ilovepdf_merged (4) Flipbook PDF


15 downloads 124 Views 592KB Size

Recommend Stories


Porque. PDF Created with deskpdf PDF Writer - Trial ::
Porque tu hogar empieza desde adentro. www.avilainteriores.com PDF Created with deskPDF PDF Writer - Trial :: http://www.docudesk.com Avila Interi

EMPRESAS HEADHUNTERS CHILE PDF
Get Instant Access to eBook Empresas Headhunters Chile PDF at Our Huge Library EMPRESAS HEADHUNTERS CHILE PDF ==> Download: EMPRESAS HEADHUNTERS CHIL

Story Transcript

โครงงาน เจลว่านหางจระเข้ จัดทำโดย นาย ปาราเมศ

ป้องวัน

เลขที่ 2

นาย นิพพิชฌน์

ทรัพย์แตง

เลขที่ 7

นาย พิชชากร

บุษยากร

เลขที่ 8

นางสาว ศศิมาศ

บุญธรรม

เลขที่ 13

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/3 เสนอ คุณครู อารยา บัววัฒน์ รายงานฉบับนี้เป็นส่วยหนึ่งของรายวิชา การสื่อสารและนำเสนอ รหัสวิชา I30202 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนนวมินทราชินูทศิ สตรีวิทยา ๒



บทคัดย่อ โครงงานเรื่องเจลว่านหางจระเข้จัดทำขึ้นมีวัตถุประสงค์เพื่อ(1)เพื่อศึกษาว่านหางจระเข้รักษา แผลไฟไหม้และน้ำร้อนลวก(2)ใช้รักษาอาการติดเชื้อ อักเสบ และกระตุ้นเซลล์เนื้อเยื่อต่างๆ ให้เติบโต ในการทดลองนี้คณะผู้จัดทำได้ใช้อุปกรณ์ว่านหางจระเข้ และสารไฮโดรคอลลอยด์ (hydrocolloid)จากโครงงานเจลว่านหางจระเข้โดยประกอบด้วย(1)ว่านหางจระเข้(2)สารไฮโดร คอลลอยด์และอุปกรณ์ที่ คณะผู้จัดทำโครงงานประดิษฐ์ คือเจลว่านหางจระเข้ ว่านหางจระเข้เป็น วัสดุที่ให้ศึกษามีการทดลอง(2)การทดลองคือ(1)ปริมาณเจลว่านหางจระเข้(2)ปริมาณสารไฮโดร คอลลอยด์ จากการบันทึกผลการทดลองทั้งหมด พบว่าหากใช้ว่านหางจระเข้ในปริมาณที่เหมาะสม จะ ส่งผลให้รักษาแผลไฟไหม้และน้ำร้อนลวก และรักษาอาการติดเชื้อ อักเสบ และกระตุ้นเซลล์เนื้อเยื่อ ให้ เติบโต



กิตติกรรมประกาศ โครงงานฉบับนี้เสร็จสมบูรณ์ได้ด้วยความกรุณาจากคุณครูอารยา บัววัฒน์ คุณครูที่ปรึกษาที่ได้ กรุณาให้ความช่วยเหลือและให้คำแนะนำต่างๆจนสำเร็จลุล่วง ขอกราบขอบพระคุณอย่างสูง ณ โอกาสนี้ขอขอบพระคุณคุณครู โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรี วิทยา ๒ที่ได้ให้คำปรึกษาตลอดจนตรวจสอบเครื่องมือเครื่องใช้ในโครงงาน อนึ่ง ผู้จัดทำหวังว่าโครงงานฉบับนี้จะมีประโยชน์อยู่ไม่น้อย จึงขอมอบส่วนดีทั้งหมดนี้ให้แก่เหล่าครูอาจารย์และผูท้ ี่เกี่ยวข้องที่ได้ประสิทธิ์ประสาทวิชาจนทำให้ โครงงานนี้เป็นประโยชน์ต่อผู้เกี่ยวข้อง และขอกราบขอบพระคุณบิดา มารดาและเพื่อนๆตลอดจนผูท้ ี่ เกี่ยวข้อง ที่คอยให้คำแนะนำความช่วยเหลือและเป็นกำลังใจให้โครงงานฉบับนี้สำเร็จลุล่วงได้ด้วยดี คณะผู้จัดทำ



สารบัญ หน้า บทคัดย่อ........................................................................................................................................... ก กิตติกรรมประกาศ............................................................................................................................ ข สารบัญสาร....................................................................................................................................... ค สารบัญตาราง.................................................................................................................................... ง สารบัญภาพ....................................................................................................................................... จ บทที่ 1 บทนำ.................................................................................................................................. 1-2 ที่มาและความสำคัญ.......................................................................................................... 1 วัตถุประสงค์ของการศึกษา................................................................................................ 1 ขอบเขตของการศึกษา....................................................................................................... 1 สมมติฐานของการศึกษา.................................................................................................... 2 ตัวแปรที่ศึกษาค้นคว้า……………………………………………………………………………….…….……. 2 บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง............................................................................................................ 3-11 บทที่ 3 วิธีดำเนินการ................................................................................................................. 12-16 บทที่ 4 การวิเคราะห์ข้อมูล........................................................................................................ 17-19 บทที่ 5 สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ................................................................................ 20 บรรณานุกรม............................................................................................................................... 21-22 ภาคผนวก



สารบัญตาราง ตารางที่ 1 แสดงข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม......................................................... 18 ตารางที่ 2 แสดงการวิเคราะห์ผลรวมความพึงพอใจต่อเจลว่านหางจระเข้......................... 19



สารบัญภาพ ภาพที่ 1 แสดงขั้นตอนการทำขั้นที่ 1.............................................................................................. 15 ภาพที่ 2 แสดงขั้นตอนการทำขั้นที่ 2.............................................................................................. 15 ภาพที่ 3 แสดงขั้นตอนการทำขั้นที่ 3.............................................................................................. 16 ภาพที่ 4 แสดงการทดลองการใช้ผลิตภัณฑ์..................................................................................... 16 ภาพที่ 5 แสดงแบบสอบถามความพึงพอใจ..................................................................................... 25

1

บทที่ 1 บทนำ 1.1 ที่มาและความสำคัญของโครงงาน เนื่องจากในปัจจุบันมีการนำสมุนไพรมาใช้ในการบรรเทาโรคหลากหลายชนิด ซึ่งเป็นสมุนไพร รักษาโรคตามอาการ ผู้คนมักใช้สมุนไพรที่มีสรรพคุณตรงตามอาการของโรคและไม่มีผลกระทบต่อ ร่างกาย ว่านหางจระเข้ ชื่อวิทยาศาสตร์ aloe vera ชื่อท้องถิ่น ว่านไฟไหม้(ภาคเหนือ) ว่านหางจระเข้ (ภาคกลาง)ซึ่งมีทั้งพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่มากจนไปถึงพันธุ์ที่มีขนาดเล็กกว่า 10 เซนติเมตร ลักษณะพิเศษ ของว่านหางจระเข้ก็คือใบแหลมคล้ายกับเข็มเนื้อหนาและเนื้อในมีน้ำเมือกเหนียว ว่านหางจระเข้ผลิต ดอกช่วงฤดูหนาวจะมีสีแตกต่างกัน เช่น เหลิอง ขาว และแดง คณะผู้จัดทำจึงได้ศึกษาเรื่องว่านหางจระเข้เพื่อนำมาทำเจลรักษาแผลโดยทำให้ผิวของผู้ใช้นั้น ไม่แพ้หรือระคายเคืองโดยว่านหางจระเข้สามารถทำผลิตภัณฑ์เจลทาแผลได้มีสรรพคุณสูงและหาได้ง่าย

1.2 วัตถุประสงค์ 1.2.1 เพื่อศึกษาการทำเจลว่านหางจระเข้ 1.2.2 เพื่อนำวัตถุดิบที่เหลือใช้มาแปรรูปให้ได้ผลิตภัณฑ์ใหม่ 1.2.3 เพื่อฆ่าเชื้อและทำความสะอาดมือโดยใช้สารเคมีให้น้อยที่สุด

1.3 ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า 1.3.1 ประหยัดต้นทุนในการผลิตเจลว่านหางจระเข้ 1.3.2 นำว่านหางจระเข้ที่บ้านมาสร้างประโยชน์ 1.3.3 ความนุ่มชุ่มชื่นของเจลว่านหางจระเข้ 1.3.4 ความพึงพอใจในการลดอาการบรรเทาจากน้ำร้อนลวก

2

1.4 สมมุติฐานของการศึกษา 1.4.1 เจลว่านหางจระเข้สามารถใช้ได้จริง 1.4.2 ว่านหางจระเข้และวิตามินที่ใช้สามารถบรรเทาอาการน้ำร้อนลวกได้ 1.4.3 ผลิตภัณฑ์มีความอ่อนโยนต่อผิว

1.5 ตัวแปรที่ต้องศึกษาค้นคว้า 1.5.1 ตัวแปรต้น - ว่านหางจระเข้ 1.5.2 ตัวแปรตาม - ประสิทธิภาพในการใช้งานของเจลว่านหางจระเข้ 1.5.3 ตัวแปรควบคุม - ปริมาณว่านหางจระเข้ - ปริมาณของน้ำ - ปริมาณ HEC - ปริมาณวิตามิน C

3

บทที่2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง การศึกษาค้นคว้า การทำเจลซึ่งโดยนำว่านหางจระเข้มาทำเจลในการรักษาแผลและบำรุงผิวโดยผู้ศึกษา ศึกษาจากเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวของเพื่อเป็นฐานแนวคิดในการคิดวิเคราะห์ขอมูลต่อไปนี้

หัวข้อที่ศึกษามีดังนี้ 2.1 ว่านหางจระเข้ 2.2 ผงวิตามินC 2.3 ผงวิตามินE

2.1.ว่านหางจระเข้(Aloe Vera)

ว่านหางจระเข้ เป็นต้นพืชที่มีเนื้ออิ่มอวบจัดอยู่ในตระกูลลิเลียม (Lilium) แหล่งกำเนิดดั้งเดิม อยู่ในคาบสมุทรอาหรับ สายพันธุ์ของว่านหางจระเข้มีมากกว่า 300 สายพันธุ์ ซึ่งมีทั้งพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่ มากจนไปถึงพันธุ์ที่มีขนาดเล็กกว่า 10 เซนติเมตร ลักษณะพิเศษของว่านหางจระเข้ก็คือมีใบแหลมคล้าย กับเข็ม เนื้อหนา และเนื้อในมีน้ำเมือกเหนียว ว่านหางจระเข้ผลิดอกในช่วงฤดูหนาว ดอกจะมีสีแตกต่าง กัน เช่น เหลือง ขาว และแดง เป็นต้น คำว่า "อะโล" (Aloe) เป็นภาษากรีกโบราณ หมายถึงว่านหาง จระเข้ ซึ่งแผลงมาจากคำว่า "Allal" มีความหมายว่า ฝาดหรือขมในภาษายิว ฉะนั้นเมื่อผู้คนได้ยินชื่อนี้ ก็จะทำให้นึกถึงว่านหางจระเข้ ว่านหางจระเข้เดิมเป็นพืชที่ขึ้นในเขตร้อนต่อมาได้ถูกนำไปแพร่พันธุ์ใน ยุโรปและเอเชีย โดยปลูกเพื่อใช้ในการเกษตรและการแพทย์ รวมถึงสำหรับการตกแต่งและปลูกเป็น ต้นไม้กระถาง แหล่งที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/ว่านหางจระเข้ เครื่องดื่มและน้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพ ผู้เขียน : รศ. จริยา เดชกุญชร สำนักพิมพ์ : เพชรการเรือน

4

ประโยชน์ทางยา • ใบ รสเย็น โขลกผสมสุราพอกฝี วุ้นจากใบล้างด้วยน้ำสะอาดทาหรือฝานบางๆ ปิดหรือ ทาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ดับพิษร้อน ทาผิวป้องกันและรักษาอาการไหม้จากแสงแดด วุ้นรับประทานแก้โรคกระเพาะ บำรุงร่างกาย แก้ร้อนใน ดูดพิษร้อนภายในร่างกาย • ทั้งต้น รสเย็นเอียน ดองสุราดื่มขับน้ำคาวปลา • ราก รสขมขื่น รับประทานถ่ายโรคหนองใน แก้มุตกิด ช้ำรั่ว • ยางในใบ เป็นยาระบาย • น้ำวุ้นจากใบ ล้างด้วยน้ำสะอาด ฝานบางๆ รักษาแผลสดภายนอก น้ำร้อนลวก ไฟไหม้ ทำให้แผลเป็นจางลง ดับพิษร้อน ทาผิวป้องกันและรักษาอาการไหม้จากแสงแดด ทาผิว รักษาสิวฝ้า และขจัดรอยแผลเป็น • เนื้อวุ้น เหน็บทวาร รักษาริดสีดวงทวาร • เหง้า ต้มรับประทานแก้หนองใน โรคมุตกิด แหล่งที่มา : https://pharmacy.su.ac.th/herbmed/herb/text/herb_detail.php?herbID=202 สมุนไพรในงานสาธารณสุขมูลฐาน ผู้เขียน : รศ. พิรมน การย์กุลวิทิต สำนักพิมพ์ : โปร แอมไพน์ จำกัด มหาชน ว่านหางจระเข้นั้น จัดเป็นพืชที่มีสรรพคุณต่าง ๆ มากมาย สามารถใช้บรรเทาโรคทั้งภายนอกและภายใน ร่างกาย อีกทั้งยังใช้บำรุงผิวพรรณได้อีกด้วย ดังนี้

ประโยชน์ภายนอก รักษาแผลไฟไหม้และน้ำร้อนลวก โดยปอกเปลือกนอก นำวุ้นสดภายในใบไปล้างยางออกให้สะอาด แล้วนำไปประคบแผลตลอด 2 วันแรก จะช่วยบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อน สมานแผลให้เร็วขึ้น และไม่ทิ้งร่องรอยแผลเป็นอีกด้วย

1.ป้องกันและบรรเทารอยไหม้จากการออกแดด นำใบสด ๆ ของว่านหางจระเข้ผสม กับโลชั่นทาลงบนผิวหนังก่อนออกแดด จะช่วยป้องกันแสงแดดได้ แต่ถ้าหากเกิดรอยไหม้ขึ้นบนผิวหนัง หลังออกแดดแล้ว ให้ใช้วุ้นที่ล้างสะอาดมาทาเพื่อลดอาการอักเสบ ถ้าจะให้ดีลองผสมกับน้ำมันพืช หรือ น้ำมันมะกอก เพื่อลดอาการผิวแห้งตึงจนเกินไป

5

2.บรรเทารอยไหม้จากการฉายรังสีของผู้ป่วย โดยใช้วิธีการนำวุ้นว่านหางจระเข้ที่ล้าง สะอาดมาประคบที่รอยไหม้จากการทำคีโม จะช่วยบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อน และทำให้ฟื้นตัวเร็ว ขึ้น

3.สมานแผลจากของมีคมและแผลถลอก หากได้รับบาดเจ็บจากของมีคม ใช้วนุ้ จากว่าน หางจระเข้ที่ยังมีเมือกอยู่ แปะลงไปบนแผล จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสมานแผลให้เร็วขึ้นได้

4.รักษาฝีและโรคริดสีดวงทวาร ทำความสะอาดบริเวณที่เกิดโรคให้แห้งแล้วนำวุ้นไปแปะลง บนแผล หากเป็นที่ทวารหนักให้ปอกวุ้นให้เป็นแท่งแล้วล้างให้สะอาด นำไปแช่เย็นให้แข็ง เพื่อสอดเหน็บ ในช่องทวารหนักวันละ 1-2 ครั้ง อาการริดสีดวงจะดีขึ้น

5.รักษาตาปลาและฮ่องกงฟุต นำเนื้อวุ้นที่ล้างทำความสะอาดแล้ว ไปแปะลงบริเวณที่เกิด โรค หมั่นเปลี่ยนเนือ้ วุ้นบ่อย ๆ โดยหากเป็นตาปลาส่วนที่แห้งลงจะเกิดรูบุ๋มขึ้น ให้ใช้ว่านหางจระเข้ประคบ ต่อไปจนกว่ารอยบุ๋มจะสมานและเล็กลง ส่วนฮ่องกงฟุตให้ประคบด้วยว่านหางจระเข้เอาไว้จนกว่าแผล จะแห้งลงและอาการดีขึ้น

6.แก้ปวดศีรษะ ตัดใบสดจากต้นว่านหางจระเข้ แล้วนำปูนแดงทาบริเวณวุ้น ถือใบสดแล้วนำ วุ้นผสมปูนแดงประคบบริเวณขมับหรือท้ายทอย ตามจุดทีป่ วด จะช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะได้

7.บรรเทาอาการปวดฟัน ตัดเนื้อว่านหางจระเข้ออกเป็นแท่งเล็ก ๆ ประมาณ 2-3 เซนติเมตร นำไปเหน็บไว้ตามซอกฟันที่มีอาการปวด หรือประคบไว้ก็ได้ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที อาการปวดจะค่อย ๆ บรรเทาลง ประโยชน์ภายใน

1.บรรเทาอาการปวดข้อ นำวุ้นว่านหางจระเข้ที่ล้างทำความสะอาดแล้วไปแช่ตู้เย็น และ รับประทานเพื่อบรรเทาอาการปวดตามข้อต่าง ๆ โดยสามารถใช้ได้ทั้งเนื้อวุ้น และน้ำวุ้น หากอยากให้ รับประทานง่ายขึ้น สามารถนำไปปั่นเป็นน้ำว่านหางจระเข้ ก็ช่วยบรรเทาอาการได้เช่นกัน

2.ใช้เป็นยาถ่าย โดยเลือกตัดว่านหางจระเข้พันธุ์เฉพาะที่ใบใหญ่และมีน้ำยางสีเหลืองใน ปริมาณมาก อายุประมาณ 9 เดือนขึ้นไป รองน้ำยางที่ไหลออกมาจากใบ แล้วนำไปเคี่ยวให้ข้น เทลงใน พิมพ์ขนาดเล็กให้แข็งเป็นก้อนรับประทานเป็นยาได้ ซึ่งเม็ดยาจะมีสีแดงอมน้ำตาลไปจนถึงดำ เรียกว่า ยาดำ แบ่งรับประทานครั้งละประมาณ 0.25 กรัม (250 มิลลิกรัม) จะเป็นขนาดที่เหมาะสมในการใช้

6

เป็นยาถ่าย หากต้องการรับประทานแบบสด ๆ ก็สามารถทำได้ โดยการตัดวุ้นที่ล้างสะอาดแล้วออกเป็น ขนาด 3-4 เซนติเมตร แบ่งรับประทานวันละ 3 ครั้งหลังอาหาร

3.แก้กระเพาะอักเสบและลำไส้อักเสบ ปอกเปลือกว่านหางจระเข้ นำวุ้นที่ได้ไปล้างให้ สะอาด แล้วนำมารับประทานครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ วันละ 2 ครั้ง จะช่วยบรรเทาอาการอักเสบของทางเดิน อาหารได้

4.ป้องกันโรคเบาหวาน ตัดเนื้อว่านหางจระเข้ความยาวประมาณ 3-4 เซนติเมตร นำไป รับประทานทุกวัน หรือจะปั่นเป็นน้ำว่านหางจระเข้ เพื่อรับประทานก็ได้ โดยอาการเบาหวานจะทุเลาลง สำหรับผู้ที่เป็นในระยะแรก ส่วนผู้ที่ต้องการรับประทานเพื่อป้องกัน สามารถรับประทานในปริมาณที่ น้อยลงได้

5.แก้และป้องกันอาการเมารถ-เมาเรือ ท่านที่มีปัญหาในการเดินทาง เกิดอาการเมารถเมาเรืออยู่เป็นประจำ ให้ลองรับประทานเนื้อวุ้นจากว่านหางจระเข้ หรือน้ำว่านหางจระเข้ ก่อนออก เดินทางจะช่วยบรรเทาให้เกิดอาการดังกล่าวน้อยลงได้ แต่หากเกิดอาการเมารถ-เมาเรือขึ้นแล้ว ลอง ทานน้ำว่านหางจระเข้เย็น ๆ ให้ชื่นใจ แล้วนัง่ พักสักครู่ จะรู้สึกดีขึ้น แหล่งที่มา : http://www.mh.go.th/dmh/dublin.php?ID=5283#.Y7667X1Bw2w

2.2.ผงวิตามินC

วิตามินซี หรือ กรดแอสคอร์บิก หรือ กรดแอล-แอสคอร์บิก (L-ascorbic acid) หรือ แอสคอร์เบต (ascorbate เป็นแอนไอออน [anion] ของกรดแอสคอร์บิก) เป็นวิตามินที่พบใน อาหารและอาหารเสริมต่าง ๆ ใช้ป้องกันและรักษาโรคลักปิดลักเปิด เป็นสารอาหารจำเป็นที่ใช้ซ่อมแซม

7

เนื้อเยื่อและผลิตสารสื่อประสาทบางอย่างโดยอาศัยเอนไซม์ จำเป็นในการทำงานของเอนไซม์หลายอย่าง และสำคัญต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระด้วย เป็นสารอาหารจำเป็น สำหรับมนุษย์และสัตว์อื่นบางชนิด เป็นวิตามินที่ละลายน้ำได้ แอสคอร์เบตจำเป็นในเมแทบอลิซึมของ สัตว์และพืชทุกชนิด สิ่งมีชีวิตแทบทุกชนิดสามารถสังเคราะห์ได้ ที่สังเคราะห์ไม่ได้ต้องได้จากอาหาร หลักฐานจนถึงปี 2016 ไม่สนับสนุนให้ใช้ป้องกันโรคหวัดธรรมดา แต่มีหลักฐานว่าการใช้เป็น ประจำทำให้หายหวัดเร็วขึ้น ไม่ชัดเจนว่าการกินเป็นอาหารเสริมมีผลต่อความเสี่ยงโรคมะเร็ง โรคระบบ หัวใจหลอดเลือด และภาวะสมองเสื่อม อาจใช้กินหรือฉีด วิตามินซีโดยมากมีผลข้างเคียงน้อย แต่ถ้ากินมากอาจทำให้ไม่สบายท้อง ปวดท้อง รบกวนการ นอน และทำให้หน้าแดงขนาดปกติปลอดภัยเมื่อตั้งครรภ์ แพทยศาสตรบัณฑิตยสถานแห่งชาติสหรัฐ แนะนำไม่ให้กนิ เป็นปริมาณมาก ๆ แหล่งที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/วิตามินซี

กินวิตามินซีอย่างไร จึงจะเพียงพอกับความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน? องค์การอนามัยโลก ได้แนะนำว่า หากเรากินผักผลไม้ให้ได้ 400 กรัมต่อวัน จะเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ซึ่งการกินผักผลไม้ 400 กรัมนั้น ร่างกายจะได้รับ วิตามินซีประมาณ 210-280 มิลลิกรัม ถือว่าเพียงพอต่อความต้องการวิตามินซีของร่างกายต่อวัน นอกจากจะได้รับวิตามินซี ผักผลไม้ ยังเป็นแหล่งสำคัญของใยอาหาร แร่ธาตุ วิตามินชนิดอื่นๆ และ สาร พฤกษ์เคมีต่างๆ ที่เป็นประโยชน์กับร่างกายอีกด้วย

เราจำเป็นต้องกินวิตามินซีในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือไม่? ตามที่ได้กล่าวไปแล้วว่า วิตามินซีมีประโยชน์หลายด้าน เช่น การเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย การต้าน อนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง แต่ยังไม่มีรายงานการศึกษาวิจัยที่แนะนำปริมาณที่ เหมาะสม ซึ่งหากต้องการกินวิตามินซีที่มากกว่าปริมาณที่แนะนำ สามารถเลือกกินได้ แต่ปริมาณสูงสุด ต้องไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน และนอกจากนี้ เมื่อเรากินวิตามินซีเข้าไปในปริมาณที่มากขึ้น ร่างกาย จะมีร้อยละของการดูดซึมที่ลดลง หากกินวิตามินซีปริมาณ 30-180 มิลลิกรัมต่อวัน ร่างกายดูดซึมได้ ร้อยละ 80-90 แต่ถ้ากินวิตามินซีในปริมาณ 500 มิลลิกรัม ร่างกายดูดซึม ได้ร้อยละ 75 และหากกินใน ปริมาณที่มากกว่า 500 มิลลิกรัม ร่างกายจะดูดซึมได้น้อยลงเรื่อยๆ ตามที่ได้กล่าวไปแล้วว่า วิตามินซีมี ประโยชน์หลายด้าน เช่น การเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย การต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงการเกิด โรคมะเร็ง แต่ยังไม่มีรายงานการศึกษาวิจัยที่แนะนำปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งหากต้องการกินวิตามินซีที่ มากกว่าปริมาณที่แนะนำ สามารถเลือกกินได้ แต่ปริมาณสูงสุดต้องไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน และ นอกจากนี้ เมื่อเรากินวิตามินซีเข้าไปในปริมาณที่มากขึ้น ร่างกายจะมีร้อยละของการดูดซึมที่ลดลง หาก กินวิตามินซีปริมาณ 30-180 มิลลิกรัมต่อวัน ร่างกายดูดซึมได้ร้อยละ 80-90 แต่ถ้ากินวิตามินซีใน ปริมาณ 500 มิลลิกรัม ร่างกายดูดซึม ได้ร้อยละ 75 และหากกินในปริมาณที่มากกว่า 500 มิลลิกรัม

8

ร่างกายจะดูดซึมได้น้อยลงเรื่อยๆ จะเห็นได้ว่าหากเราต้องการวิตามินซีที่เพียงพอกับปริมาณที่แนะนำในแต่ละวัน การกินผักผลไม้ 400 กรัม ช่วยให้เราได้รับวิตามินซีที่เพียงพอ หากต้องการให้เห็นผลโดยการกินวิตามินซีในปริมาณมากก็ควร ทราบไว้ว่า ยิ่งปริมาณวิตามินซีมากขึ้น ร้อยละการดูดซึมจะลดลง และควรกินวิตามินซีไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน เพื่อไม่ให้เกิดผลข้างเคียงที่อาจก่อให้เกิดอันตรายกับร่างกายได้ แหล่งที่มา : https://www.theptarin.com/th/article/detail/57

วิตามินซี ช่วยบำรุงผิวพรรณได้ สำหรับการดูแลสุขภาพเพื่อให้มีผิวพรรณที่สมบูรณ์ การรับประทานผักสดและผลไม้สด ทำให้ผิวสวย เหงือกและฟันแข็งแรง นั่นเพราะ 'วิตามินซี' ในผักและผลไม้ช่วยกระตุ้นระบบการไหลเวียนโลหิตของ ผิว เมื่อเซลล์ผวิ ได้รับอาหารมากก็จะทำงานดีขึ้น ผิวจะดูมีสุขภาพดีและเรียบเนียน วิตามินซียังช่วยเพิ่ม การสังเคราะห์คอลลาเจนในเซลล์ ทำให้ผิวแน่นและยืดหยุ่น ไม่เหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร นอกจากนี้ 'วิตามินซี' ยังช่วยให้แผลหายได้เร็วขึ้น เนื่องจากไปช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมและรักษาตัวเอง โดยไปเสริมสร้างผนังเซลล์ ทำให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรงและต้านการอักเสบ จึงทำให้แผลหายได้เร็วขึ้น

การรับประทาน 'วิตามินซี' จากผักและผลไม้อย่างเดียว อาจจะไม่เพียงพอ เนื่องจาก 'วิตามินซี' เป็นวิตามินที่เสื่อมสลายได้ง่ายเมื่อสัมผัสกับอากาศ ความร้อน หรือความชื้น ดังนั้นเราควรเลือกรับประทานผัก ผลไม้ที่สดใหม่ หรือยิ่งเก็บจากต้นได้จะยิ่งดี โดยที่การรับประทานจาก ผลไม้ เช่น ส้ม 1 ลูกที่เก็บใหม่จากต้น จะมีวิตามินซี ประมาณ 20-40 มิลลิกรัม ซึ่งถ้าเราต้องการให้ ร่างกายได้รับอย่างเพียงพอ เราต้องรับประทานส้มที่เก็บใหม่จากต้นวันละ 2-3 ผล แต่ในความเป็นจริง ไม่สามารถเลือกได้ ดังนั้นปริมาณ 'วิตามินซี' ที่ร่างกายได้รับแต่ละวันจะไม่เพียงพอกับที่ร่างกาย ต้องการ แหล่งที่มา : สมุนไพรใกล้ตัวเสริมสุขภาพและความงงาม ผู้เขียน : สุภัคภิรมย์ สำนักพิมพ์ : ไทยควอลิตี้บุ๊คส์จำกัดมหาชน

9

2.3 ผงวิตามินE

วิตามินอี เป็นวิตามินที่ละลายได้ในไขมัน ช่วยในการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายหลาย ระบบ และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยให้เซลล์ต่างๆ รอดอันตรายจากท็อกซิน ช่วยชะลอความแก่

ประโยชน์ของวิตามินE •



• • • •

เป็นตัวแอนติออกซิแดนท์ คือทำให้เกิดการเผาผลาญโดยมีออกซิเจนเป็นตัวการสำคัญ ทำให้ร่างกายเผาผลาญได้ดี เป็นตัวช่วยไขกระดูกในการสร้างเลือด ช่วยขยายเส้นเลือด ต้านการแข็งตัวของเลือด ลด ความสามารถในการจับตัวเป็นลิ่มเลือด และลดอัตราเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือด สมองและหัวใจ บำรุงตับซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับเลือดมาก ช่วยในระบบสืบพันธุ์ เซลล์ประสาท และกล้ามเนื้อให้ทำงานได้ตามปกติ ช่วยให้ผิวพรรณสดใส และช่วยสมานแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวกให้หายเร็วขึ้น ช่วยให้ปอดทำงานดีขึ้นและไม่อ่อนเพลียง่าย

วิตามินอีมีมากในน้ำมันพืชจากธัญพืชและถัว่ ประเภทเปลือกแข็งและผักใบเขียว การเก็บรักษาให้ วิตามินอีควรเก็บให้พ้นจากความร้อนแสงแดด รวมทั้งออกซิเจนในอากาศ การขัดสี การบด จะทำให้ ธัญพืชสูญเสียวิตามินอีไปจำนวนมาก แหล่งที่มา : https://th.wikipedia.org/วิตามินอี

10

วิตามินอี ดีตอ่ สุขภาพและความงาม วิตามินอี เป็นสารที่จำเป็นต่อร่างกายในด้านสุขภาพ อีกทั้งยังมีประโยชน์ด้านความงาม และเพื่อ การเสริมวิตามินอีท่ีถูกต้องเหมาะสม จึงควรทำความเข้าใจให้มากขึ้น เกี่ยวกับความต้องการ วิตามินอีในร่างกาย และการรับประทานอาหารเสริมวิตามินอีที่เพียงพอ รวมถึงประโยชน์ของ วิตามินอีในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ ยา อาหาร และเครื่องสำอาง

รู้จักกับวิตามินอี วิตามินอี เป็นหนึ่งในวิตามินที่ละลายในไขมันได้ดี ร่างกายจำเป็นต้องใช้วิตามินอีเป็น ส่วนประกอบของเยื่อหุ้มเซลล์ ประโยชน์ของวิตามินอีคือป้องกันการแตกของเม็ดเลือด ป้องกัน การอุดตันของเม็ดเลือด ต่อต้านอนุมูลอิสระ และป้องกันการอักเสบ

ประโยชน์ของวิตามินอี 1. วิตามินอีในรูปแบบยา ช่วยรักษาโรคต่าง ๆ เช่น โรคขาดวิตามินอีในเด็ก ไปจนถึงโรคที่มี การนำวิตามินอีไปใช้นอกข้อบ่งใช้หลัก เช่น โรคปวดปลายประสาทจากการติดเชื้องูสวัด และโรคอัลไซเมอร์ 2. วิตามินอีในรูปแบบอาหารหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ใช้เป็นสารกัน หืนในอาหาร และ ใช้เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อบำรุงร่างกาย 3. วิตามินอีในรูปแบบเครื่องสำอาง ใช้เป็นครีมบำรุงผิว เป็นสารกันหืน สารให้ความชุ่มชื้น แก่ผิว ใช้ผสมในครีมกันแดด เนื่องจากวิตามินอีสามารถกรองรังสี UVB ได้ แหล่งที่มา : https://www.rama.mahidol.ac.th/ramachannel/article/วิตามินอี-ดี ต่อสุขภาพแล/ วิตามินอี เป็นวิตามินที่เรารู้กันดีว่าถ้าอยากมีผิวพรรณเต่งตึง เปล่งปลั่ง ดูอ่อนกว่าวัย ประโยชน์ ของวิตามินอีช่วยตอบโจทย์สิ่งเหล่านี้ให้ได้ ว่าแต่นอกจากเรื่องผิวแล้ว วิตามินอียังช่วยเรื่องอะไรได้อีก บ้าง ลองมารู้จักวิตามินอีให้มากกว่าเดิมกัน พร้อมเช็กด้วยว่าอาหารที่มีวิตามินอีสูงหาได้จากที่ไหนบ้าง

วิตามินอี ประโยชน์ดียังไง ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง วิตามินอี (Vitamin E) หรือโทโคฟีรอล (Tocopherol) เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน จัดเป็นวิตามินที่มี ความสำคัญและมีประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนี้ • มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยปกป้องเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายไม่ให้ถูก ทำลาย และลดโอกาสเกิดภาวะอักเสบในร่างกาย • ช่วยชะลอวัย ดูแลผิวพรรณ

11

ช่วยสมานแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ให้หายเร็วขึ้น • ช่วยป้องกันการแตกของเม็ดเลือดแดง • มีส่วนยับยั้งการจับกันของเกล็ดเลือด ป้องกันการเกิดลิ่มเลือดและการอุดตันของเส้น เลือด • กระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย • ช่วยเสริมการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ รวมไปถึงระบบสืบพันธุ์ของ ร่างกาย แหล่งที่มา : https://health.kapook.com/view258487.html •

12

บทที่ 3 วิธีดำเนินการ การศึกษาค้นคว้าเรื่อง การศึกษาประสิทธิภาพของเจลว่านหางจระเข้ เป็นการศึกษาที่มุ่งศึกษา เกี่ยวกับการศึกษาประสิทธิภาพของเจลว่านหางจระเข้ 6 ด้านดังนี้ (1)ด้านความละเอียดเจลว่านหาง จระเข้ (2)ด้านคุณสมบัติด้านการรักษาแผลของว่านหางจระเข้ (3)ด้านสมานแผลของว่านหางจระเข้ (4)ด้านความสวยงามของผลิตภัณฑ์ (5)ด้านผลลัพธ์ของแผลหลังการใช้งานของเจลว่านหางจระเข้ (6)ด้านภาพรวมของผลิตภัณฑ์ของเจลว่านหางจระเข้ ศึกษาเกี่ยวกับความต้องการและความพึงพอใจใน การใช้ของเจลว่านหางจระเข้ โดยเก็บรวบรวมข้อมูลการประเมินความพึงพอใจจากความคิดเห็นของ นักเรียนและบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนนวมินทราชินทู ศิ สตรีวิทยา ๒ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษามัธยมศึกษาเขต 2 ทางแก้ไขปรับปรุงพัฒนาในจุดบกพร่องของเจลว่านหางจระเข้ เพื่อให้ของ แผลหลังการใช้งานของเจลว่านหางจระเข้ ที่จัดทำมีคุณภาพมากที่สุด ทำการศึกษาค้นว้าโดยมีวิธีการ และขั้นตอนตามลำดับดังนี้ 1. ประชาการและกลุ่มตัวอย่าง 2. เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า 3. การเก็บรวบรวมข้อมูล 4. การวิเคราะห์ข้อมูล 5. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ 6. วัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือ

1. ประชาการและกลุ่มตัวอย่าง ประชาการที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าได้แก่ นักเรียนและบุคลาการทางการศึกษาของโรงเรียนนวมินท ราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 2 กรุงเทพมหานครจำนวน 30 คน

2. เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า วิธีการสร้างเครื่องมือในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ผู้ศึกษาได้ใช้แบบสอบถามที่ผู้ศึกษาจัดทำขึ้นเป็น เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลซึ่งผูศ้ ึกษาได้สร้างแบบสอบถามให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์องค์การ ศึกษาและขอบเขตของการศึกษาซึ่งประกอบด้วยคำถาม 2 ส่วนดังนี้ ส่วนที่ 1 เป็นแบบสอบถาม

13

เกี่ยวกับข้อมูลด้านปัจจัยด้านบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถามมีลักษณะเป็นแบบสอบถามแบบปลายปิด ส่วนที่ 2 เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับคุณภาพและข้อเสนอแนะของเจลว่านหางจระเข้ ตามความคิดเห็น ของนักเรียนและบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒ สังกัดสำนักงานเขต พื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 2 กรุงเทพมหานคร มีลักษณะคำถามเป็นคำถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับตามวิธีของลิเคิร์ท (Likert) คือ น้อยที่สุด น้อย ปานกลาง มากและมากทีส่ ุด โดยมีเกณฑ์การให้ คะแนนและเกณฑ์การจัดระดับ ดังนี้ ระดับความคิดเห็น ค่าน้ำหนักคะแนนของตัวเลือกตอบ น้อยที่สุด กำหนดค่าเท่ากับ 1 คะแนน น้อย กำหนดค่าเท่ากับ 2 คะแนน ปานกลาง กำหนดค่าเท่ากับ 3 คะแนน มาก กำหนดค่าเท่ากับ 4 คะแนน มากที่สุด กำหนดค่าเท่ากับ 5 คะแนน เกณฑ์ในการแปลความหมายค่าร้อยละของคะแนนระดับความเห็นเพื่อจัดระดับคะแนน การศึกษาสภาพการดำเนินกิจกรรมต่างๆกำหนดเป็นช่วงคะแนนดังต่อไปนี้ ช่วงคะแนนร้อยละ 80 คะแนนขึ้นไป = ดีมาก ช่วงคะแนนร้อยละ 70-79 คะแนน = ดี ช่วงคะแนนร้อยละ 60-69 คะแนน = ปานกลาง ช่วงคะแนนร้อยละ 50-59 คะแนน = พอใช้ ช่วงคะแนนร้อยละ 40-49 คะแนน = ปรับปรุง

3.เก็บรวบรวมข้อมูล ในการดำเนินการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลในครัง้ นี้ผู้ศึกษาได้ดำเนินการตามลำดับขั้นตอน ดังนี้ ขอความร่วมมือจากนักเรียนและบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรี วิทยา ๒ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 2 กรุงเทพมหานคร ในการทำแบบสอบถาม เพื่อการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลจากบุคลาการทางการศึกษาโรงเรียนในสังกัด ผู้ศึกษานำคิวอาร์โค้ดไปแปะไว้ในสถานที่ต่างๆในโรงเรียนหรือส่งลิงค์แบบฟอร์มการทำ แบบสอบถามให้กับนักเรียนนักเรียนและบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 2 กรุงเทพมหานคร ในระหว่างวันที่ 16-17 พฤษจิ กายน พ.ศ.2565 ชุดเมื่อถึงกำหนดวันนัดหมายผู้ศึกษาไปตรวจสอบแบบสอบถามในแบบฟอร์มด้วย ตนเองพร้อมตรวจสอบถูกต้อง ความเรียบร้อยความสมบูรณ์ของข้อมูลในการตอบแบบสอบถามในแต่ละ ชุดและจำนวนข้อมูลที่ได้รับ ผู้ศึกษานำแบบสอบถามหรือข้อมูลที่เก็บรวบรวมในแต่ละสถานศึกษาเพื่อ นำไปวิเคราะห์และ แปลผลข้อมูล

14

4. การวิเคราะห์ข้อมูล ผู้ศึกษาค้นคว้าดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูลตามลำดับและผู้ ศึกษาค้นคว้านำข้อมูลมาประมวนผลและวิเคราะห์ด้วยโปรแกรมสำเสร็จรูปทางสถิติโดยใช้สถิติวิเคราะห์ ดังนี้ การวิเคราะห์ข้อมูลตอนที่ 1 สถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถามโดยใช้ความถี่ร้อยละ ตอนที่ 2 ระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับสบู่กระดาษจากเปลือกส้ม จำแนกตามสถานภาพ ได้แก่ นักเรียน ครู บุคคล ทั่วไป และเพศ ได้แก่ ชายและหญิง

5. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ การวิเคราะห์ข้อมูลผู้ศึกษาค้นคว้าได้วิเคราะห์และประมวณผลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปด้วย ระบบคอมพิวเตอร์สถิติที่ใช้ คือ สถิติพรรณนาการหาค่าความถี่ร้อยละค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตราฐานการหาค่าความถี่ โดยวิธีการคำนวณ สูตรการหาค่าร้อยละ =

𝑋 ×100 𝑁

6. วัสดุอปุ กรณ์และเครื่องมือ 6.1.1 อุปกรณ์และเครื่องมือที่ต้องใช้ อุปกรณ์

จำนวน

ภาชนะผสม

1 ใบ

มีด

1 เล่ม

ขวดบรรจุภัณฑ์

2 ขวด

ช้อนตวง

1 ช้อน

5.1.2 วัสดุที่ต้องจัดหา วัสดุ

จำนวน

ว่านหางจระเข้

2 อัน

Bermocoll Gel

1ช้อน

15

วิธีการทำเจลว่านหางจระเข้ 1. ปลอกเปลือกว่านหางจระเข้

2. ใช้เครื่องปั่นว่านหางจระเข้

3. ใส่ถ้วยผสมใส่ Bermocoll Gelและคนให้เท่ากัน

16

การทดลอง นำผลิตภัณฑ์ทไี่ ด้ไปทดสอบโดยการนำไปทาแผล

17

บทที่ 4 ผลการทดลอง การผลิตผลิตภัณฑ์เจลว่านหางจระเข้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนใช้เป็นประจำ คณะผู้จัดทำจึง นำมา แปรรูปเพื่อใช้ประโยชน์อย่างสูงสุด การศึกษาค้นคว้าครั้งนี้เป็นการศึกษาและรวบรวมข้อมูลเพื่อ นำมา จัดทำเป็นโครงงาน ประเภทสิ่งประดิษฐ์โดยหลังจากที่ทำผลิตภัณฑ์เสร็จสมบูรณ์แล้ว ทางคณะ ผู้จัดทำ จึงได้นำผลิตภัณฑ์มาให้นักเรียนและคุณครูภายในโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒ ได้ทดลองใช้ และ ทำแบบประเมิณ ความพึงพอใจต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์และร่วมกันเสนอข้อเสนอแนะ ซึ่ง ประชากรใน การค้นคว้าครั้งนี้มีนักเรียนจำนวน 4 คน ประเมิณกลับคืนมาจำนวน 4 ชุด คิดเป็นร้อยละ 100 ใน การสรุปผลการวิเคราะห์ข้อมูล มีหวั ข้อ ดังต่อไปนี้ 4.1 วิเคราะห์ขอ้ มูลทั่วไปของนักเรียนภายในโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒ 4.2 วิเคราะห์คะแนนความพึงพอใจต่อเจลว่านหางจระเข้ของนักเรียนภายในโรงเรียน นวมินท ราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒ 4.1 วิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปของนักเรียนภายในโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒ ตารางที่ 4.1 ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม รายการ

ข้อมูลส่วนตัว ครู

จำนวน 8

ร้อยละ 15

นักเรียน

47

85

สถานะ

จากตารางที่ 1 พบว่าข้อมูลพื้นฐานของนักเรียนภายในโรงเรียน มีดังนี้ 1.ระดับชั้น ผู้ทำแบบทดสอบถามส่วนมากอยู่ในสถานะนักเรียน ร้อยละ 85 และ ถัดมาคือ ครู ร้อยละ 15

18

4.2 วิเคราะห์คะแนนความพึงพอใจต่อสบู่กระดาษจากเปลือกส้มของนักเรียนภายใน โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒ ตารางที่ 4.2 การวิเคราะห์ผลรวมความพึงพอใจต่อเจลว่านหางจระเข้ ระดับความพึงพอใจ ลำดับ

รายการประเมิน

ดีมาก [5]

ดี [4]

1

ผิวสัมผัสเป็นเนื้อ เดียวกัน เจลว่านหางจระเข้ สามารถบำรุงผิว ผู้ใช้มีการแพ้เจล

13

33

ปาน กลาง [3] 8

14

32

9

ว่านหางจระเข้และ วิตามินที่ใช้สามารถ บรรเทาอาการน้ำร้อน ลวก วัสดุที่ใช้ในการทำมี คุณภาพ ว่านหางจระเข้เป็น สมุนไพรที่บรรเทา อาการไฟไหม้เบื่องต้น ผลิตภัณฑ์สามารถฆ่า เชื้อ ผลิตภัณฑ์มีความ อ่อนโยนต่อผิว ผลิตภัณฑ์มีความ ปลอดภัยต่อร่างกาย ผลิตภัณฑ์มีสรรพคุณ สมานแผล

2 3 4

5 6

7 8 9 10

พอใช้ ปรับปรุง ร้อยละ แปลผล [2] [1] 1

0

81.09

ดีมาก

8

1

0

81.45

ดีมาก

6

8

3

30

46.90 ปรับปรุง

20

26

9

0

0

84

ดีมาก

15

29

10

1

0

81.09

ดีมาก

21

23

11

0

0

83.63

ดีมาก

17

25

13

0

0

81.45

ดีมาก

18

25

12

0

0

80.36

ดีมาก

17

29

9

0

0

89.20

ดีมาก

19

25

11

0

0

82.90

ดีมาก

79.2

ดี

รวม

19

เกณฑ์การให้คะแนน ช่วงคะแนนร้อยละ 80 คะแนนขึ้นไป = ดีมาก ช่วงคะแนนร้อยละ 70-79 คะแนน = ดี ช่วงคะแนนร้อยละ 60-69 คะแนน = ปานกลาง ช่วงคะแนนร้อยละ 50-59 คะแนน = พอใช้ ช่วงคะแนนร้อยละ 49 คะแนนลงมา = ปรับปรุง จากตารางการวิเคราะห์ผลความพึงพอใจต่อเจลว่านหางจระเข้ทั้ง 10 ข้อ พบว่า ภาพรวมของผลิตภัณฑ์อยู่ในเกณฑ์ดีมาก โดยด้านที่มีคะแนนมากที่สุด คือ ผลิตภัณฑ์มคี วาม ปลอดภัยต่อร่างกาย มีค่าร้อยละ 89.20 รองลงมาคือ ผลลัพธ์หลังการใช้ ด้านผลิตภัณฑ์ สามารถฆ่าเชื้อ มีค่าร้อยละ 80.36 และด้านที่เหลือมีระดับคะแนนอยู่ที่นอ้ ยและดีมาก

ข้อเสนอแนะ ความเห็นส่วนใหญ่ชื่นชมและชอบในประโยชน์ที่หลากหลาย

20

บทที่ 5 สรุปผล อภิปราย และข้อเสนอแนะ การศึกษาการทำเจลว่านหางจระเข้ มีวัตถุประสงค์4 ข้อ คือ (1)ศึกษาวิธีการทำเจลว่านหาง จระเข้ (2)ศึกษาคุณสมบัติของว่านหางจระเข้ (3)ศึกษาคุณสมบัติของเจลว่านหางจระเข้ (4)นำทรัพยากร ท้องถิ่นมาใช้ให้ เกิดประโยชน์และสามารถประมวลผลได้ ดังนี้ กลุ่มเป้าหมายที่เราใช้ในการศึกษาครั้งนี้ เป็นนักเรียนโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา๒ เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาคือ แบบสอบถามความคิดเห็นความพึงพอใจในการใช้เจลว่านหางจระเข้ โดย แบบสอบถามคือ Google Form ซึ่งเรานั้นได้ส่งลิงก์แบบสอบถาม โดยมีคำถามสำรวจจำนวน 10 ข้อ การวิเคราะห์ข้อมูลผู้ศึกษาได้วิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้สถิติทใี่ ช้ในการศึกษาครั้งนี้คือการหาร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

สรุปผลการศึกษาทดลอง จากการศึกษาทดลองการทำเจลว่านหางจระเข้ สามารถสรุปได้ว่าเจลว่านหางจระเข้จะมี ความสามารถในการฆ่าเชื้อ ซึ่งเจลว่านหางจระเข้จะมีเศษเนื้อเยื่อว่านหางจระเข้เล็กๆที่ไม่ละเอียก อาจ เนื่องจากว่านหางจระเข้ไม่ได้เป็นสารแต่เป็นเนื้อเยื่อซึ่งไม่สามารถละลายได้ละเอียกมาก แต่ว่านหาง จระเข้ก็มีเพียงเล็กน้อยไม่ได้ส่งผลกระทบต่อคุณภาพเจลว่านหางจระเข้มาก

อภิปราย จากการศึกษาค้นคว้าเรื่องการทำเจลว่านหางจระเข้ ตามความคิดเห็นจากนักเรียนและครู ภายในโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา๒ สามารถอภิปรายได้ดังนี้ จากการสอบถามความคิดเห็นความพึงพอใจของนักเรียนภายในโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรี วิทยา๒ ในเรื่องการทำเจลว่านหางจระเข้ พบว่าอยู่ในระดับดีมาก

ข้อเสนอแนะ จากการศึกษาข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลจากผลสำรวจมีขอ้ เสนอแนะดังนี้ 1. ผลิตภัณฑ์มีประโยชน์ที่หลากหลายน่าใช้ 2. ควรปรังปรุงส่วนผสมให้มีผู้แพ้น้อยลง

21

บรรณานุกรม เครื่องดื่มและน้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพ ผู้เขียน : รศ. จริยา เดชกุญชร สำนักพิมพ์ : เพชรการเรือน [สืบค้น 12 กรกฎาคม 2565] สมุนไพรในงานสาธารณสุขมูลฐาน ผู้เขียน : รศ. พิรมน การย์กุลวิทิต สำนักพิมพ์ : โปร แอมไพน์ จำกัดมหาชน [สืบค้น 12 กรกฎาคม 2565] สมุนไพรใกล้ตวั เสริมสุขภาพและความงงาม ผู้เขียน : สุภัคภิรมย์ สำนักพิมพ์ : ไทยควอลิตี้บุ๊คส์จำกัด มหาชน [สืบค้น 12 กรกฎาคม 2565] สมุนไพรในงานสาธารณสุขมูลฐาน.(2542).(ออนไลน์).ได้จาก: http://www.mh.go.th /dmh/dublin.php?ID=5283#.Y7667X1Bw2w [สืบค้น 9 ธันวาคม 2565] เครื่องดื่มและน้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพ.(2552).(ออนไลน์).ได้จาก https://www.m.seed.com/Detail/เครื่องดื่มและน้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพ/9786167004020 [สืบค้น 9 ธันวาคม 2565] ว่านหางจระเข้.(2565).[ออนไลน์].ได้จาก: https://th.wikipedia.org/wiki/ว่านหางจระเข้ [สืบค้น 10 ธันวาคม 2565] ประโยชน์ทางยา.(2565).[ออนไลน์].ได้จาก: https://pharmacy.su.ac.th/herbmed/herb /text/herb_detail.php?herbID=202 [สืบค้น 10 ธันวาคม 2565] ประโยชน์ภายนอก ประโยชน์ภายใน.(2565).[ออนไลน์].ได้จาก: https://www.eitanic-oem.com/ ว่านหางจระเข้ [สืบค้น 10 ธันวาคม 2565] กินวิตามินซีอย่างไร จึงจะเพียงพอกับความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน.(2565).[ออนไลน์]. ได้จาก: https://www.theptarin.com/th/article/detail/57 [สืบค้น 10 ธันวาคม 2565] วิตามินซี ช่วยบำรุงผิวพรรณได้.(2565).[ออนไลน์].ได้จาก: https://www.megawecare.co.th/ content/4604/vitamin-c-the-basic-vitmain [สืบค้น 10 ธันวาคม 2565] วิตามินซี.(2565).[ออนไลน์].ได้จาก: https:// th.wikipedia.org/wiki/วิตามินซี [สืบค้น 10 ธันวาคม 2565]

22

วิตามินอี.(2565).[ออนไลน์].ได้จาก: https://th.wikipedia.org/วิตามินอี [สืบค้น 10 ธันวาคม 2565] วิตามินอี ดีต่อสุขภาพและความงาม รู้จักกับวิตามินอี.(2565).[ออนไลน์].ได้จาก: https://www.rama.mahidol.ac.th/ramachannel/article/วิตามินอี-ดีต่อสุขภาพแล/ [สืบค้น 10 ธันวาคม 2565] วิตามินอี ประโยชน์ดียังไง ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง.(2565).[ออนไลน์].ได้จาก: https:// health.kapook.com/view258487.html [สืบค้น 10 ธันวาคม 2565]

23

ภาคผนวก

24

ภาพที่ 1 ปลอกเปลือกว่านหางจระเข้

ภาพที่ 2 ใช้เครื่องปั่นว่านหางจระเข้

ภาพที่ 3 ใส่ถ้วยผสมใส่ Bermocoll Gelและคนให้เท่ากัน

25

ภาพที่ 4 ตัวอย่าง Google Forms แบบสอบถามความพึงพอใจ

26

ประวัติผู้ศกึ ษาค้นคว้า ชื่อ-นามสกุล

นาย ปาราเมศ ป้องวัน

วัน/เดือน/ปีเกิด

20 ธันวาคม 2548

ที่อยู่ปัจจุบัน

612/2 ม.เอื้ออาทรหทัยราษฎร์ แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร 10510

ตำเเหน่งหน้าที่การงาน

นักเรียนโรงเรียนนวมินทราชินทู ศิ สตรีวทิ ยา ๒

สถานที่ศึกษาปัจจุบัน

โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒ สำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษามัธยมเขต 2

ประวัติการศึกษา ระดับประถมศึกษา

โรงเรียนสุดใจวิทยา จังหวัดกรุงเทพมหานคร

ระดับมัธยมศึกษา

โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒

27

ประวัติผู้ศกึ ษาค้นคว้า ชื่อ-นามสกุล

นาย นิพพิชฌน์ ทรัพย์แตง

วัน/เดือน/ปีเกิด

18 ธันวาคม 2548

ที่อยู่ปัจจุบัน

94/23 ม.ฟลอร่าวิลล์ ถนนสุวินทวงศ์ แขวงลำผักชี เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร 10530

ตำเเหน่งหน้าที่การงาน

นักเรียนโรงเรียนนวมินทราชินทู ศิ สตรีวทิ ยา ๒

สถานที่ศึกษาปัจจุบัน

โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒ สำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษามัธยมเขต 2

ประวัติการศึกษา ระดับประถมศึกษา

โรงเรียนวัดบัวแก้ว จังหวัดกรุงเทพมหานคร

ระดับมัธยมศึกษา

โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒

28

ประวัติผู้ศกึ ษาค้นคว้า ชื่อ-นามสกุล

นาย พิชชากร บุษยากร

วัน/เดือน/ปีเกิด

2 มีนาคม 2549

ที่อยู่ปัจจุบัน

40/557 K.C.รามอินทรา8 ถนนไทยรามัญ แขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร 10510

ตำเเหน่งหน้าที่การงาน

นักเรียนโรงเรียนนวมินทราชินทู ศิ สตรีวทิ ยา ๒

สถานที่ศึกษาปัจจุบัน

โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒ สำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษามัธยมเขต 2

ประวัติการศึกษา ระดับประถมศึกษา

โรงเรียนขุมทองวิทยา จังหวัดกรุงเทพมหานคร

ระดับมัธยมศึกษา

โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒

29

ประวัติผู้ศกึ ษาค้นคว้า ชื่อ-นามสกุล

นางสาวศศิมาศ บุญธรรม

วัน/เดือน/ปีเกิด

7 เมษายน 2549

ที่อยู่ปัจจุบัน

23/4 แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร 10530

ตำเเหน่งหน้าที่การงาน

นักเรียนโรงเรียนนวมินทราชินทู ศิ สตรีวทิ ยา ๒

สถานที่ศึกษาปัจจุบัน

โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒ สำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษามัธยมเขต 2

ประวัติการศึกษา ระดับประถมศึกษา

โรงเรียนเซนต์เทเรซา

ระดับมัธยมศึกษา

โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒

Get in touch

Social

© Copyright 2013 - 2024 MYDOKUMENT.COM - All rights reserved.