล้ว “จะอะไรอีกล่ะ” ผมเสแสร้งแกล้งทาเป็ นลืมเรื่องที่พ่งึ เกิดขึน้ แม้จะรูอ้ ยู่แก่ใจว่าไอการทาแบบนีม้ นั ไม่ได้ช่วยหยุด สันดานช่างตือ้ ของมันได้เลย “อย่ามาทาเป็ นเฉไฉ ทาไมตอนอยู่บนรถถึงยอมให้จบู ล่ะ จริงๆแล้วมึงเองก็ยงั มีใจให้กูอยู่ใช่ปะ” เขาพูดด้วยนา้ เสียงจริงจัง แต่ถึงกระนัน้ มันก็ยงั ไม่สามารถกลบความดีใจที่แสดงออกนอก หน้านั่นได้เลย “บรรยากาศพาไป เรื่องมันก็เท่านัน้ ” จะให้พดู ออกไป ตรงๆว่าอยากจูบกับมันได้ยงั ไง คนที่ทาให้ความสัมพันธ์ของเรา ต้องจบลงก็คือตัวผมเองแท้ๆ คนอย่างผมมันไม่มีสิทธิท่จี ะได้ พูดคุยกับเขาด้วยซา้ แต่ถึงอย่างนัน้ เขาก็ยงั คงทาดีกบั ผมมาโดย ตลอด ซา้ ยังเข้ามาขอโทษราวกับเรื่องทัง้ หมดมันไม่ใช่ความผิด

ของผมเลย คนที่ควรจะต้องพูดคาว่าขอโทษน่ะ มันผมต่างหาก เกลียดชะมัด เกลียดทิฐิของตัวเอง เกลียดศักดิ์ศรีท่มี นั คา้ คอ เกลียดที่ไอคาง่ายๆแค่นกี ้ ็ไม่มีความกล้าพอจะพูดออกไป “มึงนี่ยงั ปากแข็งไม่เปลี่ยนเลยนะ ในหัวมึงมีความคิด กลัวที่จะเสียกูไปบ้างมัย้ รึมีแต่เรื่องของตัวเอง” “มึงอย่ามาพูดแบบนีก้ บั กูนะ ถ้ากูเห็นแก่ตวั อย่างที่มงึ พูด มาแล้ววันนัน้ กูจะขอเลิกกับมึงมัย้ กูจะยอมเสียคนที่กรู กั ที่สดุ เพื่อ อะไร ถ้าไม่ใช่เพื่อตัวมึงเอง” ผมตวาดกลับไปพลางฉุดกระชาก ข้อมือตัวเองอย่างสุดแรง เพื่อหวังจะหลุดจากพันธนาการณ์ของ เขา ก่อนที่ปากพล่อยๆของผมจะหลุดอะไรแย่ๆออกมามากกว่านี ้ ทาไมกันนะ ทาไมสิ่งที่คิดมันไม่เคยตรงกับสิ่งที่พดู เลย ‘ขอโทษ’ เสียงเล็กๆในใจของผมผุดขึน้ มา ‘ผมขอโทษ’ ซา้ แล้วซา้ เล่า แต่ก็ ไม่เคยดังไปได้มากกว่าดังก้องอยู่แค่ภายในใจเท่านัน้ “ไอการที่มงึ คิดเองเออเองตัดสินทุกอย่างเองนั่นแหละคือ ความเห็นแก่ตวั วอดก้า เพราะกูไม่ได้อยากให้มนั เป็ นแบบนัน้ ที่ มึงทาไปก็เพื่อให้ตวั เองรูส้ ึกสบายใจ แต่มงึ ไม่ได้คิดถึงหัวอกกู เลย” ยินยังคงพูดต่อไป ไม่สนใจตัวผมที่พยายามจะหนีแต่อย่าง

ใด ไม่อยากให้มนั เป็ นแบบนีเ้ ลย ทัง้ ที่อตุ ส่าห์คิดว่าแค่ได้อยู่ ด้วยกันแค่นกี ้ ็ดีมากพอแล้วแท้ๆ แต่เมื่อได้เห็นสายตาที่เขามอง มาด้วยความโหยหาในตัวเรามากเท่าใด ใจมันก็รูส้ ึกเจ็บขึน้ มา มากเท่านัน้ ต้องการเหลือเกิน แต่พดู ออกไปไม่ได้ อยากจะกอด เขาเอาไว้ให้แน่นๆ อยากจะพร่าบอกรักเขาจนกว่าเราทัง้ สองจะ หลับไป อยากรูส้ กึ ถึงลมหายใจอุ่นๆของเขายามที่เราสองคนแนบ ชิดกัน แต่ก็ทาไม่ได้ ทรมานเหลือเกิน “ปล่อย…” ใช่แล้วล่ะ เขาพูดถูกทัง้ หมด ผมมันเห็นแก่ตวั ผมมันอ่อนแอ ผมไม่มีความกล้าพอที่จะปกป้องเขาเอาไว้ได้จึง เลือกที่จะทิง้ เขาไป เพราะงัน้ ได้โปรด ปล่อยผมไปเถอะ

“กูอดทนรอมึงได้นะเว่ย ถ้ามึงยังพอจะมีเศษเสีย้ วความ รักมาแสดงออกให้กเู ห็นบ้าง แต่น่มี ึงมาขอให้กจู บู แล้วบอกไม่คิด อะไร มึงจะเล่นกับความรูส้ กึ กูทาไมวะ” ผมสัมผัสได้ถึงอารมณ์ท่ี กาลังสั่นไหวของยินผ่านนา้ เสียงอันสั่นเครือนัน้ เป็ นอีกครัง้ ที่ผม ทาให้เขาต้องรูส้ กึ เสียใจ และหากเขาไม่หายไปจากชีวิตของผม ตอนนีน้ ่กี ็คงไม่ใช่ครัง้ สุดท้ายที่มนั จะเกิดขึน้ อย่างแน่นอน

“ปล่อยแขนกู ยิน” ผมได้แต่รอ้ งขอเขาคาเดิมซา้ ๆ ความรูส้ กึ ภายในสับสนปนเปกันไปหมด ทัง้ ความรูส้ ึกผิดที่ใน อดีตเคยทิง้ เขาไป และความรูส้ กึ ผิดที่ปัจจุบนั ไม่ยอมทิง้ เขาอีก ครัง้ “เออ ก็ได้ จะทาอะไรก็ทา แต่อย่าลืมนึกถึงใจคนรออย่าง กูดว้ ยก็แล้วกัน” ผมรูด้ ีว่ายินรักผมมากแค่ไหน ต่อให้จะหงุดหงิด มากถึงเพียงใด แต่แค่เพียงหยาดนา้ ตาเล็กๆไม่กี่หยดของผมก็ทา ให้เขาใจอ่อนลงได้ในท้ายที่สดุ “เดี๋ยว…” ผมเอือ้ มมือไปรัง้ ชายเสือ้ ของคนตรงหน้าไว้ ก่อนที่เขาจะรีบเดินหนีออกไปเสียก่อน “อะไร” ยินถามกลับสัน้ ๆด้วยนา้ เสียงปนความขุ่นเคือง เล็กน้อย แต่กลับเบา และดูน่มุ นวลกว่าเดิม ราวกับว่าเขากาลัง โกรธ แต่พยายามอดกลัน้ เอาไว้ “วันเสาร์นกี ้ ูกะว่าจะไปคุยกับพ่อ มึงช่วยไปกับกูได้มยั้ ” ผมรูด้ ีว่านี่ดจู ะเป็ นคาขอที่เห็นแก่ตวั ไปหน่อย แต่ผมก็รูด้ ี เช่นเดียวกันว่าเขาไม่ได้เกลียดคนเห็นแก่ตวั แบบผมหรอก “มึงแม่งโคตรใจร้ายเลยว่ะ”

บทที่ 6 ‘เสียงเพลงประจาสถาบัน กลิ่นควันจากเตาถ่าน และ อากาศอันบริสทุ ธิท่แี ม้จะนั่งสูดตอนปลดทุกข์อยู่ในห้องนา้ ก็รูส้ กึ ได้ถึงกลิ่นอายธรรมชาติอนั สมบูรณ์ นี่สินะต่างจังหวัดในยามเช้า’ ผมคิด ในขณะที่มือก็เลื่อนฟี ดเฟสบุ๊คไปพลาง เท้าก็ยนั ประตู ห้องนา้ ไปพลาง “พี่วอดก้า เมื่อวานแดกควายเข้าไปรึไง ทาไมขีน้ านขนาด นี ้ หนูจะไปโรงเรียนสายแล้วนะ” เสียงเจ้าน้องสาวตัวดีน่ีก็เป็ นอีก หนึ่งองค์ประกอบสาคัญที่ขาดไปไม่ได้เลย เฮ้อ การมานั่งนึกถึง สมัยเรียนมัธยมแบบนีน้ ่เี ราเองก็แก่แล้วสินะ ทัง้ ที่อายุพ่งึ จะยี่สิบ อยู่เลยแท้ๆ แต่ใจกลับอยากจะเกษียณไปอยู่บา้ นเลีย้ งแมวซะ แล้ว ไม่สิ บางทีผมอาจจะแค่ขเี ้ กียจเสียมากกว่า ไม่เกี่ยวกับกะสง เกษียณอะไรหรอก “ขออีกแป็ บนึง” ผมตะโกนตอบกลับไปแบบเดียวกับเมื่อ ห้านาทีท่แี ล้ว และคาดว่าอีกห้านาทีถดั ไปก็คงได้พดู ประโยคนีอ้ ีก ครัง้

หลังจากที่ทะเลาะกับยินไปเมื่อวาน คืนนัน้ ผมก็ตดั สินใจ หอบข้าวหอบของมาตัง้ หลักใหม่ท่ีบา้ นในต่างจังหวัด โดยได้ อินสไปร์เรชั่นมาจากนางเอกซีรี่ยผ์ ชู้ อบหนีปัญหา ซึ่งมันก็เป็ น อะไรที่ค่อนข้างกระทันหันพอสมควร แต่เพื่อแลกกับการที่จะไม่ ต้องใช้ชีวิตวุ่นวายในเมืองหลวงสักสองสามวันแล้ว นี่ก็ถือเป็ น การเดินทางที่คมุ้ ค่าและมันจะคุม้ ค่ากว่าเดิมในวันที่ผมกลับไป หากผมสามารถกาจัดเรื่องบ้าๆนี่ออกจากหัวผมได้ ขอยอมรับเลยว่ายินค่อนข้างมีอิทธิพลต่อความคิดของ ผมมาก แค่นึกถึงเรื่องของเขาก็ทาเอาผมวุ่นวายใจไปหมด ไหน จะเรื่องที่ตอ้ งประคองเกรดตัวเองไม่ให้ตก กับเรื่องที่ตอ้ งไปคุยกับ พ่อวันเสาร์นีอ้ ีก ในชีวิตไม่เคยรูส้ กึ มืดแปดด้านเท่านีม้ าก่อนเลย บางทีว่างๆผมควรโทรไปหาน้าเน็ก แล้วขอคาปรึกษาจากเขา แต่ รายการเขามีวนั เสาร์ แล้ววันเสาร์ท่วี ่าก็ดนั เป็ นวันเดียวกันกับที่ ผมต้องไปขึน้ เขียงอีก สิ่งที่ดีท่สี ดุ ที่ทาได้ในตอนนีค้ งมีแต่ขอให้ พระเจ้าอวยพร ซึ่งถ้าอิงจากสถิติท่ผี ่านมา ผมว่าเราอย่าคาดหวัง อะไรเลยดีกว่า จะได้ไม่ตอ้ งมาผิดหวังในภายหลัง “ไม่เห็นบอกล่วงหน้าเลยว่าจะมาหากัน แล้วนี่ได้โทรบอก แม่รยึ งั ให้ลงุ โทรบอกให้มยั้ ” พ่อเลีย้ งของผมเอ่ยทัก เมื่อเห็นว่า

ผมเดินมานั่งที่โต๊ะอาหารข้างๆเขา แต่ไม่ตอ้ งห่วง เขาเป็ นคนใจดี และผมก็ไม่ได้ช่ือซินเดอเรลล่า ไม่จาเป็ นว่าคนที่แต่งงานใหม่ทกุ คนจะกลายเป็ นคนใจไม้ไส้ระกาไปเสียหมด “ไม่ตอ้ งบอกหรอกครับ เดี๋ยวท่านจะไม่สบายใจเอา” ผม ตอบแบบไม่ทนั คิดอะไร ก่อนจะมารูส้ กึ ตัวว่าเผลอพูดอะไรที่ไม่ ควรพูดออกไปเสียแล้ว “ไม่เป็ นไร ไม่อยากเล่าก็ไม่ตอ้ งเล่า ลุงไม่ได้บงั คับ แต่ถา้ ต้องการความช่วยเหลืออะไรก็อย่าเกรงใจที่จะบอกลุง โอเคนะ” ผมยิม้ และพยักหน้าตอบลุงซึ่งเดินเอาจานไปเก็บในซิง้ ค์หลังพูด อะไรเท่ๆออกมา แม้ว่าผมจะชื่นชมเขา แต่เขาหลอกผมไม่ได้ หรอก “อย่าทาเนียนครับ ล้างจานด้วย ผมจะไปส่งชะเอมแล้ว” ฝ่ ายลุงที่กาลังจะชิ่งหนีถึงกับไหล่ตกเดินกลับมาล้างจานแบบ หงอยๆ ถึงจะดูใจร้ายไปหน่อย แต่กฏก็คือกฏ คนกินเสร็จคน สุดท้ายต้องเป็ นคนล้าง ไม่มีแต่ แม่ผมได้ยา้ เอาไว้หลายครัง้ ผม ได้ยินตอนที่พวกเขาคุยโทรศัพท์กนั ไม่ใช่ว่าอยากได้ยินหรอก แต่ ผมไม่สามารถเปิ ดระบบตัดเสียงรบกวนออกไปได้ดงั ใจเหมือน

การเสียบสายหูฟัง เพราะงัน้ จะเรื่องที่แม่เรียกลุงว่าบูบ้ นี ้ อ้ ย หรือ เรื่องไหนๆ ผมก็ได้ยินมันทัง้ หมดนั่นแหละ ถึงแม้ว่าแม่กบั พ่อเลีย้ งของผมจะไม่ได้อยู่ดว้ ยกัน แต่ พวกเขาก็ยงั รัก และช่วยกันขยันทางานหาเงินมาเลีย้ งดูผมที่ติด หรู ชอบซือ้ ของออนไลน์แก้เครียด หนาซา้ ยังเป็ นเหยื่อการตลาด อีกด้วย พวกเขาคงภูมิใจในตัวผมน่าดูเชียว หากได้รูว้ ่าผมผลาญ เงินจานวนมหาศาลที่หามาได้อย่างยากลาบากนัน้ ยังไง “รีบไปได้แล้วพี่วอดก้า ถ้าช้ากว่านีห้ นูจะไปสายแล้วนะ” เสียงชะเอมตะโกนลงมาตัง้ แต่ชนั้ สอง ไม่รูจ้ ะรีบอะไรขนาดนัน้ ทัง้ ที่โรงเรียนแทบจะอยู่ติดกับรัว้ บ้านอยู่แล้ว ไม่ได้ประชดหรอกนะ ครับ เพราะมันแทบจะอยู่ติดรัว้ บ้านจริงๆ ซึ่งใกล้ขนาดนีผ้ มไม่ จาเป็ นต้องไปส่งคุณเธอเลยด้วยซา้ ถ้าไม่ใช่เพราะถูกขอร้องมา เวลาเช้าๆแบบนีอ้ ย่าหวังเลยว่าผมจะตื่น “ก็รอเธอนั่นแหละ รีบลงมาเถอะ ไม่งนั้ จะกลับไปนอนต่อ แล้วนะ” พอพูดจบยัยชะเอมก็รีบร้อนวิ่งหน้าตัง้ ลงมา เพราะครัง้ ล่าสุดที่ผมได้พดู ประโยคนีก้ บั เธอ ผมก็กลับไปนอนต่อจริงๆ ถ้า ให้เปรียบเทียบความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเตียงเป็ นสิ่งของแล้ว

ก็คงเหมือนปี โป้กบั ฝา หรือหมากฝรั่งกับเส้นผมนั่นแหละครับ มัน ยากที่จะแยกออกจากกันได้จริงๆ โดยเฉพาะหน้าหนาวแบบนีย้ ิ่ง แล้วใหญ่ มันควรจะเป็ นช่วงเวลาที่ตอ้ งจาศีลไม่ใช่หรือไง ทาไม มนุษย์ชอบทาอะไรที่มนั ฝื นธรรมชาติกนั นักนะ “สรุปแล้วพี่มาทาอะไรที่น่ี แล้ววันนีไ้ ม่มีเรียนเหรอ” ชะเอมถามผมทัง้ ที่ปากยังเคีย้ วข้าวเหนียวตุย้ ๆระหว่างที่เราทัง้ สองเดินเรียบไปบนทางเท้า ผมล่ะนับถือสกิลการเดินที่พริว้ ไหว ของเธอจริงๆ นี่คงเป็ นผลจากการฝึ กฝนอย่างหนักสินะ เธอถึงไม่ เหยียบโดนแผ่นที่มีนา้ ขังอยู่เลย ต่างจากผมที่เดินแบบสุม่ ๆก้าว ไปทางไหนก็แรนด้อมเจอแต่กบั ระเบิดนา้ ขัง “พี่แค่หนีเขามา พี่ไม่อยากอยู่ในเมืองที่มีเขาอยู่ ไม่อยาก นึกถึงเขา” ผมยักไหล่ไปหนึ่งทีให้กบั ที่ปรึกษาตัวน้อยที่กาลังมอง มาที่ผมด้วยสีหน้าอ่านยาก แต่ถา้ ให้เดาก็คงจะแปลได้ว่า ‘เหตุผล พี่ฟังดูโง่มาก หนีเขามาต่างจังหวัด แต่สดุ ท้ายตัวเองก็ยงั อยู่ ประเทศเดียวกับเขาอยู่ดี งี่เง่า เปลืองตังชะมัด’ อะไรประมาณนี ้ ล่ะมัง้

“เหตุผลพี่ฟังดูโง่มาก หนีเขามาต่างจังหวัด แต่สดุ ท้าย ตัวเองก็ยงั อยู่ประเทศเดียวกับเขาอยู่ดี งี่เง่า เปลืองตังชะมัด” ไม่ ถูกแต่หวย ตรงเป๊ ะอย่างกับลอกบรรทัดบนมา แต่ท่เี ธอว่าก็ไม่ผิด บางทีผมอาจจะแค่กาลังสับสน และทาอะไรไม่ถกู ผมเกลียดการ แก้ปัญหายุ่งยากในชีวิตพอๆกับที่เกลียดสับปะรดบนพิซซ่า ทว่า ไอปัญหาเหล่านีม้ นั ไม่ได้เขี่ยทิง้ ไปได้ง่ายๆแบบนัน้ และนั่นแหละ ที่ทาให้มนั น่าราคาญ “พี่รู ้ พี่ขอโทษ พี่แค่เหนื่อย พี่อยากพัก อยากลาออกจาก การเป็ นตัวเองสักวัน ไม่ก็เป็ นตัวเองในเวอร์ช่ นั อื่นที่ดีกว่านี”้ ผม ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ถ้าจะมีอะไรที่วิ่งหนีได้ยากกว่าการหนีจาก ยินก็คงจะเป็ นการหนีจากตัวผมเองนี่แหละ ‘ติง๊ ’ เสียงสัญญาณไฟจราจรดังขึน้ ผูค้ นเริ่มเดินข้ามทางม้า ลายที่อยู่ตรงหน้า เพื่อไปยังสถานศึกษาที่ตงั้ ตระหง่านอยู่ ณ อีก ฟากของถนน เว้นแค่เพียงเราสองคนที่ยงั ยืนนิ่ง ไม่ขยับไปไหน อย่างกับฉากสะกดสายตาของตัวร้ายกับพระเอกที่บงั เอิญได้พบ กันอย่างไรอย่างนัน้ แต่หารูไ้ ม่ว่าไอความรูส้ กึ ราวกับเวลาได้หยุด

ลงนั่นมันเกิดขึน้ แค่กบั พวกเขา ไอคนข้างหลังมันไม่ได้เวลาหยุด ตามไปด้วย แต่มนั จะเดินก็เดินไม่ได้ ทาได้แค่เพียงคิดอยู่ในใจว่า ‘มึงจะหยุดเดินทาไมวะ ข้างหน้ามันมีเหวเหรอ’ เท่านัน้ “วันนีโ้ ดดเรียน พี่จะไปกับฉันมัย้ ” หลังจากที่ยืนเหม่อราว กับกาลังใช้ความคิดไปชั่วขณะหนึ่ง ชะเอมก็เอ่ยขึน้ เป็ นเวลา เดียวกันกับที่สญ ั ญาณไฟเริ่มเปลี่ยนเป็ นสีเหลืองอีกครัง้ หลังจาก ที่พ่งึ เป็ นสีแดงไปได้แค่ไม่กี่สิบวินาที ทาเอาผมอยากใส่เดี่ยวกับ พระเจ้าเสียเหลือเกิน ทาไมเวลาขับรถไฟแดงมันถึงไม่ไวแบบนี ้ บ้างกันนะ “อือ” ผมพยักหน้ารับ ในฐานะพี่ชายแล้ว การส่งเสริมให้ น้องสาวโดดเรียนนับว่าเป็ นเรื่องที่แย่ แต่จากสายตาที่เธอมองมา ผมก็รูส้ กึ ได้ทนั ทีว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านัน้ นี่คงเป็ นความรูส้ กึ เดียวกันกับตอนที่สารวัตรเลสตราดยอมปล่อยตัวเชอร์ล็อก โฮมส์ ไปในคดีท่มี ีช่อื ของเขาอยู่ในที่เกิดเหตุสินะ ทัง้ ที่ความเป็ นจริงอีก ฝ่ ายอาจจะแค่อยากชิ่งหนีจากการโดนจับก็ได้ แต่พอเขาสร้าง สถานการณ์ให้ดมู ีลบั ลมคมในขึน้ มา เราก็รูส้ กึ อยากจะลองดูว่า ต่อไปมันจะเกิดอะไรขึน้ แล้วก็ไหลตามนา้ ไปง่ายๆเสียอย่างนัน้

ณ สถานสงเคราะห์ “เอาล่ะ ถ้าเธอจะมามุกแบบ เขาไม่มีน่นู ไม่มีน่ีเขายังทา อย่างนูน้ อย่างนีไ้ ด้ พี่จะส่งเธอกลับโรงเรียนเดี๋ยวนีล้ ะ่ ” ผมเท้าเอว มองภาพเด็กๆที่กาลังวิ่งเล่นอยู่ตรงหน้า สลับกับมองไปยังชะเอม ที่กาลังเดินตรงรี่เข้าไปทักทายพวกเขา ไม่รูว้ ่าเพราะชอบเด็กจริงๆ หรือแค่สร้างภาพไว้เผื่อตอนที่มีคนมาสัมภาษณ์จะได้ตอบอย่าง นางงามว่า ‘รักเด็กค่ะ’ ได้อย่างเต็มปากก็ไม่รู ้ แต่ดเู ธอจะไม่ได้ รังเกียจอะไรพวกเขาเลย “วันนีม้ ีงานเฉลิมฉลองประจาจังหวัด ที่น่เี ลยทากับข้าว เลีย้ งเด็กๆ และตอนเย็นก็จะมีราบวงสรวงด้วย ฉันคิดจะหา โอกาสมาช่วยงานนานแล้ว ไหนๆพี่ก็ว่างๆ มาช่วยงานหน่อยสิ” ไม่ทนั ได้ฟังคาตอบตกลงจากปากผม ยัยตัวดีก็ฉุดกระชากลากตัว ผมเข้าไปในครัว รูส้ กึ เหมือนเป็ นลิงบาบูนที่ถูกชนเผ่ามาคาลาฮารี หลอกให้พาไปยังแหล่งนา้ เลยแฮะ เพราะความอยากรูอ้ ยากเห็น แท้ๆ “อ้าว วันนีไ้ ม่มีเรียนเหรอจ๊ะชะเอม ทาไมมาแต่เช้าเชียว โอ้โห ไม่เจอกันแป็ บเดียว สวยขึน้ เยอะเลยนะเนี่ย ได้ข่าวว่าพึ่ง

กลับจากเกาหลีเหรอลูก” เหล่าป้าๆในครัวต่างพากันกล่าว ทักทายพวกเราด้วยความเป็ นกันเอง ทาเอาผมนึกถึงป้าที่ขาย ข้าวราดแกงแถวโรงอาหารในมอเลย พวกเขาพลังงานล้นเหลือ แจกสกิลความสดใสให้กบั ผูอ้ ่นื โดยมีท่าไม้ตายเป็ นคาว่า ‘สุด หล่อ’ ที่จะล่อลวงให้เหล่าลูกแกะน้อยผูไ้ ร้เดียงสาถูกดึงดูดเข้าไป ซือ้ ของในร้านได้อย่างง่ายดาย แต่อย่าเข้าใจผิดไป พวกเธอไม่ได้ เรียกคุณว่าสุดหล่อแค่คนเดียวหรอก “วันนีโ้ ดดเรียนมาน่ะค่ะ หนูพาพี่ชายมาด้วย มีอะไรให้ หนูช่วยมัย้ คะ” ไม่รูว้ ่าควรจะรูส้ กึ ผิดที่พาน้องโดดเรียน หรือจะ รูส้ กึ ภูมิใจที่สอนให้นอ้ งรูจ้ กั ไม่โกหกผูใ้ หญ่ดี แต่ท่แี น่ๆในตอนนี ้ ผมสัมผัสได้เลยว่าคนที่จะตกเป็ นขีป้ ากเหล่าป้าๆรายถัดไปคงหนี ไม่พน้ ผมแน่นอน “ช่วยน้าห่อไส้ขนมเทียนก็ได้มา เดี๋ยวน้าต้องไปพาน้อง นอนกลางวัน” น้าผูห้ ญิงที่ดทู ่าทางใจดีคนหนึ่งเอ่ยขึน้ ก่อนจะลุก ให้ชะเอมนั่งประจาที่ของตนตรงเก้าอีเ้ ตีย้ ที่มมุ ห้อง “ไม่ได้สิ แล้วใครจะทาไส้ขนมล่ะ เมื่อกีเ้ จ้าพวกตัวแสบก็ แอบเข้ามากินจนหายไปครึง่ หม้อเลย แบบนีไ้ ม่พอแน่ๆ” เสียงป้า

อีกคนเอ่ยขึน้ ทาเอาผมนึกถึงสมัยแต่ก่อน ตอนที่บา้ นผมทาขนม ถวายพระในวันสงกรานต์ ผมเองก็ชอบกินไส้ขนมเหมือนกัน เพราะงัน้ ขนมเทียนสูตรบ้านผมจึงแป้งเยอะจนเหมือนขนมเข่ง เลย “ไม่เป็ นไรครับ เดี๋ยวผมไปดูเด็กๆเอง ผมทาอาหารไม่ ค่อยเก่ง ปกติถนัดกินอย่างเดียว” ผมส่งยิม้ ให้ทกุ คนในครัวที่ หัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดูอย่างพร้อมเพรียงกัน ไม่คิดเลยว่า คนในสถานสงเคราะห์จะมีความสุขกันได้ขนาดนี ้ ทัง้ ที่ตอ้ งดูแล เด็กตัง้ หลายร้อยคนทุกวันแท้ๆ เป็ นผมคงจะประสาทกินไปก่อน แหงๆ ลาพังยัยชะเอมแค่คนเดียวก็ทาเอาพลังงานชีวิตผมลดฮวบ แล้ว คุณต้องจินตนาการไม่ออกแน่ๆ ถ้าเทียบยัยนี่เป็ นไฟฟ้า คงมี มากพอจะเลีย้ งคนทัง้ เมืองให้ขดุ บิตคอยน์ได้ทงั้ ปี ระหว่างที่เดินทอดน่องไปตามทาง สายตาของผมก็ เหลือบไปเห็นอินโฟกราฟิ กสีสนั สดใสซึ่งแปะเอาไว้ตามผนัง ครัง้ หนึ่งผมเองก็เคยคิดอยากจะเรียนเกี่ยวกับการทาสื่อพวกนีอ้ ยู่ เหมือนกัน แต่น่าเสียดายที่ครอบครัวของผมไม่มีเงินมากพอจะส่ง ผมไปเรียนได้ แล้วหลังจากนัน้ ตัวผมที่ยอมแพ้ให้กบั อุปสรรคก็ เผลอทิง้ ความฝันไปตัง้ แต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู ้ พอมาลองคิดๆดูก็น่า

เสียดายเหมือนกันนะ ทัง้ ที่ตอนนัน้ ชอบมากเลยแท้ๆ แต่พอมา ตอนนีต้ วั ผมกลับทิง้ มันไปดือ้ ๆเสียอย่างงัน้ ถ้าหากว่าผมได้มี โอกาสคุยกับตัวเองในตอนเด็กแล้วล่ะก็ เด็กชายวอดก้าคงได้ เกลียดตัวเองในอนาคตแล้วก็คงพูดว่าไม่อยากโตมาเป็ นแบบผม แน่ๆ “พี่ชาย ผมปวดชิง้ ฉ่อง” ไม่ทนั ที่ผมจะได้ช่ืนชมผลงาน ตรงหน้าเสร็จ ก็มีมือเล็กๆมาเขย่าๆที่นวิ ้ ก้อยของผม เมื่อมองลง ไปก็เห็นว่าเป็ นเด็กชายตัวน้อยในชุดนอนสีขาวสะอาดกาลัง สะอืน้ ราวกับพึ่งเหนื่อยจากการร้องไห้เสร็จมาหมาดๆยืนอยู่ “เอ่อ คือพี่ก็ไม่รูเ้ หมือนกันว่าห้องนา้ ไปทางไหน” ผมย่อ ตัวลงนั่งยองๆเพื่อที่เขาจะได้ไม่ตอ้ งเงยหน้าขึน้ มาให้ปวดคอ “อยู่ทางนูน้ ” เด็กชายตัวจ้อยชีน้ วิ ้ ไปยังทางเดินฝั่งที่ผม เคยมา ก็ถา้ รูอ้ ยู่แล้วทาไมไม่เดินไปเองล่ะเฮ่ย สุดท้ายผมก็ตอ้ งเดินจูงมือเจ้าเด็กนี่ไปส่งที่หอ้ งนา้ แถม ยังต้องนั่งรอเขาทาธุระอีก ดูจากส่วนสูง และนิสยั โดยคร่าวๆแล้ว อ่อนแอแบบนีค้ งมีแต่จะโดนรังแกจากคนที่ตวั ใหญ่กว่า แข็งแรง

กว่าสินะ พระเจ้ากาลังสะท้อนภาพตัวผมในอดีตผ่านเด็กคนนี ้ หรือยังไงกัน “เอ้า นี่ อย่าลืมล้างมือด้วยสิ” ผมอุม้ เจ้าเด็กจอมปัญหา ตรงหน้าขึน้ มา เมื่อเห็นว่าส่วนสูงของเขาไม่น่าเอือ้ มถึงก๊อกนา้ ล้างมือ แม้ว่าจะใช้บนั ไดสาหรับเด็กปี นขึน้ มาแล้วก็ตาม “ผมทาเองได้หรอกน่า” เขาพูดบ่นออกมาเบาๆ พอ สังเกตจากแก้มที่แดงเป็ นมะเขือเทศลูกน้อยๆของเขาแล้วผมจึง ได้รูว้ ่าเด็กคนนีก้ าลังไม่พอใจที่โดนผมมาคอยดูแล ทัง้ ที่เมื่อกีย้ งั ขอให้ผมพามาห้องนา้ อยู่เลยแท้ๆ แต่จะว่าไปแบบนีก้ ็ดนู ่ารักดีอยู่ เหมือนกัน “นายยังเป็ นเด็ก เวลามีคนมาเอ็นดูแบบนีก้ ็ตอ้ งอ้อนให้ คุม้ สิ พอโตไปแล้วก็จะไม่มีใครมาคอยช่วยเหลือนายแบบนีห้ รอก นะ” ผมว่าในขณะที่มือก็ยงั คงประคองตัวเขาเอาไว้ ต่อให้อีกฝ่ าย จะพยายามอารยขัดขืนสักแค่ไหนก็ตาม “จะตอนนีห้ รือตอนไหนก็ไม่มีใครมาคอยสนใจผมอยู่ แล้ว” เขากล่าวด้วยนา้ เสียงเน้นหนักราวกับว่ากาลังโกรธ และ

เศร้าในเวลาเดียวกัน ผมไม่ได้ลืมหรอกว่านี่คือสถานสงเคราะห์ เด็กๆที่อยู่ท่นี ่ีต่างก็ถกู ทิง้ เช่นของมีตาหนิกนั ทัง้ นัน้ “ตอนนีพ้ ่กี ็สนใจอยู่น่ไี ง” ผมยกนิว้ ขึน้ ปาดนา้ ตาของเด็ก ตรงหน้าด้วยความเบามือ ถึงจะเป็ นนักเขียน แต่ผมรูด้ ีว่าผมไม่ใช่ คนละเอียดอ่อน ทว่าผมก็พยายามอย่างมากในการซื่อตรงต่อ พวกเขาในทุกคาพูด ถึงจะทากับยินไม่ได้ แต่กบั เด็กพวกนีผ้ มคิด ว่าผมทาได้ และก็ทาได้ดีเสียด้วย “อือ” เขาเพียงแค่ขานรับในลาคอ ไม่มีคาพูดใดๆหลุด ออกมาจากปากของเราทัง้ คู่ในระหว่างที่กาลังเดินกลับไปยัง ห้องนอน มีเพียงแค่ความเงียบ แต่ถึงกระนัน้ ก็ไม่รูส้ กึ อึดอัดเลย เมื่อก้าวเท้ามาถึงยังหน้าห้องของเด็กปฐมวัย สิ่งแรกที่พ่งุ กระแทกหูผมคือเสียงเด็กวิ่งเล่นกันดังเจีย้ วจ้าว และไม่มีท่าทีท่จี ะ เหนื่อยกันง่ายๆ พูดก็พดู เถอะ ต่อให้ผมอ่านสามก๊กให้เจ้าพวกนี ้ ฟั งครบสามรอบก็คงไม่หลับกันแหงๆ แต่ในเมื่อรับหน้าที่ท่ไี ด้รบั มอบหมายมาแล้วก็มีแต่จะต้องทาให้สาเร็จเท่านัน้ “เอาล่ะๆ ได้เวลานอนกลางวันกันแล้วเด็กๆ ถ้ายังเล่นกัน ไม่เลิกพี่จะไม่อ่านหนังสือนิทานให้ฟังนะ” ผมเดินผ่านประตูหอ้ ง

เข้าไป และตะโกนเปิ ดตัวแบบยิ่งใหญ่อลังการ ทว่าภาพตรงหน้า กลับไม่เป็ นไปดังที่คิดเอาไว้ แทนที่เจ้าพวกนัน้ จะวิ่งวุ่นกลับไปยัง ที่นอนของตัวเอง แต่สิ่งที่ผมได้เห็นกลับเป็ นสายตาอาฆาตของ ทุกคนในห้องที่กาลังมองมาที่ผมอย่างเอาเป็ นเอาตาย สถานการณ์ความตึงเครียดนีเ้ ป็ นระดับเดียวกันกับตอนที่แอบตด ในห้องเรียนแล้วพลาดทาเสียงดังลั่น แถมที่ออกมาไม่ได้มีแค่ลม แต่มีต่อนไหลออกมาอีกต่างหาก มันไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถคิด หาทางแก้ปัญหาด้วยการหัวเราะแห้งได้ ต้องหวังพึ่งใบบุญเก่า หรือไม่ก็ภาวนาขอให้อกุ าบาตชนโลกมันซะเดี๋ยวนีเ้ ท่านัน้ “ใครเด็ก คิดว่าตัวเองเกิดก่อนแล้วจะมีอภิสิทธิ์ในการสั่ง ให้คนอื่นทาอะไรตามใจก็ได้หรือยังไง” เจ้าเด็กหัวทองที่ดอู ายุ เยอะที่สดุ เอ่ยขึน้ ถึงท่าทียียวนกวนประสาท และสายตาล่อส้น เท้าอันชวนให้รูส้ กึ คับคล้ายคับคลากับใครสักคนที่เขามองมาจะ ชวนให้ผมอยากเอากาปั้นไปสัมผัสกับใบหน้าด้วยความเอ็นดู มากแค่ไหนก็ตาม แต่ก็ขอยอมรับเลยว่าที่เขาพูดมามันเป็ นความ จริง สาหรับตัวผมที่โตมากับนิทานหลอกเด็กของพวกผูใ้ หญ่จน เคยชินก็คิดไม่ออกเลยจริงๆว่าจะใช้วิธีไหนทาให้เด็กเชื่อฟั งดี

“เปล่า คือ พี่ไม่ได้จะหมายความว่าแบบนัน้ แต่น่กี ็ถึง เวลานอนกลางวันแล้ว ทุกคนต้องไปนอนนะ” ผมพยายามใช้ สมองอันน้อยนิดที่มีอยู่นีค้ ดั กรองคาพูดดีๆ และเขี่ยทิง้ คาพูดแย่ๆ ออกไป แต่กบั คนที่ตอ้ งการจะจับผิดแล้ว ต่อให้พดู อะไรเขาก็จะ หาทางมาตีความสิ่งที่เราพูดให้ไปในแง่ลบอยู่ดี ผมล่ะเกลียด สถานการณ์แบบนีจ้ ริงๆ ทาไมอินโทรเวิรต์ เก็บตัวอย่างผมต้อง ออกมาเผชิญโลกคนเดียวแบบนีด้ ว้ ย ไอการโดนทัวร์ลงในชีวิต จริงแบบนีน้ ่มี นั ไม่ต่างอะไรกับการแก้ผา้ อยู่กลางสนามรบโดยไร้ ชุดเกราะเลยนะ “นี่ ฉันได้ยินมาว่าพี่ชายคนนีจ้ ะแจกดาวให้กบั คนที่นอน หลับเป็ นคนแรกด้วยล่ะ” เมื่อเห็นท่าทีลนลานไม่ได้ความของผม เจ้าแสบที่ยืนอยู่ขา้ งๆก็ตะโกนป่ าวประกาศข้อเสนอที่เด็กอย่าง พวกเขาได้ยินก็อดหูผ่งึ กันไม่ได้ ซึ่งผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทาไมกะอีแค่ลอยประทับหมึกรูปดาวเบีย้ วๆสามดวงบนข้อมือมัน ถึงได้มีความหมายกับพวกเขานัก แต่ตอนที่ผมอายุพอๆกัน ผมก็ ทาทุกวิถีทางที่จะได้มนั มาราวกับว่าชีวิตของผมขึน้ อยู่กบั มัน เช่นเดียวกัน นับว่าเป็ นอาวุธลับของคุณครูโรงเรียนอนุบาลที่ใช้ใน การการาบปี ศาจน้อยพวกนีเ้ ลยก็ว่าได้

เมื่อสิน้ เสียงของเจ้าเด็กนิรนามข้างๆที่ผมเองก็ลืมถามชื่อ ไปเสียสนิท เด็กทุกคนในห้องก็วิ่งอย่างไม่คิดชีวิตไปยังที่นอนของ ตนเองเรียงตามลาดับเลขที่ จะมีก็แต่ผม เจ้าเด็กนี่ แล้วก็หนุ่ม แบดบอยหัวทองที่ยงั คงนั่งจิ๊ปากอยู่ตรงที่น่งั ริมหน้าต่างก็เท่านัน้ ที่ไม่ได้รอ้ นรนกับการแข่งขันในศึกชิงดาวที่กาลังเกิดขึน้ อยู่ ณ ขณะนี ้ “โอเค ในเมื่อทุกคนพร้อมแล้ว งัน้ เดี๋ยวพี่ชายคนนีจ้ ะอ่าน หนังสือนิทานให้ฟังนะครับ เอาเป็ นเรื่องไหนก่อนดี” ผมกวาด สายตามองไปยังตูห้ นังสือเก่าๆที่มีหนังสือสภาพดีเหลืออยู่แค่ เพียงสามสี่เล่ม นอกนัน้ ถ้าไม่กลายเป็ นฟอสซิลก็ออสโมซิสรวม กับเนือ้ ไม้ไปแล้ว แถมบางเล่มยังมีของเหลวหน้าตาประหลาดติด อยู่ ซึ่งผมไม่อยากรูเ้ ลยว่ามันคืออะไร “อ่านเล่มนีใ้ ห้ผมฟั งได้มยั้ ” เจ้าเด็กคนเดิมเดินเข้ามาใกล้ แล้วยื่นหนังสือที่ดสู ภาพดีท่ีสดุ มาทางผม “เจ้าชายในกล่องกระดาษอย่างนัน้ เหรอ นั่นมันหนังสือ ของพี่น่นี า ยัยชะเอมเอามาบริจาคไว้แหงเลย” ผมหยิบหนังสือ นิทานเล่มขนาดประมาณยี่สิบเซนติเมตรขึน้ มาพินิจพิจารณาอยู่

สักพัก ก่อนจะเอ่ยขึน้ มันเป็ นหนังสือเล่มแรกๆที่ผมเขียน ถึงก่อน หน้านีจ้ ะเปลี่ยนมาเป็ นสายนวนิยายสาหรับผูใ้ หญ่อยู่นานเลยก็ เถอะ แต่หลักๆแล้วผมที่เป็ นคนชอบเพ้อฝันจะถนัดแนวหนังสือ นิทาน หรือวรรณกรรมสาหรับเด็กเสียมากกว่า “พี่เป็ นคนเขียนเรื่องนีเ้ หรอ งัน้ แปลว่าเรื่องหงส์ดาในบ่อ นา้ นมพี่ก็เป็ นคนเขียนอย่างงัน้ เหรอ” เจ้าเด็กที่อยู่ตรงหน้าตาลุก วาวขึน้ มาในทันที และไม่ใช่แค่เขา เด็กคนอื่นๆที่กาลังฟั งอยู่เองก็ มีปฏิกิรแิ บบเดียวกันราวกับเป็ นอุปทานหมู่ “เอ่อ…ถ้าถามว่าใช่มยั้ มันก็ใช่แหละ แต่ไม่เห็นจะต้อง ตื่นเต้นกันขนาดนัน้ เลย” จู่ๆผมก็รูส้ ึกอยากได้ค่มู ือ ‘How to เลิกเป็ นคนฮอต’ ขึน้ มาทันที เพราะตอนนีข้ าซ้ายของผมมัน กระตุกรัวๆจากการที่สมองสั่งให้รีบหนีราวกับว่าพระเจ้าดันลืม ถอนการติดตัง้ ชิพ ‘10 วิธีเอาตัวรอดจากผูล้ า่ ’ ที่แถมมากับ สัญชาตญาณกระต่ายป่ าของผมในชาติท่แี ล้วอย่างไรอย่างนัน้ ไม่แน่นะ บางทีพวกดาราที่มีปาปารัสซี่คอยตามรังควานอาจจะมี ชิพแบบเดียวกันกับผมก็ได้

หลังจากที่ฝ่ามรสุมการโดนเด็กรุมรักมาอย่าง สะบักสะบอม ในที่สดุ ภารกิจการกล่อมให้เจ้าพวกนีน้ อนก็สาเร็จ ลุลว่ งไปได้ดว้ ยดีเสียที ถึงจะกินเวลาอยู่หลายชั่วโมงจากการต้อง มานั่งปั๊มดาวสามดวงให้กบั เด็กๆโดยที่ไม่ทาให้พวกเขาตื่นก็เถอะ แต่ไม่รูท้ าไมในใจมันกลับรูส้ ึกอบอุ่นแปลกๆ “ผมขอนอนด้วยได้มยั้ ฮะ” เจ้าเด็กขีแ้ ยคนเดิมเดินเข้ามา หาผมพร้อมกับหมอนสีฟ้า และตุ๊กตาหมีสีครีมในอ้อมกอด “เรายังไม่ได้แนะนาตัวกันเลยนี่ ใช่มยั้ ” ผมเอ่ยขึน้ ก่อน จะอ้าแขนให้ เป็ นการบอกกลายๆว่าอนุญาติให้นอนด้วย “ผมไม่มีช่ือหรอก พี่อยากเรียกอะไรก็เรียกเถอะครับ” เขา ว่า ก่อนจะลงมานอนเกลือกกลิง้ อยู่ในอ้อมแขนของผม เดาได้เลย ว่าถ้าเด็กคนอื่นมาเห็นเข้า เขาคงโดนอิจฉาตาเป็ นมันแหงๆ แต่ ไม่ใช่แค่เด็กหรอก มีผใู้ หญ่ตวั โตเท่าควายคนนึงเหมือนกัน ที่ถา้ มาเห็นคงได้นอนชักดิน้ ชักงอ “อืม นั่นสินะ งัน้ มีของที่ชอบ หรืองานอดิเรกอะไรบ้าง มัย้ ” ผมถามเขาที่นอนตาแป๋ ว ไม่มีเค้าลางความง่วงปรากฏขึน้ บนใบหน้าไร้เดียงสานั่นเลย

“อือ ผมมีคนที่ชอบอยู่” จู่ๆใบหน้าของเขาก็เริ่ม เปลี่ยนเป็ นสีแดงระเรือ ดังเช่นที่เดอะทอยส์ได้กล่าวเอาไว้ในเพลง ‘หน้าหนาวที่แล้ว’ เด็กสมัยนีม้ นั โตไวจริงๆนั่นแหละครับ “จริงเหรอ บอกได้มยั้ ว่าใคร” ผมถามกลับไปแทบจะทันที ที่เขาพูดจบ ราวกับต่อมความขีเ้ สื…สงสัยของผมมันทางานด้วย ระบบประสาทอัตโนวัติอย่างไรอย่างนัน้ “คนนัน้ ” เขาว่า พลางชีน้ วิ ้ ไปยังเจ้าหนุ่มหัวทองที่นอน อ่านหนังสืออยู่ ณ มุมเดิม คงเป็ นเพราะอายุมากเกินกว่าที่จะ นอนกลางวันแล้วล่ะมัง้ พอใส่แว่นนั่งท่องตาราแบบนีก้ ็ดเู ป็ นผู้ เป็ นคนขึน้ มาเลย สมแล้วที่ได้ช่ือว่าเป็ นออฟชั่นเสริมสุดทรงพลัง ไม่ว่าใครที่ใส่มนั ก็จะดูฉลาดขึน้ มาในทันที ตอนอยู่ชนั้ มัธยมต้น ผมที่เล่นเกมดึกจนสายตาแย่ก็เคยใส่เหมือนกัน แต่มนั แค่ทาให้ดู ฉลาดเท่านัน้ ไม่ได้ช่วยให้ผมฉลาดขึน้ มาจริงๆ “หืม เขาชื่ออะไร ทาไมถึงชอบเขาล่ะ” ผมพยายามไม่ ตัดสินคนก่อนจะได้รูจ้ กั จึงเอ่ยถามเหตุผลไป ถึงแม้ว่าในตอน แรกที่ได้ฟัง ผมจะเผลอคิดไปว่า ‘ไอเด็กนี่รสนิยมพิลกึ ชะมัด’ แล้ว ก็ตามที

“เขาชื่อเอเดน พ่อของเขาเป็ นชาวยุโรปกาลังหนีคดี ส่วน แม่เสียเมื่อปลายปี ท่แี ล้ว สถานสงเคราะห์เลยรับเขามาเลีย้ ง เขา คอยดูแลผมที่โดนรังแกเสมอเลย” ผมทึ่งเล็กน้อยเมื่อได้รูภ้ มู ิหลัง อันน่าสลดของเด็กคนนัน้ แต่ท่งึ ยิ่งกว่าเมื่อได้รูว้ ่าผมสีทองนั่นเป็ น สีผมโดยธรรมชาติ ไม่ได้มาจากการย้อมตามเทรนเด็กแว้นแต่ อย่างใด “ถ้าเป็ นแบบนัน้ ก็พอจะเข้าใจแล้วล่ะว่าทาไมถึงชอบ แต่ ให้พ่ตี งั้ ชื่อเธอจากชื่อเอเดนของเขานี่ ยากจังแฮะ พอจะมีอะไรที่ ง่ายกว่านีม้ ยั้ ของกินก็ได้” ผมถามเจ้าเด็กตรงหน้าที่เอียงหัวดุ๊ กดิก๊ ไปมาเหมือนตุ๊กตาหน้ารถราวกับว่ากาลังใช้ความคิด “อือ แอปเปิ ลล่ะมัง้ ” เขาว่า พลางชีไ้ ปยังจานใส่ผลไม้ท่ี วางอยู่บนโต๊ะ ฟั งดูเรียบง่ายกว่าที่ผมคาดการณ์เอาไว้มาก ถ้า หากเป็ นผมคงจะตอบเมนูช่ือยาวเป็ นหางว่าวอย่าง พานาคอตต้า หรือชาเขียวแฟรบปูชิโน่แก้วแกรนเดแอดจาวาชิพ อะไรแบบนี ้ อ๋อ ใช่ หลักฐานก็ตอนที่ผมไปเดท ไม่สิ ไปเดินตลาดเปิ ดท้ายหลังมอ กับไอหมอยิน วันนัน้ ผมก็ส่งั ของหวานไปเมนูนึง ซึ่งตอนนีผ้ มเองก็ ลืมชื่อเมนูนนั้ ไปแล้ว

“งัน้ …ชื่อแอปเปิ ลก็แล้วกัน” ตัง้ ชื่อหมาตัวเองว่าอลิ ซาเบธที่หนึ่ง แต่ตงั้ ชื่อเด็กว่าแอปเปิ ล มนุษยชาติจะต้องภูมิใจใน ตัวผมอย่างแน่นอน ผมสัมผัสได้ “สิน้ คิดชะมัด” คาพูดอันตรงไปตรงมาของคนอายุนอ้ ย กว่าที่สื่อความหมายอย่างอ้อมๆว่า ‘สมองของเด็กอนุบาลแบบ ผมมันยังคิดได้ดีกว่านีเ้ ลย’ สามารถทาดาเมทได้แรงพอๆกับการ ที่โดนเพื่อนหัวเราะเยาะตอนตอบคาถามหน้าชัน้ เรียนผิด มัน ไม่ใช่ความเจ็บปวดที่รุนแรง แต่มนั จะสร้างแผลใจให้เราจาไปจน วันตาย “ขอโทษก็แล้วกันนะ ที่สมองของผูใ้ หญ่อย่างพี่มนั ไม่มี จินตนาการหลงเหลืออยู่แล้ว” ผมถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ใน เมื่อโลกความจริงอันโหดร้ายมันมีให้เห็นอยู่ตรงหน้า จะให้ผมฝื น ใช้จินตนาการมองว่ามันดีได้ยงั ไง จะหลอกใครก็หลอกได้ แต่ คนเราหลอกตัวเองไม่ได้หรอกจริงมัย้ ในตอนนีส้ ิ่งที่ผมเหลืออยู่ก็ มีแค่ตวั ผมเองเท่านัน้ ทัง้ ความหวังและความฝัน ทัง้ หมดนั่นมัน ได้ตายไปพร้อมกับวัยเด็กของผมแล้วล่ะ

“งัน้ พี่มีแฟนรึเปล่า” จู่ๆเจ้าเด็กตรงหน้าก็เปิ ดประเดิม คาถามแรกสุดเร้าใจ หลังจากที่ปล่อยให้ผมเป็ นฝ่ ายถามอยู่คน เดียว เหมือนติดอยู่ในความสัมพันธ์แบบแชทหนักขวาเสียนาน “อือ พี่มีคนที่รกั แต่เราคบกันไม่ได้” ผมตอบไปแบบไม่ได้ คิดอะไร ถึงแม้ว่ามันจะฟั งดูดราม่าเหมือนหลุดออกมาจากละคร หลังข่าวที่ในตอนจบจะต้องมีใครสักคนเป็ นมะเร็งตายก็ตาม โปรดอย่าถามผมเลยว่าทาไมถึงต้องเป็ นมะเร็ง เพราะผมเองก็ไม่ รูเ้ หมือนกัน เป็ นเทรนล่ะมัง้ “ทาไมถึงคบกันไม่ได้ละ่ ” เขาถามด้วยความไร้เดียงสา ดู เหมือนว่าเด็กอายุเท่าเขาจะสงสัยไปเสียทุกเรื่องจริงอย่างที่ หนังสือเรียนได้บอกผมมา แต่น่าเสียดายที่หนังสือนั่นดันไม่ได้ บอกผมว่าต้องทายังไงเขาถึงจะเลิกถามจีจ้ ดุ ผมเสียที “เพราะคนอื่นเขาจะมองไม่ดี แล้วพี่ก็คิดว่าถ้าชีวิตเขาไม่ มีพ่จี ะดีเสียกว่า” เป็ นคาตอบที่แอบฟั งดูเหมือนตัดพ้อไปในตัว นี่ ผมกาลังปรับทุกข์กบั เด็กอนุบาลอยู่ใช่มยั้ ชีวิตผมมาถึงจุดจุดนี ้ ได้ยงั ไงกันนะ

“แล้วเขารักพี่มยั้ ” เขาถามผม เป็ นคาถามที่ผมรูค้ าตอบดี ที่สดุ และมันก็แอบน่าเจ็บใจที่สดุ เช่นกัน “รักสิ แต่คนอื่น…” ไม่ทนั ที่ผมจะได้ให้คาตอบข้อสาคัญ นีจ้ นจบ นิว้ ป้อมๆเหมือนข้าวต้มมัดของเขาก็ย่ืนมาทาบปากผม เอาไว้ “ผมไม่ได้ถามถึงคนอื่นสักหน่อย ถ้าพี่กบั เขารักกัน มันก็ เป็ นเรื่องของพี่กบั เขาสิ จะไปสนใจคนอื่นทาไม” คาพูดที่ฟังดู เรียบง่าย แต่ตอบได้ทุกปัญหาชีวิตของผมในตอนนีห้ ลุดออกมา จากปากของเด็กตรงหน้า ความคิดเขาช่างโตกว่าตัวมากจริงๆ “นั่นสินะ” แต่ว่าถ้ามันเป็ นเรื่องง่ายแบบนัน้ ก็ดีน่ะสิ ศาสตร์แห่งการช่างแม่งที่พระพุทธเจ้าได้สอนมา สาหรับผมแล้ว มันนาไปปรับใช้กบั ทุกสิ่งในชีวิตไม่ได้หรอก เพราะในท้ายที่สดุ แล้วเราก็หนีความจริงที่ว่ามนุษย์เป็ นสัตว์สงั คมไม่ได้ ทุกวันนีผ้ ม แคร์ความคิดเห็นของพวกเขาก็เพราะผมต้องพึ่งพาพวกเขา เหมือนการที่มีหนังสือก็ตอ้ งมีคนอ่าน ถ้าคนอ่านเกลียดนักเขียน หนังสือของผมก็จะพลอยถูกเกลียดไปด้วย ผมได้แต่หลบอยู่หลัง นามปากกาเพื่อใช้ชีวิตธรรมดาๆมาโดยตลอด ถ้าพ่อของผมพัง

เกราะป้องกันเดียวนัน้ ลงมันจะไม่ได้มีแต่ผมที่ตอ้ งได้รบั ผลกระทบ ยินเองก็จะโดนแบบเดียวกัน และมันไม่ใช่ความผิด ของเขา ดังนัน้ สิ่งที่ผมทาอยู่ก็เพื่อปกป้องทัง้ ผม และทัง้ คน สาคัญของผมด้วย “แล้วถ้าพี่กบั เขามีลกู ด้วยกัน พี่จะตัง้ ชื่อลูกของพี่ว่า อะไร” ผมสะดุง้ กับคาถามเล็กน้อย จะตอบไปตรงๆดีมยั้ ว่าอสุจิ มันปฏิสนธิกบั ไข่ แล้วทัง้ ผมทัง้ ไอหมอหมานั่นก็ไม่มีไข่กนั ทัง้ คู่เสีย ด้วยสิ แต่ถึงจะมี ไข่ท่วี ่าก็ไม่ใช่แบบเดียวกับที่ปฏิสนธิได้อีก ต่างหาก “เอ่อ…คงจะชื่อยัวร์ละ่ มัง้ นะ” สมัยที่ยงั คบกันอยู่ผมเองก็ เคยถามคาถามนีก้ บั ตัวเองดูเล่นๆอยู่เหมือนกัน ถึงสุดท้ายจะเป็ น การมักง่ายเอาชื่อทัวร์มาผสมกับชื่อยินก็เถอะ แต่ยวั ร์ท่แี ปลว่า ‘เป็ นของคุณ’ ก็ฟังดูโรแมนติกดีเหมือนกัน “งัน้ จากนีก้ ็เรียกผมว่ายัวร์นะฮะ” พอพูดจบเขาก็หลับตา พริม้ และเข้าสูห่ ว้ งนิทราไปในที่สดุ ก็ไม่ได้รงั เกียจอะไรกับการที่มี ใครเอาชื่อลูกในมโนภาพของผมไปใช้หรอก แต่มาคิดๆดูแล้วก็ ประหลาดดีเหมือนกัน เพราะในชีวิตนีผ้ มเคยแต่ตงั้ ชื่อตัวละครใน

เกม ไม่ก็ตวั ละครในนิยายของตัวเอง ไม่เคยตัง้ ชื่อคนคนนึงมา ก่อนเลย ถ้าหากว่าโลกที่ผมอยู่เป็ นเกม ตอนนีท้ ่มี มุ ล่างขวาคงจะ ขึน้ ป้ายประกาศว่า ‘คุณได้ปลดล็อคความสาเร็จใหม่’ ไปแล้ว เมื่อทุกคนในห้องหลับกันไปหมด ก็เหมือนสมองของผม มันได้ส่งั ให้เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม ผมไม่รูว้ ่าตัวเอง เผลอหลับไปตอนไหน รูส้ กึ ตัวอีกทีก็ตอนที่ถกู ปลุกโดยสัมผัส เปี ยกๆที่ตน้ แขน พอหันไปมองก็เจอยัวร์นอนอ้าปากนา้ ลายยืดอยู่ ข้างๆ หลังจากที่ใช้มือดันคางเล็กๆของเขาให้ปิดปากเรียบร้อย ผมก็ลว้ งหยิบโทรศัพท์มือถือขึน้ มาดูเวลาจึงได้รูว้ ่าตอนนีเ้ หลืออีก แค่ช่วั โมงเดียวก็ตอ้ งเสร็จงานทัง้ หมดแล้ว แต่ผมดันนอนเพลินจน แทบไม่ได้ช่วยอะไรใครเลย “ตื่นสักทีนะพี่ รีบไปขนของช่วยกันเร็ว รถเขามารอรับ แล้ว” ยัยชะเอมชะโงกหน้าเข้ามาในห้องทัง้ ที่มือยังถือหม้อใบ ใหญ่อยู่ดว้ ย ไม่รูว้ ่าพวกป้าๆในครัวเขาจะเล่นใหญ่รชั ดาลัยเธีย เตอร์ไปไหน นี่กะจะเลีย้ งเด็กแค่ไม่กี่สิบคนหรือเลีย้ งทัง้ ตาบลกัน แน่

“ครับๆ จะไปเดี๋ยวนีแ้ หละ” ผมขานรับ แม้ในใจจะกาลัง กรีดร้องอยากขอนอนต่ออีกสักห้านาทีเหมือนอย่างที่เคยทาเป็ น ประจาก็ตาม แต่สามัญสานึกของผมมันดันเอามีดจ่อคอหอยผม อยู่ เลยไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องบอกลาหมอนอุ่นๆ และ เตียงเด็กไซส์มินิ ที่ถึงจะไม่ค่อยพอดีตวั สักเท่าไหร่ แต่บรรยากาศ ชวนให้คิดถึงสมัยอนุบาลที่ตอ้ งนอนเรียงกันเป็ นปลาทูในเข่งนัน้ มันทาให้รูส้ กึ เคลิม้ จนหนังตาอยากจะบอกซาโยนาระต่อ กล้ามเนือ้ เสียเหลือเกิน ‘ติง๊ ’ เสียงแจ้งเตือนข้อความมือถือดังขึน้ ไม่รูท้ าไมผมจึง สัมผัสได้ถึงลางสังหรณ์ของการวกเข้าเนือ้ เรื่องหลักก่อนจะออก ทะเลตะหงิดๆ แต่เมื่อเปิ ดดูก็พบว่าเป็ นข้อความของเจ้าพระเอก ตัวดีท่ไี ม่ยอมโดนปล่อยเบลอเป็ นตัวประกอบในบทนีไ้ ปง่ายๆ ต้องกลับมาราวีผมเสียทุกตอนให้ได้เลยหรือไงกัน “วันพุธนีว้ ่างมัย้ ช่วยไปเฝ้าเบอร์ริโต้ท่ีโรงพยาบาลสัตว์ที กูมีเรียนเช้า” เขาพิมพ์สง่ มาในไลน์ พร้อมแนบรูปก้อนขนอ้วนๆ

ก้อนนึงที่ดทู ่าว่าจะไม่สบายจริงๆอย่างที่เขาบอกมา เพื่อเป็ นการ กดดันผมด้วย “เรียนสัตวแพทย์มา ทาไมไม่รกั ษาเอง” ผมตอบกลับเขา ในระหว่างที่กาลังเดินไปช่วยชะเอมยกของขึน้ รถที่อาคารอีกหลัง และคาดหวังให้ในขณะที่เดินไม่มองทางอยู่นนั้ จะไม่บงั เอิญมี หลุมอยู่ขา้ งหน้า “ก็มีหลายเหตุผลอยู่นะ เช่น กูยงั เรียนไม่จบ กูไม่มีใบ ประกอบวิชาชีพ กูยงั ไม่ได้เรียนวิชาคลินิก กูไม่มีหอ้ งปลอดเชือ้ ใน บ้าน และยังไม่เคยฝึ กงานจริง เป็ นต้น แต่พดู ไปมึงก็คงไม่เข้าใจ เอาเป็ นว่ากูรวย กูอยากใช้ตงั ก็แล้วกัน ทีนมี ้ งึ จะตอบมาได้รยึ งั ว่า มึงจะมามัย้ ” ผมรูส้ กึ เหมือนผมตีไหล่เขาไปเบาๆแล้วโดนเขาหวด กลับมาด้วยไม้เบสบอลเต็มๆที่ทา้ ยทอย ผมน่าจะคิดได้สกั ทีว่าไม่ ควรไปพูดหยอกกับไอคนแบบนี ้ “กูยงั ไม่กล้าสูห้ น้ามึง” ผมสารภาพไปตามตรง เขายังไม่ อ่านข้อความที่ผมส่งไป เดาว่าคงได้เวลาเรียนภาคค่าแล้ว ซึ่งก็ดี ผมจะได้มีเวลาไปทาหน้าที่ในส่วนของตัวเองแบบไม่ตอ้ งคิดมาก กับคาตอบที่เขาให้มา

“ไม่ทนั แล้วพี่วอดก้า เขายกของกันเสร็จหมดแล้วเนี่ย” เสียงแหลมๆของยัยชะเอมตะโกนมาจากท้ายกะบะรถคันใหญ่ท่ี บรรทุกเสบียงอาหารสาหรับแจกจ่ายให้กบั เด็กๆเยอะเสียจนช่วง ล่างแทบจะทรุดไปกับพืน้ ดิน “โทษที เด็กพวกนัน้ รีดพลังงานชีวิตพี่ไปแทบจะครึง่ หลอดได้มงั้ ” ผมตอบกลับไปพร้อมเสียงหัวเราะแห้งๆที่ไม่ได้เกิด จากความรูส้ กึ ผิดหรืออะไร แต่เป็ นเพราะผมตะโกนจนคอแทบ เป็ นผงจริงๆ “ช่างเถอะ เราไปรอที่งานกัน เดี๋ยวพวกพี่ๆเขาจะพาเด็กๆ ตามไปทีหลัง” ยัยชะเอมว่า ก่อนจะโดดลงจากกระบะหลังไปจอง ที่น่งั ข้างคนขับ พวกเราใช้เวลาเดินทางประมาณยี่สิบนาทีก็มาถึงลาน จตุจกั รกลางเมือง โดยปกติแล้วพืน้ ที่ตรงนีจ้ ะเป็ นแหล่งรวมๆลุงๆ ป้าๆที่มาราไทเก๊กกันตอนเย็น ไม่ก็เด็กประถมที่เป็ นลูกของเหล่า แม่ๆที่ไปเต้นแอโรบิคกันเสียส่วนใหญ่ ทว่าเมื่อถึงช่วงหนึ่งของปี สถานที่บริเวณนีจ้ ะกลายเป็ นถนนคนเดินขนาดใหญ่ท่จี ดั ขึน้ สิบ สองวันสิบสองคืน เป็ นเกียรติให้กบั วีรสตรี และเหล่าผูเ้ สียสละ

“กลิ่นของกินลอยเข้ามาถึงในรถเลย ขนาดปิ ดกระจก แล้วนะเนี่ย วันนีค้ งต้องเลื่อนแผนไดเอทออกไปอีกเหมือนเคย” ชะเอมว่า ในขณะที่สายตาก็กวาดจับจ้องไปยังซุม้ อาหารริมทางที่ เรียงรายกันเป็ นแถวตัง้ แต่ตะวันยังไม่ตกดิน “เหมือนจะเห็นขนมโป้งเหน่งด้วยแฮะ ฝันร้ายในวัยเด็ก เลยนะเนี่ย น่าคิดถึงชะมัด” ผมพูดเสริม ทัง้ ที่เคยมาหลายครัง้ แล้วแท้ๆ แต่ไม่ว่าจะรอบไหนผมก็อดตื่นเต้นไม่ได้ตลอดเลย “ทาไมถึงเป็ นฝันร้ายวัยเด็กล่ะ” ชะเอมถามขึน้ ด้วยความ สงสัย ถึงแม้ว่าสายตาจะยังไม่ละไปจากข้าวเหนียวปิ ้งไก่ท่อี ยู่ นอกกระจกรถก็ตาม “ก็ตอนแรกที่เห็นเคยคิดว่ามันจะเป็ นเนือ้ ชิน้ ใหญ่ๆชุบ แป้งทอดเหมือนในการ์ตนู น่ะสิ แต่ซือ้ มาจริงๆ จะกัดไปสักเท่าไรก็ เจอแต่แป้ง วันนัน้ เลยจุกจนไม่ได้กินอย่างอื่นเลย” ผมตอบกลับ พลางหลับตานึกย้อนไปยังภาพความทรงจาในวันนัน้ อันที่จริงก็ ยินนั่นแหละที่หลอกให้ผมซือ้ มากิน เรียกได้ว่าโดนเขาตุ๋นจนเปื่ อย มาตัง้ แต่ตอนเด็กแล้วในหลายๆเรื่อง นี่ยงั ไม่นบั เรื่องที่เขาเคย

หลอกให้ผมไปหอมแก้มผูห้ ญิงแก่แล้วจะโชคดีอีกนะ ตอนนัน้ ทา เอาผมลาบากแทบแย่เลย พวกเราหัวเราะเฮฮากันได้สกั พักรถก็มาจอดยังจุดหมาย ที่อยู่หลังเวทีซ่งึ มีพวกเด็กๆบางส่วนมาแต่งหน้ารออยู่ก่อนแล้ว ได้ ยินมาว่าคิวขึน้ แสดงคือสองทุ่ม เหลือเวลาให้ได้เดินหาของกินอีก หลายชั่วโมงเลย “วอดก้าลูก พี่ขอฝากน้องเขาไปเดินด้วยได้มยั้ พอดีเขา ร้องจะไปหาหนูตงั้ แต่ตอนขึน้ รถแล้ว” ไม่ทนั ที่ผมจะได้ช่ิงหนีไปใช้ เวลาชีวิตของตัวเอง คุณน้าคนเมื่อเช้าก็เดินจูงมือยัวร์เข้ามาหา ผม จู่ๆผมก็รูส้ กึ เข้าใจหัวอกคนเป็ นแม่ตอนที่ตอ้ งเอาเด็กไปทิง้ ไว้ ที่เนอสเซอรี่ดว้ ยเหตุผลที่ว่าอยากให้ลกู หัดเข้าสังคม ทัง้ ที่ความ เป็ นจริงแค่เหนื่อยกับการต้องดูแลลูกทัง้ วันก็เท่านัน้ เอง “ใครอ่ะ ลูกชายพี่เหรอ” เมื่อเห็นว่ามีจงั หวะยัยชะเอมก็ เอ่ยปากแซวผมทันที แต่ถึงจะบอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ต่างอะไรกับใช่ หรอก ในเมื่อเขาติดผมหนึบขนาดนี ้ ถ้าเจ้าหมอหมานั่นมาเห็น เข้าเขาคงยินดีท่จี ะให้ยวั ร์เรียกตัวเองว่าพ่อแหงๆ

“ยังไงก็ช่างเถอะ พี่หิวแล้ว รีบไปหาอะไรกินกัน เอ้า ฮึบ” ผมอุม้ ยัวร์ขนึ ้ มากอดเอาไว้ท่ีอก และช่วยตบหลังเบาๆเป็ นการ ปลอบโยน พวกเราทัง้ สามคนลงมติกนั ว่าจะไปหาของกินรองท้อง กันก่อนค่อยไปเล่นเครื่องเล่น แล้วจบที่การดูการแสดงของเด็กๆ ซึ่งเป็ นไฮไลต์ของวันนี ้ ดีท่ียวั ร์ยงั อายุนอ้ ยเกินกว่าจะขึน้ เวที ตารางเวลาของเราจึงไม่จาเป็ นต้องรัดกุมอะไรมากมาย เพราะต่อ ให้ไปสาย เจ้าเด็กนี่ก็ไม่เดือดร้อนอะไร “เอ้า วันนีพ้ ่จี ่ายเอง อยากกินอะไรล่ะ เดี๋ยวพาไปซือ้ ” ผม ถามเจ้าเด็กขีแ้ ยในอ้อมกอดที่ดเู หมือนจะสงบสติลงได้แล้วตัง้ แต่ ที่แยกทางกับเหล่าพี่เลีย้ งมา ราวกับว่าการร้องไห้ฟมู ฟายเหมือน มีใครตายเมื่อหลายนาทีก่อนหน้านีจ้ ะเป็ นเพียงแค่การแสดง ระดับตุ๊กตาทองของเขา “อยากกินแซลมอนดองซีอวิ๊ อ่ะพี่ แล้วก็คิมมาริกบั ต๊อก บกกีดว้ ย” ยัยชะเอมเสนอหน้าเข้ามาสั่งออเดอร์เมนูตน้ ตารับจาก แดนสามีในมโนภาพอันดับหนึ่งของเธอทันทีเมื่อได้ยินว่าผมจะ จ่าย

“ไม่ได้ถามเธอเลย พี่ถามยัวร์” ผมตอบกลับไปเสียงเรียบ แม้ว่ามือจะหยิบเงินส่งให้ไปแล้วก็ตาม ช่วยไม่ได้ ในเมื่อน้องสาว ผมน่ารักขนาดนี ้ ใครจะกล้าขัดใจเธอได้ละ่ ไม่ใช่ผมแล้วหนึ่ง “อยากกินอันนัน้ ” ยัวร์ชไี ้ ปยังร้านหม่าล่าควันขโมงที่เต็ม ไปด้วยผูค้ นกาลังสูดปากซู๊ดซ๊าดอยู่หน้าร้านกันเป็ นระนาว นับว่า เป็ นเมนูท่เี ลือกได้ไม่เกรงใจฟั นนา้ นมเลยจริงๆ “จะกินจริงเหรอ มันเหนียวนะ” ผมว่าพลางยกมือถือ ขึน้ มาค้นกูเกิลว่าเด็กสี่ขวบเขากินอะไร แม้ในใจจะรูด้ ีว่าเหนียว แค่ไหนก็ไม่ใช่ปัญหาหรอก เพราะตัวผมเมื่อตอนอายุเท่ากันก็ยงั นั่งเคีย้ วยางลบอยู่เลย “อือ้ เว็บนีบ้ อกว่าแซนวิชอโวคาโด้ดีต่อสุขภาพ งัน้ ไปหา ซือ้ แซนวิชอโวคาโด้กนั ” ผมเอ่ยขึน้ ในขณะที่ยวั ร์มองมาด้วย สายตาราวกับจะประนามว่าผมเป็ นพ่อแม่คลั่งสุขภาพที่ชงนม ผสมเวย์โปรตีนให้ลกู ดื่มทุกวัน และบังคับให้กินอกไก่ป่ ันกับไข่ดิบ ทุกเช้า “แล้วนี่พ่คี ิดรึยงั ว่าจะกินอะไร” ชะเอมถามผม ทัง้ ที่ขา้ ว ยังเต็มปาก ก่อนหน้านีท้ ่ผี มเคยบอกว่าถ้าหลุมดามีจริงมันคงอยู่

ในตะกร้าผ้า แต่ดเู หมือนว่าตอนนีผ้ มมีทฤษฎีใหม่แล้วล่ะ คน อะไรกินอย่างกับปอบลง แต่ก็ไม่อว้ นสักที “พี่เล็งมานานตัง้ แต่ขบั รถผ่านแล้วล่ะ ร้านวาฟเฟิ ล ฮ่องกงใส้แน่นตรงหัวมุมถนนตรงนัน้ ยังไงล่ะ” ผมชีน้ วิ ้ ไปยัง เป้าหมาย เป็ นเรื่องปกติท่มี ือ้ หลักของผมหลายมือ้ จะเป็ นของ หวาน เพราะนา้ ตาลนี่แหละคือสิ่งที่ช่วยผมจากความเครียดได้ดี ที่สดุ “ของหวานอีกแล้ว ชีวิตพี่มนั ขมขื่นขนาดนัน้ เลยเชียว เติมหวานซะขนาดนีไ้ ม่กลัวโดนตัดขาเหรอ” ชะเอมจ้องมายังผม สลับกับจ้องไปยังท็อปปิ ้งหลากสีในถ้วยขนมหวานที่ผมสั่งมา ทาน “เดี๋ยวช่วงสิน้ เดือนก็จะได้กินแต่มาม่าแล้ว ตอนนีม้ ี โอกาสได้กินก็กินไปเถอะ ไม่เคยได้ยินเหรอ ว่าคนเราต้องอยู่กบั ปัจจุบนั อย่าพึ่งไปกังวลเรื่องในอนาคตที่มนั ยังไม่เกิดน่ะ” ผม สวมวิญญาณพี่ออ้ ยพี่ฉอดสอนน้องด้วยคาคมที่ก๊อปมาจากใคร สักคนที่ผมอ่านเจอในหนังสือเมื่อนานมาแล้ว

“ก็แล้วไม่ใช่ว่าสิ่งที่ทาในปัจจุบนั หรือไงที่มนั ส่งผลไปถึง อนาคตน่ะ หัดกังวลหน่อยก็ได้พ่วี อดก้า” ชะเอมเอ็ดผมไปหนึ่งที ด้วยความเป็ นห่วง แต่ถา้ ถามว่าผมจะงดหวานมัย้ ผมก็ขอตอบไว้ ตรงนีเ้ ลยว่าไม่มีทางซะหรอก พอเดินย่อยกันเรียบร้อยแล้ว ทัง้ ยัวร์ทงั้ ชะเอมก็โวยวาย จะเล่นยิงตุ๊กตากับปาโป่ งกันให้ได้ ผมจึงต้องคอยจ่ายเงินเพื่อ สนองความต้องการของทัง้ คู่เสียจนในกระเป๋ าแทบไม่เหลือสัก แดงเดียว แต่ยงั ไงวัยแบบผมก็คงจะไม่สนุกกับอะไรแบบนีแ้ ล้วล่ะ ความสุขของผมมันเปลี่ยนไปแล้ว ในตอนนี ้ ขอแค่ได้มองเจ้าพวก นัน้ เล่นสนุกกัน ได้เห็นพวกเขามีรอยยิม้ ได้มองเห็นวิถีชีวิตของ คนรอบตัวที่ได้ดาเนินไปอย่างทุกวันนี ้ แค่นนั้ ก็มีความสุขมาก พอแล้ว แต่ถา้ ให้พดู กันตามตรง นั่นมันก็เป็ นแค่เพียงความคิด ของผมเมื่อก่อนเท่านัน้ ในตอนนีแ้ ม้แต่ตวั ผมเองก็ยงั ไม่ม่นั ใจ ว่า ถ้าอนาคตของผมที่ไม่มียินอยู่แล้ว มันจะยังมีความสุขแบบนี ้ ต่อไปหรือเปล่า ผมไม่กล้าคิด ไม่กล้าสงสัย ไม่กล้าตอบคาถาม ของตัวเอง เพราะกลัวว่าถ้าผมได้รูค้ าตอบนัน้ แล้วผมอาจจะไม่

อยากเสียเขาไป หากในอนาคตผมต้องเห็นมันมีความสุขกับคน อื่น ผมเองก็คงทนมองต่อไปไม่ไหวเหมือนกัน พอพูดเรื่องนีแ้ ล้วก็รูส้ กึ คิดถึงมันขึน้ มาเลย ทัง้ ที่กะจะมา ที่น่เี พื่อลืมเรื่องของมันเองแท้ๆ แต่อนั ที่จริงก็ทาใจไว้อยู่แล้วว่าคง จะเอาออกจากสมองไปง่ายๆเหมือนถอดแฟลชไดร์ฟไม่ได้ การ ทาอย่างอื่นเพื่อให้ลืมแท้จริงแล้วก็เป็ นแค่การเพิ่มเควสชีวิตให้ ตัวเองเพื่อที่จะได้ไม่ตอ้ งไปโฟกัสกับมันเพียงชั่วขณะนึงก็เท่านัน้ พอเควสเหล่านัน้ จบลง สุดท้ายเดี๋ยวก็กลับมาปวดหัวกับมัน เหมือนเดิม ทัง้ เหนื่อย ทัง้ เสียเวลา รูง้ ีน้ ่าจะนอนอยู่หอ้ งเฉยๆ ทาไมต้องหาเรื่องใส่ตวั ด้วยนะ ความสุขระยะสัน้ นี่มนั ไม่คมุ้ กัน เลยจริงๆ “เหม่ออะไรอยู่พ่วี อดก้า จ้องจนสายไหมจะท้องอยู่แล้ว นะ” ชะเอมเดินมาตบไหล่ผมเบาๆหนึ่งที หลังจากที่มองผมนั่ง จ้องสายไหมคนเดียวอยู่นานเหมือนคนบ้า “เปล่า ก็แค่คิดอะไรนิดหน่อย” ผมตอบกลับไปด้วยเสียง เนือยๆ โดยไม่ได้สนใจมุกสายไหมของเธอ ก็ไม่อยากทาตัวใจร้าย หรอก แต่ถา้ ตอบกลับไปว่า ‘สายไหมมันไม่ใช่ปลากัดที่จอ้ งตากัน

แล้วก็ทอ้ งได้เสียหน่อย’ ด้วยแววตาไร้อารมณ์แบบนี ้ พาลแต่จะ ชวนให้เธอรูส้ กึ ผิดที่ไม่อ่านบรรยากาศเสียมากกว่า เพราะไม่ว่า จะเสแสร้งแกล้งทาเป็ นมีความสุขยังไง ถ้าใจมันทุกข์ก็ไม่ต่าง อะไรกับการแสดงของเด็กอนุบาลหรอก “ไปขึน้ ชิงช้าสวรรค์กนั มัย้ ” จู่ๆชะเอมก็เอ่ยปากชวนผมไป เล่นเครื่องเล่นหมายเลขหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในงานวัด โดยไม่มีตน้ สายปลายเหตุ ทัง้ ที่เมื่อก่อนเวลาผมชวนก็ไม่เคยคิดจะเล่นเลย สักครัง้ แท้ๆ “เอาสิ” ผมตอบตกลงไปแบบไม่ตอ้ งคิดมากมายอะไร โอกาสทองแบบนีท้ งั้ ที มีหรือที่จะยอมให้หลุดมือไปง่ายๆ ถึงแม้ว่าสถานการณ์ตรงหน้าจะแอบคุน้ ๆเหมือนเคยเจอเมื่อ ตอนต้นบทก็ตามที “มีเรื่องนึงที่ฉนั ควรจะบอกพี่นะ วอดก้า” ชะเอมเอ่ยขึน้ ในขณะที่สายตายังคงจ้องมองไปยังช่องว่างระหว่างพืน้ และตัว กระเช้าที่เราทัง้ สามคนกาลังจะขึน้ ไปด้วยความระมัดระวัง “เรื่องอะไรเหรอ” ผมถามกลับไป แต่คราวนีผ้ มนั่งตัง้ ใจ ฟั งเธออย่างจริงจังอยู่ ณ ที่น่ งั ฝั่งตรงข้ามโดยที่มียวั ร์ผตู้ ื่นเต้นจน

ก้นแทบไม่ติดพืน้ เพราะพึ่งเคยขึน้ ชิงช้าสวรรค์เป็ นครัง้ แรกอยู่ ด้วย “บางที เราก็มกั จะมองเห็นข้อดีของผูอ้ ่นื แต่กลับ มองข้ามข้อดีของตัวเองไปใช่มยั้ ล่ะ” เธอกล่าวเปิ ดประเด็นด้วย ข้อเท็จจริงที่ผมเองก็เห็นด้วยกับมัน เป็ นหลายครัง้ เหมือนกันที่ผม มักจะได้รูบ้ างเรื่องของตนเองที่คาดไม่ถึงผ่านผูค้ นรอบตัว “อืม ใช่” ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับเธอไป ในขณะที่มือก็ แทบเป็ นระวิงกับการจับยัวร์ให้น่งั นิ่งๆอยู่กบั ที่ก่อนจะเกิดอะไร อันตรายกับเขา “อันที่จริง ข้อเสียเองก็เช่นกัน บางทีพ่อี าจจะไม่รูน้ ะ แต่น่ี ไม่ใช่ครัง้ แรกที่พ่เี ลือกที่จะหนีปัญหา นี่เป็ นครัง้ ที่สอง หรืออาจจะ ครัง้ ที่สามแล้วก็ได้ ช่วงเวลาที่ฉนั ไม่ได้อยู่กบั พี่ ฉันเองก็ไม่รู ้ เหมือนกัน แต่ว่าที่สาคัญคือ…” เธอเริ่มกระอึกกระอัก เหมือน กลัวว่าสิ่งที่พดู ออกมาอาจทาให้ผมรูส้ กึ แย่ จึงต้องพินิจพิเคราะห์ อยู่สกั พัก ก่อนจะตัดสินใจพูดต่อ “ฉันไม่อยากให้พ่ที าพลาดอีกแล้ว พี่เอาแต่โทษโชคชะตา ว่าทาไมชีวิตพี่ถึงได้เจอแต่ปัญหา ซึ่งความเป็ นจริงคือทุกคนต่างก็

มีปัญหากันทัง้ นัน้ พี่วอดก้า และมันไม่เป็ นไรนะ ถ้าหากใน บางครัง้ เราจะตัดสินใจผิดพลาดไปบ้าง และในหลายครัง้ เราก็ อาจจะบอกว่า รูง้ ีฉ้ นั ไม่น่าทาแบบนีเ้ ลย แต่ท่มี นั เป็ นแบบนัน้ ก็ เพราะเราไม่มีทางรูเ้ ลยว่าอนาคตมันจะเป็ นยังไง แต่จากนีฉ้ นั อยากให้พ่เี ดินหน้าต่อไป อยากให้พ่เี ผชิญหน้ากับมัน เพราะพี่จะ ไม่มีทางรูว้ ่าผลลัพธ์จะออกมาเป็ นยังไงจนกว่าพี่จะได้ทา” เธอ กล่าวออกมาพร้อมสายตาอันมุ่งมั่นตัง้ ใจ ผมเดาว่าเธอคงใช้ ความพยายามอย่างมากในการรวบรวมความกล้าที่จะพูดสิ่ง เหล่านีอ้ อกมาตลอดทัง้ วัน เพราะนี่เป็ นครัง้ แรกเลยที่เธอกล้าออก ความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมากับการกระทาอันน่าสมเพชของ ผม ซึ่งบอกตามตรงว่าผมเองก็สงั เกตเห็นมานาน แต่ก็เมินเฉยกับ มันมาโดยตลอด ถึงกับต้องให้นอ้ งสาวที่อายุนอ้ งกว่าตัวเองมา บอกแบบนีน้ ่บี างทีคงถึงเวลาที่ผมจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองบ้าง แล้ว “พี่ขอโทษนะ ที่ทาให้เธอต้องเป็ นห่วง…เธอพูดถูกทุก อย่างเลยชะเอม พี่มนั ขีข้ ลาดเอง” ผมตอบกลับเธอทัง้ รอยยิม้ เพื่อให้เธอสบายใจได้เปราะหนึ่งว่าผมไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองเธอ

แต่อย่างใด ผมรูว้ ่าเธอหวังดีกบั ผมเสมอ และผมก็รูส้ กึ โชคดี เหลือเกินที่ในชีวิตได้มาพบเจอกับคนอย่างเธอ “ไม่เป็ นไร บางทีคนเราก็กลัว มันเป็ นเรื่องธรรมดา ดูน่นั สิ…” ชะเอมเอ่ยขึน้ ก่อนจะชีไ้ ปยังผืนฟ้าสีดาสนิทที่อยู่ตรงหน้า ของเรา “ว้าว ดอกไม้ไฟใหญ่เบิม้ เลย” ยัวร์ตะโกนลั่น เป็ นอีกครัง้ ที่เข็มขัดมนุษย์อย่างผมทางานล้มเหลว เพราะความสามารถใน การดิน้ เป็ นปลาไหลของเขาที่จบั เท่าไหร่ก็หลุดมือไปได้ทุกครัง้ มัน เกินแรงคนนุ่มนิ่มบอบบางอย่างผมจะควบคุมได้ไหวจริงๆ “สวยใช่มยั้ ” ชะเอมว่า ในขณะที่ตาก็ทอดมองไปยังแสง ไฟที่ประดับประดาทั่วท้องฟ้า บ้างก็ดวงเล็ก บ้างก็ดวงใหญ่ แต่ ทุกดวงก็ลว้ นมีสีสนั สวยงามชวนจับจ้องเหมือนกันหมด “อือ” ผมตอบกลับไปสัน้ ๆ และละความพยายามในการ จับเจ้าเด็กซนตรงหน้าลงราวกับต้องยุติสงครามชั่วคราว “คนเรายอมฝ่ าฟั นอุปสรรคต่างๆนานาในชีวิตก็เพื่อ ช่วงเวลาแบบนีแ้ หละ ช่วงเวลาที่ราวกับตอนที่กระเช้าขึน้ ไปยัง จุดสูงสุด เพียงชั่ววินาทีสนั้ ๆแค่นนั้ ” ชะเอมพูดออกมาด้วยเสียง

อันเบา ผมเข้าใจดีถึงสิ่งที่เธอพยายามจะสื่อ แต่ไม่ค่อยเห็นด้วย กับการเปรียบเทียบของเธอเสียเท่าไหร่ “พี่ไม่เห็นจะเข้าใจเลยว่าการขึน้ ชิงช้าสวรรค์มนั จะมี อุปสรรคตรงไหน” ผมหัวเราะในคอเบาๆ “สาหรับพี่อาจจะใช่ แต่สาหรับชัน้ ที่กลัวความสูงน่ะ เข้าใจดีเลย” ชะเอมตอบ เมื่อสังเกตดูดีๆก็เห็นลางๆจากแสงไฟ ของพลุว่ามือของเธอกาลังสั่นอยู่ และตัง้ แต่เมื่อกีเ้ ธอก็ไม่ได้มอง ลงไปข้างล่างเลย “นี่เธอทาเพื่อพี่เหรอ” นี่คงเป็ นสาเหตุท่ีว่าทาไมทุกครัง้ ที่ ผมชวนเธอนั่งชิงช้าสวรรค์ เธอถึงไม่เคยตอบตกลงกับคาชวนนัน้ เลย ที่แท้ก็เป็ นเพราะเธอกลัวความสูงนี่เอง ไม่เคยรูม้ าก่อนเลย “เงียบน่า” หน้าของเธอเริ่มมีสีแดงระเรือ ไม่สิ น่าจะ เรียกว่าแดงแจ๋เสียจนแม้มีไฟที่ให้ความสว่างอย่างเดียวคือ ดอกไม้ไฟในตอนนีผ้ มที่ดอู ยู่ก็ยงั มองออกว่าเธอกาลังเขินอาย “น้องสาวพี่น่เี ท่ท่สี ดุ เลย” ผมเอ่ยชมเธอไปอีกหนึ่งที เมื่อ เห็นว่าเธอเริ่มหลุดจากคาร์แรคเตอร์ท่ีปรึกษาผูแ้ ข็งแกร่งดังหินผา

เมื่อครู่ ไม่แน่ บางทีท่เี ธอแสดงออกว่านิ่งเฉย และจริงจัง เธอ อาจจะกาลังกลัวอยู่ก็ได้ ติง๊ เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ของผมดังขึน้ เมื่อดูเวลาจึงรูเ้ ลย ว่าเป็ นข้อความของใครไปไม่ได้นอกเสียจากเจ้าหมอหมาคนดีคน เดิม เพิ่มเติมคือพึ่งเลิกเรียนรายวิชาภาคค่า “มึงรูม้ ยั้ วันที่เราทะเลาะกัน กูคิดอะไร” เขาพิมพ์สง่ มา โดยที่ไม่ได้สนใจประโยคด้านบนที่ผมตอบกลับไปว่าผมยังไม่กล้า สูห้ น้าเขา “คิดอะไร” ผมพิมพ์สง่ ไป ในใจก็แอบรูส้ กึ อยากรูอ้ ยู่ เหมือนกัน แต่ก็คงเดาได้ไม่ยาก ไม่มีใครเขาจะมามีความสุขเวลา ที่ตอ้ งทะเลาะกันหรอก นอกเสียจากว่ามันจะเป็ นมาโซคิสม์…รึ ความจริงแล้วมันอาจจะเป็ นก็ได้ ที่ผ่านมาผมเล่นมันจนยับขนาด นัน้ มันก็ยงั วนเวียนอยู่รอบตัวผมไม่ไปไหน ให้ตายสิ รูส้ กึ เหมือน ได้รูอ้ ะไรที่ไม่ควรรูเ้ ข้าแล้วไง “ถ้ากูรูว้ ่ามึงจะพูดแบบนี ้ วันนัน้ ที่เราจูบกัน กูน่าจะกัดลิน้ มึงให้ขาดไปซะ” ผมถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้เห็น

ข้อความที่เขาส่งมา ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้เป็ นมาโซคิสม์ ก่อน จะถอนหายใจซา้ อีกครัง้ ด้วยความเพลียจิตเมื่อเริ่มเห็นเค้าลาง ความซาดิสม์ของมัน “อือ” ผมตอบกลับไปสัน้ ๆ มันเป็ นเรื่องที่เข้าใจได้ ถ้าผม โดนคนแบบตัวเองเล่นงานคืนบ้างก็คงอยากทาแบบเดียวกัน “แต่ไม่เป็ นไร โลกให้อภัยมึงละ” เขาพิมพ์ตอบกลับมา ผมได้แต่จอ้ งมองมันอยู่เงียบๆ ไม่ได้ตอบกลับอะไร “กูก็ให้อภัยมึงด้วย” เขาส่งกลับมาในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ผมยังคงจ้องหน้าจอค้างอยู่แบบนัน้ ไม่ได้ตอบกลับอะไร แต่ ความจริงคือผมตัดสินใจได้แล้ว “ขอบคุณนะ มะรืนนีพ้ ่จี ะกลับกรุงเทพแล้วล่ะ” ผมปิ ด หน้าจอมือถือ ก่อนจะหย่อนมันลงกระเป๋ า และตอบกลับชะเอม ในจังหวะเดียวกันกับตอนที่กระเช้าลงมาถึงพืน้ พอดี “อือ” เธอพยักหน้าตอบพร้อมรอยยิม้ ราวกับได้ยกภูเขา ออกจากอก หลังจากที่แบกมันเอาไว้เสียนาน

“เพราะพี่อยากเห็นทิวทัศน์เดียวกับที่เธอเห็น ทิวทัศน์ท่ี ทาให้ความลาบากที่ผ่านมามันคุม้ ค่า”

Get in touch

Social

© Copyright 2013 - 2024 MYDOKUMENT.COM - All rights reserved.