(8.) คู่มือพนักงาน 2022 Flipbook PDF


55 downloads 123 Views 262KB Size

Story Transcript

กฎระเบียบและข้ อบังคับเกีย่ วกับการทางาน บริษัท รันเนอร์ อินดัสทรี (ประเทศไทย) จากัด สถานทีต่ ้งั

บริษัท รันเนอร์ อินดัสทรี (ประเทศไทย) จากัด เลขทีต่ ้งั 7 /356 หมู่ 6 ตาบลมาบยางพร อาเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง 21140 ประวัฒิย่อ บริษัทรันเนอร์ อินดัสทรี(ประเทศไทย) จากัด บริษัทรันเนอร์ อินดัสทรี เป็ นบริษัทในเครื อ รันเนอร์ กรุ๊ป ในประเทศจีน ซึ่งได้ เพิม่ ฐานการผลิตที่ประเทศไทย บริษัท รันเนอร์ อินดัสทรี(ประเทศ ไทย)จากัด ก่อตั้งขึน้ วันที่ 22 เมษายน 2562 เป็ นครั้งแรก ประเภทกิจการ ประกอบอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ พลาสติก สินค้าภายในครัวเรื อน เครื่ องสุ ขภัณฑ์ ผลิตโลหะ อะไหล่ยานยนตร์ เป็ นต้น

VISION : RUNNER INSIDE , MY HOME MISSION : CORE VALUE : Solid team , Steady growth , Customer Satisfaction , Sustainable Development หมวดที่ 1 บททั่วไป ข้อบังคับในการทางานฉบับนี้ ถือว่าเป็ นส่วนหนึ่งของนโยบายการทางานร่ วมกันของบริ ษทั รันเนอร์ อินดัสทรี (ประเทศไทย) จากัด ซึ่ง พนักงานทุกคนทุกตาแหน่งงาน ทุกระดับชั้นต้องให้ความเคารพ และต้องปฏิบตั ิตามอย่างเคร่ งครัด เพื่อให้เกิดความเป็ นระเบียบเรี ยบร้อย เสริ มสร้างประสิ ทธิภาพ และประสิ ทธิผลในการทางานร่ วมกันต่อไป 1. ข้อบังคับเกี่ยวกับการทางานฉบับนี้ ให้ใช้บงั คับเฉพาะพนักงานบริ ษทั รันเนอร์ อินดัสทรี (ประเทศไทย) จากัด. ระเบียบข้อบังคับในการ ทางาน หมายถึง กฎระเบียบ ข้อบังคับที่บญั ญัติไว้ในระเบียบข้อบังคับในการทางานและเงื่อนไขในการจ้างงารวมทั้ง กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ หรื อคาสัง่ ของบริ ษทั ฯ ที่ออกใช้แก่พนักงานเฉพาะเรื่ อง หรื อเฉพาะส่วนงาน โดยไม่แย้งหรื อขัดกับระเบียบ ข้อบังคับเกี่ยวกับการทางานฉบับนี้ 2. คาจากัดความต่อไปนี้ หากมิได้มีขอ้ ความแสดงให้เห็นเป็ นอย่างอืน่ ให้มีความหมาย ดังเช่นที่ระบุไว้แล้ว 2.1. บริ ษทั ฯ หมายถึง บริ ษทั รันเนอร์ อินดัสทรี (ประเทศไทย) จากัด ซึ่งมีสถานะเป็ นนิติบคุ คล หรื อผูท้ ี่มีอานาจกระทาการแทน บริ ษทั ฯ หรื อบุคคลที่ได้รับมอบหมายให้กระทาการแทนบริ ษทั ฯ 2.2. ผูบ้ งั คับบัญชา หมายความว่า บุคคลซึ่งได้รับมอบหมายจากบริ ษทั ฯ ให้มีอานาจออกคาสั่งในการปฏิบตั ิงานให้เป็ นไปตาม แนวนโยบายของบริ ษทั ฯ และควบคุมดูแลพนักงานให้อยูใ่ นระเบียบวินยั อันดี เป็ นลาดับขั้นขึ้นไป จนถึงกรรมการและประธาน กรรมการบริ ษทั 2.3. พนักงาน หมายความว่า บุคคลที่บริ ษทั ฯ ได้รับเข้าทางานโดยผ่านขั้นตอนตามระเบียบหรื อวิธีการต่างๆ ตามที่บริ ษทั ฯ ได้กาหนด ไว้ และได้รับผลตอบแทนเป็ นค่าจ้าง / เงินเดือน 2.4. พนักงานรายเดือน หมายความว่า พนักงานที่บริ ษทั ฯ ตกลงจ้างเป็ นรายเดือนที่ได้ผา่ นการทดลองงาน และได้รับการบรรจุเป็ น พนักงานบริ ษทั ฯ 2.5. พนักงานรายวัน หมายความว่า พนักงานที่บริ ษทั ฯ ตกลงจ้างโดยคิดค่าจ้างเป็ นรายวัน 2.6. พนักงานทดลองงาน หมายความว่า พนักงานที่อยูใ่ นระยะเวลาทดลองงานตามที่บริ ษทั แจ้งให้ทราบแต่แรก เป็ นลายลักษณ์อกั ษร ว่าต้องทดลองปฏิบตั ิงาน ส่วนระยะเวลาทดลองปฏิบตั ิงานจะเท่ากับจานวนวันที่แจ้งในสัญญาจ้าง แต่ไม่เกิน หนึ่งร้อยสิ บเก้าวัน 1

2.7. วันทางาน หมายความว่า วันที่บริ ษทั ฯ กาหนดให้พนักงานทางานปกติ 2.8. วันหยุด หมายความว่า วันที่บริ ษทั ฯ กาหนดให้พนักงานหยุดประจาสัปดาห์ หยุดตามประเพณี หรื อหยุดพักผ่อนประจาปี 2.9. วันลา หมายความว่า วันที่บริ ษทั ฯ อนุมตั ิให้พนักงานลาหยุด ซึ่งต้องเป็ นไปตามระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการลาของบริ ษทั ฯ 2.10. ค่าจ้าง หมายความว่า ค่าตอบแทนการทางานที่เป็ นเงินเดือนหรื อเงินรายวัน 2.11. บริ เวณบริ ษทั ฯ หมายถึง อาคารโรงงาน อาคารสานักงาน สถานที่โดยรอบ หรื อบริ เวณที่บริ ษทั จัดเตรี ยมไว้เพื่อประโยชน์ของ บริ ษทั ฯ หรื อของพนักงาน และไม่ว่าบริ ษทั ฯ จะเป็ นเจ้าของบริ เวณ / สถานที่น้ นั หรื อไม่ก็ตาม และยังให้รวมถึงที่ดิน หรื อสิ่ งปลูก สร้างที่เป็ นทรัพย์สินบริ ษทั ฯ ในอนาคต ไม่ว่าสิ่ งปลูกสร้างที่เป็ นทรัพย์สินนั้นจะมีร้ ัวกั้นอาณาเขตหรื อไม่ก็ตาม 2.12. ประกาศบริ ษทั ฯ หมายถึง ข้อความที่บริ ษทั ฯ ได้ประกาศเพื่อให้พนักงานทุกคนได้รับทราบหรื อปฏิบตั ิ ในรู ปแบบต่างๆ โดย กรรมการผูจ้ ดั การ ผูท้ ี่มีอานาจลงนาม หรื อผูท้ ี่ได้รับมอบอานาจให้ดาเนินการแทนได้ลงลายมือชื่อในประกาศฉบับนั้น และถือว่า เป็ นส่วนหนึ่งของข้อบังคับเกี่ยวกับการทางานของบริ ษทั ฯ ด้วย 3. การจ้างงาน 3.1. ในการสมัครงาน ผูส้ มัครจะต้องยืน่ หรื อแสดงเอกสารที่เป็ นจริ งตามที่บริ ษทั ฯ กาหนดและเมื่อบริ ษทั ฯ ร้องขอผูส้ มัครจะต้องยื่น เอกสารต่างๆ ที่จาเป็ น ทั้งนี้เพื่อเข้าทาสัญญาจ้างกับบริ ษทั ฯ เมื่อบริ ษทั ฯ ทาสัญญาจ้างกับพนักงานแล้วหากบริ ษทั ฯ พบว่าเอกสาร หลักฐานหรื อข้อความที่พนักงานได้ให้ไว้กบั บริ ษทั ฯ ในส่วนที่เป็ นสาระสาคัญเป็ นเท็จให้ถือว่าสัญญาที่จา้ งเป็ นโมฆะ พนักงาน จะเรี ยกร้องสิทธิใดๆ ตามสัญญาจ้างดังกล่าวมิได้ 3.2. พนักงานจะต้องแจ้งถึงการเปลี่ยนแปลงข้อมูลต่างๆ ของตนในเอกสารข้างต้นให้ บริ ษทั ฯ ทราบโดยมิชกั ช้า 4. การทดลองงาน 4.1. พนักงานทุกคนที่บริ ษทั ฯ รับเข้าทางานจะต้องผ่านการทดลองงาน เป็ นระยะเวลาไม่เกิน หนึ่งร้อยสิ บเก้าวัน ยกเว้นกรณี ที่มี ข้อตกลงเป็ นลายลักษณ์อกั ษรเป็ นอย่างอื่น 4.2. พนักงานที่อยูใ่ นระหว่างทดลองงาน จะต้องปฏิบตั ิตามระเบียบของบริ ษทั ฯ อย่างเคร่ งครัด เช่นเดียวกับพนักงานรายวัน หรื อราย เดือนที่ได้รับการบรรจุแล้ว และผูบ้ งั คับบัญชาโดยตรงจะเป็ นผูป้ ระเมินผลงานของพนักงานตามระยะเวลา และวิธีการที่ทาง บริ ษทั ฯ ได้กาหนดไว้ 4.3. ในระยะเวลาการทดลองงานดังกล่าว หากบริ ษทั ฯ เห็นว่าพนักงานผูน้ ้ นั มีผลงานอยูใ่ นระดับที่ไม่น่าพอใจ หรื อมีขอ้ บกพร่ อง เกี่ยวกับอุปนิสัยทัว่ ไป และความประพฤติหรื อมีเหตุผลเพียงพอที่ไม่ควรรับเข้าทางาน บริ ษทั ฯ จะแจ้งการเลิกจ้างให้พนักงานผู ้ นั้นทราบเป็ นลายลักษณ์อกั ษรโดยแจ้งให้ทราบล่วงหน้าหนึ่งงวดค่าจ้าง และจะไม่จ่ายค่าชดเชยแต่ประการใด ในทางตรงกันข้าม หากพนักงาน ผูใ้ ดที่ได้ผา่ นการทดลองงานโดยมีผลงานเป็ นที่น่าพอใจจะได้รับการบรรจุเป็ นพนักงานรายเดือน หรื อรายวันของ บริ ษทั ฯ โดยจะได้รับหนังสื อยืนยันจากบริ ษทั ฯ อีกครั้งหนึ่ง 4.4. ในระยะเวลาการทดลองงาน หากลูกจ้างกระทาผิดอย่างใดอย่างหนึ่งตามมาตรา 119 บริ ษทั สามารถเลิกจ้าง โดยไม่ตอ้ งบอก ล่วงหน้าโดยไม่จ่ายค่าชดเชยใดๆ หมวดที่ 2 การว่าจ้ าง การบรรจุ บริ ษทั ฯ จะว่าจ้างบุคคลเข้าทางานโดยผ่านการคัดเลือก สอบคัดเลือก หรื อวิธีการอื่นใด โดยยึดหลักความเสมอภาคเท่าเทียมกันพิจารณา จากประสบการณ์ ความรู ้ ความสามารถ รวมถึงหลักฐานข้อมูลต่างๆ ของบุคคลนั้นๆ ตามความเหมาะสมกับตาแหน่งหน้าที่การงาน ซึ่งบริ ษทั ฯ จะเป็ นผูก้ าหนด โดยผูส้ มัครจะต้องกรอกรายละเอียด ในการสมัครงานตามที่บริ ษทั ฯ ได้กาหนดไว้ และต้องรับรองข้อความที่ได้ให้ไว้กบั บริ ษทั ฯ ว่าเป็ นความจริ งทุกประการ และบริ ษทั ฯ จะถือว่าใบสมัครงานนั้น เป็ นเอกสารสาคัญในการพิจารณาและคัดสรรบุคคลเข้าทางาน หากพบว่ามี ข้อความเป็ นเท็จ บริ ษทั ฯ สามารถบอกเลิกสัญญาจ้างได้ทนั ที 1. ประเภทของพนักงาน เพื่อให้เกิดความเหมาะสมกับนโยบายและการบริ หารของบริ ษทั จึงกาหนดลักษณะการจ้างงานไว้ 3 ประเภท ดังนี้ 2

2.

3. 4.

1. 2.

3.

4. 5. 6. 7.

1.1 พนักงานทดลองงาน หมายถึง พนักงานที่บริ ษทั ฯ ตกลงจ้างไว้เพือ่ เป็ นพนักงานประจา นับตั้งแต่อยูใ่ นระหว่างการทดลองงาน ตามระเบียบ หรื อตามหลักเกณฑ์ของบริ ษทั ฯ 1.2 พนักงานประจา หมายถึง พนักงานที่บริ ษทั ฯ ตกลงจ้างไว้เพื่อเป็ นพนักงานประจานับตั้งแต่วนั แรกที่เข้าทางานและให้ รวมทั้ง พนักงานที่ได้ผา่ นการทดลองงานครบตามเงื่อนไขแล้ว และได้รับการบรรจุดว้ ยแล้ว 1.3 พนักงานสัญญาจ้างพิเศษ หมายถึง พนักงานที่บริ ษทั ฯ ตกลงจ้างไว้โดยมีระยะเวลาการเริ่ มต้นการจ้าง และการสิ้นสุ ดการจ้างที่ แน่นอนและชัดเจน ซึ่งมีลกั ษณะเป็ นงานโครงการ เป็ นครั้งคราว หรื อเป็ นไปตามฤดูกาล อันแตกต่างไปจาก ลักษณะการจ้าง โดยทัว่ ไป การทดลองงาน พนักงานทุกตาแหน่งที่บริ ษทั ฯ ตกลงว่าจ้างเข้าทางาน จะต้องผ่านการทดลองงานตาม เงื่อนไขที่ได้กาหนดไว้ โดยจะมี ระยะเวลาการทดลองงานไม่เกิน 119 วัน เว้นแต่จะมีการตกลงไว้เป็ นกรณี พิเศษซึ่งอาจมีนอ้ ยกว่า 119 วัน ก็ได้ ทั้งนี้ให้ข้ นึ อยูก่ บั ดุลย พินิจของบริ ษทั ฯ อายุพนักงาน พนักงานที่บริ ษทั ฯ ตกลงรับเข้าทางานกับบริ ษทั ฯ จะต้องมีอายุไม่นอ้ ยกว่า 15 ปี และต้องไม่เกิน 60 ปี เว้นแต่กรณี พิเศษ เฉพาะราย ทั้งนี้ข้ นึ อยูก่ บั ดุลยพินิจของบริ ษทั ฯ สัญญาจ้างงาน พนักงานที่บริ ษทั ฯ ตกลงรับเข้าทางาน จะต้องทาสัญญาจ้างงานตามเงื่อนไขที่บริ ษทั ฯ ได้กาหนดไว้ 4.1. พนักงานที่ผา่ นการทดลองงานและบริ ษทั ฯ ตกลงจ้างไว้ทางานต่อไป จะต้องทาสัญญาจ้างงานตามแบบสัญญาจ้างที่กาหนด กับ บริ ษทั ฯ ทั้งนี้ลกั ษณะงาน และหลักเกณฑ์เป็ นไปตามกฎหมายกาหนด 4.2. พนักงานจะต้องจัดให้มีเอกสารประกอบการจ้างอย่างถูกต้อง และครบถ้วนตามที่บริ ษทั ฯ กาหนดสัญญาดังกล่าว บริ ษทั ฯ จะ จัดเก็บเป็ นทะเบียนประวัติพนักงาน 4.3. การเปลี่ยนแปลงสถานะภาพของบุคคล เช่น เปลี่ยนชื่อ นามสกุล การสมรส ย้ายที่อยู่ เป็ นต้น ให้พนักงานแจ้งแผนกบุคคลฯ และ พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องภายใน15วัน เพื่อแก้ไขระเบียบประวัติให้ถูกต้องตรงกับความเป็ นจริ งต่อไป หมวดที่ 3 วันทางาน เวลาทางานปกติ และเวลาพัก บริ ษทั ฯ กาหนดให้พนักงานมีวนั ทางาน เวลาทางานปกติ และเวลาพัก ดังนี้ วันทางานปกติ สัปดาห์ละ 6 วัน ดังนี้ วันทางานปกติ วันจันทร์ – วันเสาร์ เวลาทางานปกติ บริ ษทั กาหนดให้มีเวลาทางานวันละ 8 ชัว่ โมง ดังนี้ 2.1. พนักงานปกติ เวลาทางาน เวลา 08.00 น.- 17.00 น. 2.2. พนักงานกะ เวลาทางานกะดึก เวลา 20.00 น.- 05.00 น. เวลาพัก บริ ษทั ฯ กาหนดให้มีเวลาพัก ดังนี้ 3.1. พนักงานปกติ เวลาพักเวลา 12.00 น.- 13.00 น. พักเบรค 10.00-10.10 น. และ 15.00-15.10 น. 3.2. พนักงานกะ เวลาพักเวลา 24.00 น. – 01.00น. พักเบรค 22.00-22.10 น. และ 03.00-03.10 น. หมายเหตุ ช่วงพักเบรคอาจมีการเปลี่ยนแปลงเวลาพักตามลักษณะหน้างานของแต่ละส่วนงาน วันทางานพิเศษ สาหรับหน่วยงานที่จาเป็ นบริ ษทั ฯ อาจพิจารณาเปลี่ยนแปลงเวลาทางาน เวลาพัก และเวลาเลิกงานเป็ นอย่างอื่นเป็ น กรณี พเิ ศษตามความเหมาะสม ทั้งนี้บริ ษทั ฯ จะประกาศให้พนักงานทราบล่วงหน้า กรณี ที่มีการทางานล่วงเวลาต่อจากเวลาทางานปกติ จะจัดเวลาพักก่อน การทางานล่วงเวลาอย่างน้อย 30 นาที การทางานล่วงเวลาของพนักงาน ต้องได้รับอนุมตั ิจากผูบ้ งั คับบัญชาต้นสังกัดก่อนจึงจะปฏิบตั ิงานได้ และให้เป็ นไปตามระเบียบว่าด้วย การเข้าทางานล่วงเวลา การทางานในวันหยุด บริ ษทั ฯ จะจัดให้พนักงานที่มาทางานในวันหยุดมีเวลาทางานและเวลาพัก เช่นเดียวกับการทางานในวันทางาน ปกติ ทั้งนี้เว้นแต่บริ ษทั ฯ จะพิจารณาเป็ นอย่างอื่น 3

8. เพื่อความเหมาะสมกับสภาพการทางานบริ ษทั ฯ อาจกาหนดวันทางาน เวลาทางาน และเวลาพักให้แตกต่างไป จากที่กล่าวมาในข้อ 1,2,3 ตามที่บริ ษทั ฯ จะเห็นสมควรทั้งนี้ให้อยูภ่ ายใต้ขอ้ บังคับของกฎหมาย หมวดที่ 4 วันหยุด และหลักเกณฑ์ การหยุด เพื่อให้วนั หยุดประจาปี บริ ษทั ฯ สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติคมุ้ ครองแรงงาน พ.ศ. 2541 บริ ษทั จึงกาหนดวันหยุดไว้ ดังนี้ 1. วันหยุดประจาสัปดาห์ 1.1. บริ ษทั ฯ กาหนดให้มีวนั หยุดประจาสัปดาห์ๆ ละ 1 วัน คือ วันอาทิตย์ 1.2. กรณี ที่บริ ษทั ฯ มีเหตุจาเป็ น อาจสับเปลี่ยนวันหยุดประจาสัปดาห์ให้เป็ นวันอื่นก็ได้ โดยบริ ษทั ฯ จะแจ้งให้พนักงานทราบล่วงหน้า อย่างน้อย 3 วัน 2. วันหยุดตามประเพณี 2.1. บริ ษทั ฯ กาหนดให้มีวนั หยุดตามประเพณี ในรอบปี ปฏิทินปี ละ 13 วัน (รวมวันแรงงานแห่งชาติ) โดยบริ ษทั ฯ จะประกาศให้ทราบ ล่วงหน้าก่อนวันขึ้นปี ใหม่ พนักงานจะได้รับค่าจ้างเท่ากับวันทางานปกติ 2.2. วันหยุดตามประเพณี วนั ใดตรงกับวันหยุดประจาสัปดาห์ บริ ษทั ฯ จะเลื่อนวันหยุดตามประเพณี ไปหยุดชดเชยในวันทางานถัดไป 2.3. วันหยุดตามประเพณี น้ นั บริ ษทั ฯ จะพิจารณาจากวันหยุดราชการประจาปี วันหยุดทางศาสนา หรื อวันหยุดตามขนบธรรมเนียม ประเพณี แห่งท้องถิ่น 2.4. บริ ษทั ฯ จะประกาศวันหยุดประจาปี ให้พนักงานทราบเป็ นการล่วงหน้าภายในเดือนธันวาคมของทุกปี 2.5. พนักงานที่ทางานกับบริ ษทั ฯ ติดต่อกันครบ 1 ปี นับแต่วนั เริ่ มเข้าทางาน มีสิทธิหยุดพักผ่อนประจาปี ได้ดงั นี้ 3.1.1 ทางานครบ 1 ปี ขึ้นไป มีสิทธิหยุดพักผ่อนประจาปี ได้ 6 วันทางาน โดยได้รับค่าจ้างเท่ากับวันทางานปกติ 3.1.2 ทางานครบ 3 ปี ขึ้นไป มีสิทธิหยุดพักผ่อนประจาปี ได้ 7 วันทางาน โดยได้รับค่าจ้างเท่ากับวันทางานปกติ 3.1.3 ทางานครบ 6 ปี ขึ้นไป มีสิทธิหยุดพักผ่อนประจาปี ได้ 8 วันทางาน โดยได้รับค่าจ้างเท่ากับวันทางานปกติ 3.1.4 ทางานครบ 10 ปี ขึ้นไป มีสิทธิหยุดพักผ่อนประจาปี ได้ 9 วันทางาน โดยได้รับค่าจ้างเท่ากับวันทางานปกติ 2.6. บริ ษทั ฯ ไม่อนุญาตให้พนักงานนาวันหยุดพักผ่อนประจาปี ไปสะสมรวมกับวันหยุดพักผ่อนประจาปี ของปี ถัดไป ถ้าวันหยุดพักผ่อน ประจาปี ของพนักงานเหลือในปี นั้นๆบริ ษทั จะคิดค่าแรงคืนให้เท่าที่วนั เหลือจริ งในสิ้นปี นั้นๆ 2.7. บริ ษทั ฯ กาหนดให้พนักงานที่ขอใช้สิทธิ หยุดพักผ่อนประจาปี หยุดพักผ่อนประจาปี ตามความเหมาะสมโดยคานึงถึงความจาเป็ นใน การทางานเป็ นสาคัญ ทั้งนี้จะกาหนดให้หยุดติดต่อกันหรื อเป็ นช่วงก็ได้ 2.8. พนักงานที่มีความประสงค์จะหยุดพักผ่อนประจาปี ตามความต้องการของพนักงาน จะต้องยื่นคาขอตามแบบที่กาหนดต่อผูบ้ งั คับบัญชา ล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน ทางานและเมื่อได้รับอนุมตั ิแล้วจึงจะหยุดพักผ่อนประจาปี ได้ การขอใช้สิทธิดงั กล่าวต้องใช้สิทธิให้หมด ภายในเดือนธันวาคมของแต่ละปี 2.9. การนับระยะเวลาเป็ นปี ให้นบั ตั้งแต่วนั ที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม ของปี หมวดที่ 5 หลักเกณฑ์ การทางานล่วงเวลาและการทางานในวันหยุด พนักงานทุกคนควรให้ความร่ วมมือ และพร้อมที่จะปฏิบตั ิงานนอกเวลาทางานปกติ หรื อทางานในวันหยุดตามคาสั่งของผูบ้ งั คับบัญชา ในกรณี ที่บริ ษทั ฯ มีความจาเป็ นเร่ งด่วน หรื อต้องทางานต่อเนื่องซึ่งจะหยุดเสี ยมิได้ ให้พนักงานที่ทางานเกินเวลาทางานปกติหรื อทางานใน วันหยุดด้วยการสมัครใจของตัวพนักงานเอง มีสิทธิได้รับค่าล่วงเวลาหรื อค่าทางานในวันหยุดตามหลักต่อไป 4

1. ค่าล่วงเวลาที่ทางานในวันทางานปกติ 1.1. พนักงานที่ทางานเกินเวลาทางานปกติ บริ ษทั ฯ จะจ่ายค่าทางานล่วงเวลาในวันทางานปกติให้ในอัตรา 1.5 เท่า ของอัตราจ้าง ต่อชัว่ โมง สาหรับเวลาที่ทางานเกินเวลาทางานกว่าปกติ 2. ค่าล่วงเวลาที่ทางานวันหยุด 2.1. พนักงานที่ทางานเกินเวลาทางานปกติในวันหยุด บริ ษทั ฯ จะจ่ายค่าทางานล่วงเวลาในวันหยุดให้ในอัตรา 3 เท่า ของอัตรา ค่าจ้างต่อชัว่ โมง สาหรับเวลาที่ทางานเกินเวลาทางานปกติในวันหยุด 3. ค่าทางานวันหยุด 3.1. พนักงานที่มีสิทธิได้รับค่าจ้างในวันหยุด (วันหยุดประจาสัปดาห์สาหรับพนักงานรายเดือน วันหยุดตามประเพณี ) ถ้าบริ ษทั ฯ ให้มาทางานในวันหยุดบริ ษทั ฯ จะจ่ายค่าทางานในวันหยุดเพิ่มขึ้นให้ในอัตราอีก 1 เท่า ของค่าจ้างในวันทางานปกติตาม จานวนชัว่ โมงที่ทางานในวันหยุด (ไม่เกิน 8ชม) 3.2. พนักงานที่ไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้างในวันหยุด (วันหยุดประจาสัปดาห์สาหรับพนักงานที่ได้รับค่าจ้างเป็ นรายวัน) ถ้าบริ ษทั ฯ ให้มา ทางานในวันหยุดบริ ษทั จะจ่ายค่าทางานในวันหยุดให้ในอัตรา 2 เท่า ของค่าจ้างในวันทางานปกติ ตามจานวนชัว่ โมงที่ทางานได้ ในวันหยุด (ไม่เกิน 8ชม) 4. พนักงานที่ไม่มีสิทธิได้รับค่าล่วงเวลา 4.1 พนักงานตั้งแต่ระดับผูจ้ ดั การขึ้นไปหรื อเทียบเท่า ซึ่งมีอานาจหน้าที่ทาการแทนบริ ษทั ฯ สาหรับกรณี การว่าจ้าง การเลิกจ้าง การให้บาเหน็จ หรื อการลงโทษ 4.2 งานที่มีลกั ษณะหรื อสภาพที่ตอ้ งออกไปทางานนอกสถานที่ และโดยลักษณะงานหรื อสภาพของงานไม่อาจกาหนดเวลา ทางานที่แน่นอนได้อย่างชัดเจน เช่น พนักงานขาย พนักงานรับ – ส่งเอกสาร เป็ นต้น 4.3 งานเฝ้าดูแลสถานที่หรื อทรัพย์สินของบริ ษทั ฯ อันมิใช่หน้าที่การทางานตามปกติของพนักงานนั้น 4.4 ลักษณะงานตามข้อ 4.2 และ 4.3 บริ ษทั ฯ จะจ่ายค่าตอบแทนที่ทางานเกินเวลาทางานปกติเท่ากับค่าจ้างอัตราปกติต่อชัว่ โมง ตามจานวนที่ทางานดังกล่าว พนักงานตามข้อ 4.1 นอกจากบริ ษทั ฯ จะไม่จ่ายค่าล่วงเวลาในวันทางานปกติและค่าล่วงเวลาในวันหยุดแล้ว บริ ษทั ฯ จะไม่ จ่ายค่าทางานในวันหยุดตามข้อ 3 ด้วย หมายเหตุ : ในการคิดคานวณค่าล่วงเวลาจะคานวณหน่วยย่อยสุ ดเป็ น 30 นาที

1.1 1.2

1.3 1.4

หมวดที่ 6 วัน และสถานที่จ่ายค่าจ้ าง ค่าล่วงเวลา ค่าทางานในวันหยุด และค่าล่วงเวลาในวันหยุด วันและสถานที่จ่ายค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทางานในวันหยุด บริ ษทั ฯ กาหนดไว้ดงั นี้ การจ่ายค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา หรื อค่าทางานในวันหยุด และค่าล่วงเวลาในวันหยุด และเงินผลประโยชน์อื่น บริ ษทั ฯ จะจ่าย ค่าจ้าง ค่าล่วงเวลาในวันทางานปกติ ค่าล่วงเวลาในวันหยุด และค่าทางานในวันหยุด และเงินผลประโยชน์อื่นให้แก่พนักงาน เดือนละ 1 ครั้งจะ จ่ายทุกวันที่ 10 ของเดือนถัดไป กรณี วนั จ่ายค่าจ้างวันใดตรงกับวันหยุด บริ ษทั ฯ จะเลื่อนวันกาหนดจ่ายเงินเดือนเลือนขึ้น สถานที่จ่ายค่าจ้าง / เงินเดือนบริ ษทั ฯจะจ่ายผ่าน ทางธนาคารตามที่ บริ ษทั ฯ ได้กาหนด และถือว่าหลักฐานการโอนเงินเข้า บัญชีเงินฝากของพนักงานเป็ นเอกสารเกี่ยวกับการจ่ายเงินดังกล่าว หมวดที่ 7 วันลาและหลักเกณฑ์การลา 5

เพื่อให้พนักงานที่มีความจาเป็ นบางประการ และไม่สามารถทางานได้ มีสิทธิขอหยุดงานได้ตามความเหมาะสม โดยพนักงานต้องขอ อนุญาตลางานจากผูบ้ งั คับบัญชาโดยตรงและต้องได้รับอนุมตั ิแล้ว จึงจะหยุดงานได้ มิฉะนั้นบริ ษทั ฯ จะถือว่าขาดงาน ยกเว้นมีเหตุจาเป็ นฉุกเฉิน โดยแท้จริ ง พนักงานจะต้องส่งใบลาให้ผบู ้ งั คับบัญชาทันที ที่กลับเข้ามาทางานในวันแรก เพื่อผูบ้ งั คับบัญชาจะได้ทาการพิจารณา หากส่งใบลา ล่าช้ากว่าตามหลักเกณฑ์ที่ได้กาหนดไว้ ให้ถือว่าพนักงานผูน้ ้ นั ขาดงานและอาจถูกพิจารณาโทษทางวินยั ประเภทการลา 1. การลาป่ วย 2. การลากิจ 3. การลาเมตตาจิต 4. การลาอุปสมบท 5.การลาเพื่อแต่งงาน 6.การลาเพื่อคลอดบุตร 7.การลาเพื่อรับราชการทหาร 8.ลาเพื่อทาหมัน 9.การลาเพื่อฝึ กอบรม หรื อเพื่อพัฒนาความรู ้ความสามารถ หลักเกณฑ์การลา 1 การลาป่ วย 1.1 พนักงานมีสิทธิลาป่ วยได้เท่าที่ป่วยจริ ง โดยได้รับค่าจ้างปี หนึ่งไม่เกิน 30 วันทางาน 1.2 พนักงานที่ลาป่ วยตั้งแต่ 3 วัน ทางานขึ้นไป จะต้องนาใบรับรองแพทย์แผนปัจจุบนั ชั้นหนึ่ง หรื อสถานพยาบาลของทาง ราชการมาแสดง ถ้าไม่สามารถแสดงได้ให้ช้ ีแจงต่อผูบ้ งั คับบัญชาและฝ่ ายบุคคลทราบเป็ นลายลักษณ์อกั ษร กรณี ที่บริ ษทั ฯ ได้ จัดแพทย์ไว้ พนักงานต้องให้แพทย์ของบริ ษทั ฯ เป็ นผูต้ รวจและออกใบรับรอง เว้นแต่ไม่สามารถให้แพทย์ของบริ ษทั ฯ ตรวจ วินิจฉัยได้ 1.3 การใช้สิทธิลาป่ วยคาบเกี่ยวกับวันหยุดก็ดี การลาป่ วยเป็ นอาจิณก็ดี การป่ วยเรื้ อรังก็ดี การใช้สิทธิลาป่ วย โดยมิได้เจ็บป่ วยจริ ง ก็ดี ย่อมมีผลกระทบต่อการพิจารณาขึ้นเงินเดือน หรื อค่าจ้างประจาปี และอาจถูกเลิกจ้างได้ 1.4 กรณี พนักงานเจ็บป่ วยนอกเวลางาน ให้พนักงานใช้สิทธิ ตามที่ได้ระบุไว้ตาม ข้อที่ 1.1 และการใช้สิทธิดงั กล่าวหมดลงแล้ว บริ ษทั ฯ อาจพิจารณาให้พนักงานยื่นหนังสื อแจ้งความจานงเพื่อพักรักษาตัวได้ โดยไม่ได้รับค่าจ้าง 1.5 พนักงานที่เจ็บป่ วยไม่ว่ากรณี ใดๆ ต้องแจ้งให้ผบู ้ งั คับบัญชาทราบโดยเร็ วที่สุด ซึ่งอาจจะแจ้งโดยทางโทรศัพท์หรื อวิธีอื่นใด ให้ผบู ้ งั คับบัญชาทราบและต้องยืน่ ใบลาพร้อมด้วยหลักฐานภายในวันแรกที่กลับมาทางานตามปกติ 2 การลากิจ 2.1 พนักงาน มีสิทธิลากิจธุระอันจาเป็ นเช่น ลาทาบัตรประชาชน ทาใบขับขี่ จดทะเบียนสมรส ลาอุปสมบท จัดการงานศพบุคคล ในครอบครัว จัดการงานสมรสบุตร ได้ไม่เกินปี ละ 3วันทางาน โดยได้รับค่าจ้างในวันที่ลา (ควรมีเอกสารยื่นประกอบ) 2.2 พนักงานที่มีสิทธิลากิจธุระอันจาเป็ นได้ ต้องแจ้งความประสงค์ขอลากิจตามแบบที่กาหนด ต่อผูบ้ งั คับบัญชาล่วงหน้าอย่าง น้อย 3 วัน และต้องได้รับอนุมตั ิจากผูบ้ งั คับบัญชาแล้วเท่านั้น พนักงานจึงจะหยุดงานได้ 2.3 บริ ษทั ฯ จะอนุญาตให้ลากิจธุระอันจาเป็ นล่วงหน้าได้ครั้งละ ไม่เกิน 2 วันทางานติดต่อกัน เว้นแต่กรณี พิเศษเฉพาะรายที่ บริ ษทั ฯ พิจารณาแล้วเห็นสมควรให้เป็ นกรณี พิเศษในกรณี ที่ไม่สามารถขอลากิจธุระอันจาเป็ นล่วงหน้าได้ จะต้องแจ้งกิจธุระ ที่ไม่สามารถมาทางานได้ให้ผบู ้ งั คับบัญชาทราบโดยเร็ ว และในวันนั้น พนักงานจะต้องยืน่ ใบลากิจภายในวันแรกที่กลับมา ทางานโดยต้องชี้แจงกิจธุระที่จาเป็ นและเหตุฉุกเฉิน หรื อเร่ งด่วน ให้ผบู ้ งั คับบัญชาพิจารณาประกอบการลาด้วย 2.4 การลากิจทัว่ ไปนอกเหนือจากข้อ 2.1 จะไม่ได้รับค่าแรง 3 การลาเมตตาจิต 6

-กรณี บุคคลในครอบครัวได้แก่ บิดา มารดา บุตร สามี ภรรยา และ พี่ น้อง เสี ยชีวิต ที่ถูกต้องตามกฎหมาย บริ ษทั ฯ อนุญาตให้ลางานครั้งละไม่เกิน 7 วัน พนักงานต้องนาสาเนาบัตรมรณะบัตร มาแสดงเพื่อประกอบการลาภายในวันแรกที่ กลับมาทางาน ปู่ ย่า ตา ยาย ลุง ป้า น้า อา เสี ยชีวิต ลาได้ไม่เกิน 3 วัน ญาติทวั่ ไป เสี ยชีวิต ลาได้ไม่เกิน 2 วัน กรณี เป็ นเรื่ องฉุกเฉิน และไม่สามารถขออนุญาต ผูบ้ งั คับบัญชาก่อนหยุดงานได้ให้แจ้งโดยทางโทรศัพท์ หรื อทางไปรษณี ย ์ หรื อโดยวิธี อื่นๆ ให้ผบู ้ งั คับบัญชาทราบและต้องยื่นใบลาพร้อมด้วยหลักฐานภายในวันแรกที่กลับมาทางานตามปกติ 4 การลาอุปสมบท 4.1 พนักงานชาย ซึ่งทางานติดต่อครบ 1 ปี มีสิทธิขอลาอุปสมบทได้ไม่เกิน 15 วัน (รวมวันหยุด) การลาอุปสมบทพนักงานต้อง ยื่นใบลาล่วงหน้าต่อผูบ้ งั คับบัญชาไม่นอ้ ยกว่า 15 วัน เพื่อหาบุคคลอื่นทางานแทน โดยไม่ให้กระทบกระเทือนต่อสายงาน นั้นๆ ซึ่ง ผูบ้ งั คับบัญชาจะพิจารณาเป็ นรายๆ ไปตามความจาเป็ นและจานวนผูข้ อลา เมื่อได้รับอนุมตั ิจากผูบ้ งั คับบัญชาแล้ว จึง จะหยุดงานได้ 4.2 สิ ทธิการลาอุปสมบทให้ใช้ได้เพียงครั้งเดียวตลอดระยะเวลาที่เป็ นพนักงานบริ ษทั ฯ 4.3 พนักงานต้องนาหลักฐานการอุปสมบท หรื อการลาสิ กขาบทมาแสดงเป็ นหลักฐานภายใน 7 วันนับตั้งแต่วนั ที่ลาสิ กขาบท หากยังไม่สามารถนาหลักฐานมาแสดงได้ บริ ษทั ฯ ถือว่าพนักงานนั้นขาดงาน และอาจไม่ได้รับพิจารณา เพื่อกลับเข้าทางาน กับบริ ษทั ฯ อีก 5 การลาเพื่อแต่งงาน 5.1 การลาเพื่อแต่งงาน หมายถึง เจ้าตัวเป็ นผูแ้ ต่ง และลาหยุดงานเพื่อไปประกอบพิธีตามประเพณี และศาสนาเท่านั้น 5.2 พนักงานที่ทางานครบ 1 ปี ขึ้นไป มีสิทธิลาเพื่อแต่งงานได้ครั้งละไม่เกิน 10 วัน โดยได้รับค่าจ้างเท่ากับค่าจ้างในวันทางาน ปกติ (ต้องมีทะเบียนสมรส) 5.3 พนักงาน ที่ขอลาเพื่อแต่งงาน ต้องยื่นความจานงล่วงหน้าอย่างน้อย 5 วัน และเมื่อได้รับอนุญาตแล้วจึงจะหยุดงานได้ 5.4 พนักงาน ที่ขอลาเพื่อแต่งงาน ต้องยื่นลาภายในครั้งเดียว (รวมวันหยุด สุ ดสัปดาห์) 6 การลาเพื่อคลอดบุตร 6.1 พนักงานหญิงที่มีครรภ์ มีสิทธิลาเพือ่ คลอดบุตรหนึ่งไม่เกิน 98 วัน โดยรวมวันหยุดที่มีระหว่างวันลาด้วย หมายความถึงวันลา เพื่อการตรวจครรภ์ ก่อนคลอดบุตร 6.2 พนักงานหญิงที่มีครรภ์ มีสิทธิได้รับค่าจ้างเท่ากับวันที่ลาตามอัตราที่ได้รับ แต่ไม่เกิน 45 วัน 6.3 การลาคลอดบุตร ให้พนักงานขอลาต่อผูบ้ งั คับบัญชาก่อนการคลอดบุตร ไม่นอ้ ยกว่า 3 วัน หรื อภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วนั ที่ได้ หยุดงาน 6.4 พนักงานหญิงที่มีครรภ์ ที่มีใบรับรองแพทย์แผนปัจจุบนั ชั้นหนึ่ง แสดงว่าไม่อาจทางานในหน้าที่ได้ มีสิทธิแจ้งขอให้นายจ้าง เปลี่ยนงานในหน้าที่เป็ นการชัว่ คราวก่อนคลอดบุตร หรื อหลังคลอดได้ โดยบริ ษทั ฯ จะพิจารณาเปลี่ยนงานให้พนักงานตามที่ เห็นสมควร 7 การลาเพื่อรับราชการทหาร 7.1 พนักงานชายมีสิทธิลาเพื่อรับราชการทหาร ในการเรี ยกผลเพื่อตรวจสอบ เพื่อฝึ กวิชาทหาร หรื อเพื่อทดลองความพรั่งพร้อม ตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร ให้มีสิทธิได้รับค่าจ้างเท่ากับค่าจ้างปกติ ตลอดระยะเวลาที่ลาแต่ไม่เกินปี ละ 60 วัน (ยกเว้นการเกณฑ์ทหาร) 7.2 พนักงานที่จะลาเพื่อทดสอบความพรั่งพร้อม ตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร ให้ยื่นใบลาต่อผูบ้ งั คับบัญชาล่วงหน้า ไม่นอ้ ยกว่า 7 วัน พร้อมหลักฐานการเรี ยกตัวของทางราชการทหาร 7

7.3 เมื่อครบกาหนดระยะการลา หากกลับเข้าทางานช้ากว่ากาหนดระยะเวลาที่ระบุไว้ต้งั แต่ 3 วันขึ้นไป โดยไม่มีเหตุผลอัน สมควร และไม่แจ้งให้บริ ษทั ฯ ทราบภายในวันแรกของวันหยุดที่เกินกาหนดนั้นบริ ษทั ฯ จะถือว่าพนักงานผูน้ ้ นั ไม่ประสงค์ จะทางานกับบริ ษทั ฯ ต่อไป 8 การลาเพื่อทาหมัน 8.1 พนักงาน ที่ได้รับการบรรจุให้เป็ นพนักงานประจาบริ ษทั ฯ แล้ว มีสิทธิลาหยุดเพื่อทาหมันได้ตามระยะเวลาที่แพทย์แผน ปัจจุบนั ชั้นหนึ่งกาหนดและออกใบรับรอง โดยมีสิทธิได้รับค่าจ้างตามระยะเวลาที่ลาตามใบรับรองแพทย์เท่านั้น 8.2 พนักงานที่จะขอลาหยุดเพื่อทาหมัน ต้องแจ้งขอลาล่วงหน้าต่อผูบ้ งั คับบัญชาอย่างน้อย 5 วัน และต้องได้รับอนุมตั ิจาก ผูบ้ งั คับบัญชาเสี ยก่อนจึงจะหยุดงานได้ เมื่อกลับเข้ามาทางานวันแรก ต้องแนบหลักฐานการทาหมันเพื่อใช้ประกอบการลา ด้วย 8.3 พนักงานมีสิทธิขอลาเพื่อไปทาหมันได้เพียงครั้งเดียว ตลอดระยะเวลาที่เป็ นพนักงานของบริ ษทั ฯ เว้นแต่มีใบรับรองแพทย์ รับรองว่าการทาหมันครั้งแรกประสบความล้มเหลวและต้องทาหมันใหม่อีกครั้ง 9 การลาเพื่อฝึ กอบรม หรื อเพื่อพัฒนาความรู ้ความสามารถ 9.1 พนักงานมีสิทธิ์ที่จะลาเพื่อฝึ กอบรม หรื อพัฒนาความรู ้ เพื่อประโยชน์ต่อการแรงงาน และสวัสดิการแรงงาน หรื อการเพิ่ม ทักษะความชานาญ เพื่อเพิ่มประสิ ทธิภาพการทางานของลูกจ้าง 9.2 พนักงานมีสิทธิ์ที่จะลาเพื่อการสอบวัดผลทางการศึกษาที่ทางราชการจัด หรื ออนุญาตให้จดั ขึ้นแต่ไม่รวมถึงการลาไปศึกษาต่อ 9.3 พนักงานที่ตอ้ งการลาเพื่อฝึ กอบรม หรื อพัฒนาความรู ้ตามข้อ 9.1 และ/หรื อ ข้อ 9.2 นั้น จะต้องยื่นใบลาต่อผูบ้ งั คับบัญชา ล่วงหน้าไม่นอ้ ยกว่า 7 วัน เมื่อได้รับการอนุมตั ิแล้ว จึงจะหยุดงานเพื่อการดังกล่าวได้ โดยไม่ได้รับค่าจ้าง ยกเว้นกรณี ที่เป็ น วัตถุประสงค์ของบริ ษทั ฯในการพิจารณาจัดส่งพนักงาน เพื่อไปฝึ กอบรม หรื อพัฒนาความรู ้ ซึ่งในการนี้พนักงานไม่ จาเป็ นต้องเขียนใบลา และจะได้รับค่าจ้างในวันที่ไปฝึ กอบรม 10 การขาดงาน 10.1 การขาดงาน หมายถึง การหยุดงานโดยไม่ปฏิบตั ิตามหลักเกณฑ์ว่าด้วยเรื่ องการลา ตามหมวดที่ 7 10.2 การลาทุกประเภท ที่ได้กาหนดไว้ในหมวดที่ 7 เมื่อครบกาหนดแล้วพนักงานต้องกลับเข้ามาทางาน ตามปกติทนั ที หาก ประสงค์ที่จะลาหยุดงานต่อ ต้องปฏิบตั ิตามหลักเกณฑ์ที่ได้กาหนดไว้มิฉะนั้น บริ ษทั ฯ จะถือว่าขาดงาน 10.3 การลางานและไม่ได้รับการอนุมตั ิจากผูบ้ งั คับบัญชา ให้ถือว่าเป็ นการขาดงาน 10.4 พนักงานที่ขาดงานตามระเบียบข้างต้น บริ ษทั ฯ จะไม่จ่ายค่าจ้าง / เงินเดือน ให้ในวันดังกล่าว และพนักงานอาจถูกพิจารณา โทษทางวินยั หมวดที่ 8 วินัยและโทษทางวินัย บริ ษทั ฯ มีความประสงค์จะสร้างบรรยากาศในการทางานที่ดี อันจะช่วยเสริ มสร้าง และปรับปรุ งสถานที่ทางานให้เกิดความปลอดภัย ความรัก ความสามัคคี ความเป็ นระเบียบเรี ยบร้อย การทางานร่ วมกันอย่างสันติสุข มีความเกื้อกูลซึ่งกันและกันรวมถึงการสร้างขวัญและกาลังใจ ที่จะทาให้เกิดประสิ ทธิภาพ และประสิ ทธิผลของงาน จึงจาเป็ นต้องกาหนดให้มีวินยั ในการทางาน เพื่อให้พนักงานถือปฏิบตั ิในแนวทางเดียวกัน พร้อมมีบทลงโทษสาหรับพนักงานที่ฝ่าฝื น ละเลย หรื อเพิกเฉย ดังนี้ 1 วัตถุประสงค์ บริ ษทั ฯ ได้กาหนดหลักเกณฑ์ต่างๆ ในหมวดนี้โดยมีวตั ถุประสงค์ดงั ต่อไปนี้ 1.1 เพื่อเป็ นแนวทางข้อบังคับในการพิจารณาส่งเสริ มแก้ไขหรื อปรับปรุ งความประพฤติของผูใ้ ต้บงั คับบัญชา 1.2 เพื่อให้เกิดความเป็ นธรรมแก่พนักงาน ในเรื่ องวินยั การปฏิบตั ิงานของบริ ษทั ฯ 1.3 เพื่อเป็ นแนวทางในการปฏิบตั ิเกี่ยวกับวินยั อันจะนาไปสู่ความเจริ ญก้าวหน้าของพนักงานและบริ ษทั ฯ 8

1.4 เป็ นส่วนช่วยส่งเสริ มให้การดาเนินกิจกรรมของบริ ษทั ฯ บรรลุวตั ถุประสงค์ดว้ ยความมีระเบียบ มี คณ ุ ธรรม ถูกต้องตาม กฎหมายและก่อให้เกิดความสงบสุ ขในการทางานร่ วมกัน 2 นโยบาย บริ ษทั ฯ ได้วางนโยบายในเรื่ องวินยั ของพนักงานไว้ดงั นี้ 2.1 ผูบ้ งั คับบัญชาจะต้องพยายามป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในการลงโทษทางวินยั ด้วยการใช้หลักการบริ หารงานบุคคลหรื อการ ปกครองที่ดี 2.2 ตามปกติแล้ว การดาเนินการลงโทษทางวินยั จะทาเป็ นขั้นตอนเพื่อให้พนักงานได้มีโอกาสปรับปรุ งตนเอง นอกเสี ยจาก ความผิดนั้นมีลกั ษณะร้ายแรง 3 วินยั ของพนักงาน เพื่อความเป็ นระเบียบเรี ยบร้อยและมีประสิ ทธิภาพในการทางานร่ วมกันพนักงานจะต้องปฏิบตั ิตามระเบียบ ดังต่อไปนี้ 3.1 วินยั ทัว่ ไป 3.1.1 พนักงานต้องประพฤติตนเป็ นพลเมืองดี อยูใ่ นระเบียบกฎเกณฑ์อนั ดีงามของสังคมทั้งในและนอกบริ เวณบริ ษทั ฯ 3.1.2 พนักงานต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงสถานภาพของตนเอง ตามแบบที่บริ ษทั ฯ กาหนดให้แผนกบุคคลฯ ทราบภายใน 15 วัน นับจากวันที่เปลี่ยนแปลงในกรณี ต่างๆ เช่น การเปลี่ยนชื่อ หรื อนามสกุล การสมรสหรื อหย่าร้าง การมีบุตรเพิ่ม หรื อบุคคลภายในครอบครัวของพนักงานเสี ยชีวิต อาทิ บิดา มารดา พี่ น้องร่ วมบิดามารดาเดียวกัน บุตร ธิดา สามี หรื อ ภรรยา ที่ถูกต้องตามกฎหมาย การเปลี่ยนบัตรประจาตัวประชาชน การย้ายที่อยูป่ ัจจุบนั เป็ นต้น 3.1.3 พนักงานต้องเป็ นบุคคลผูม้ ีสัมมาคารวะ สุ ภาพเรี ยบร้อย ไม่กา้ วร้าว เสี ยดสี เหน็บแนม เหยียดหยาม หรื อดูหมิ่นเพื่อน พนักงาน ผูบ้ งั คับบัญชาบริ ษทั ฯ ลูกค้า หรื อบุคคลที่มาติดต่อธุระกับบริ ษทั ฯ 3.1.4 พนักงานจะต้องไม่นาบุคคลภายนอก หรื อญาติมิตรของพนักงานเข้ามาภายในบริ ษทั ฯ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากบริ ษทั 3.1.5 พนักงานจะต้องช่วยกันรักษาชื่อเสี ยงของบริ ษทั ฯ ลูกค้าของบริ ษทั ฯ เพื่อนร่ วมงาน ผูบ้ งั คับบัญชาต้องไม่ใส่ร้ายป้ายสี ด้วยวิธีการใดๆ ที่จะทาให้บริ ษทั ฯ ผูบ้ ริ หารของบริ ษทั ฯ เพื่อนร่ วมงาน ต้องได้รับความเสื่ อมเสี ยชื่อเสี ยง ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง ลดความเชื่อมัน่ 3.1.6 พนักงานต้องมีระเบียบการออมทรัพย์ที่ดี ใช้จ่ายให้เหมาะสมกับสถานการทางการเงินของตนเอง ไม่ก่อให้เกิดภาระ จนมีหนี้สินล้นพ้นตัว 3.1.7 พนักงานต้องไม่เสนอขายสิ นค้าหรื อประกอบธุรกิจใดๆ เพื่อเป็ นการแสวงหาผลประโยชน์ให้กบั ตนเอง หรื อผูใ้ ดผู ้ หนึ่งภายในบริ ษทั ฯ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากบริ ษทั ฯ 3.1.8 พนักงานต้องไม่ทาการเรี่ ยไรหรื อขอรับบริ จาคเงิน หรื อสิ่ งของใดๆ ภายในบริ ษทั ฯ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากบริ ษทั ฯ 3.1.9 พนักงานต้องมีความซื่อสัตย์สุจริ ต และเป็ นธรรมต่อตนเอง ผูบ้ งั คับบัญชา บริ ษทั และบุคคลอื่น 3.1.10 พนักงานต้องมีความรับผิดชอบต่อตนเอง ผูบ้ งั คับบัญชา บริ ษทั และบุคคลอื่น เคารพต่อสิ ทธิเสรี ภาพหน้าที่และความ รับผิดชอบของบุคคลอืน่ 3.1.11 ประพฤติตนเป็ นพลเมืองดี อยูใ่ นระเบียบและกฎเกณฑ์ของสังคม ไม่ประพฤติชวั่ กระทาหรื อร่ วมกระทาการใดอันเป็ น การผิดกฎหมายบ้านเมืองทั้งในและนอกบริ เวณบริ ษทั ฯ 3.1.12 เชื่อฟังและปฏิบตั ิตามคาสั่งของผูบ้ งั คับบัญชา 3.1.13 ปฏิบตั ิตามระเบียบข้อบังคับ และกฎเกณฑ์ต่างๆ ของบริ ษทั ที่กาหนดไว้โดยเคร่ งครัด 3.1.14 รักษาความสะอาด ไม่ทิ้งสิ่ งของหรื อสิ่ งปฏิกูลใดๆ นอกภาชนะที่ทางบริ ษทั ฯ จัดไว้ให้ 3.1.15 ช่วยกันดูแลประหยัดการใช้วสั ดุอุปกรณ์ เครื่ องมือเครื่ องใช้ พลังงาน และสิ่ งอื่นๆ ให้สิ้นเปลืองน้อยที่สุด 3.1.16 ไม่มาทางานสาย กลับก่อนเวลา หรื อลาหยุดโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร 3.1.17 แสดงกิริยาไม่ ใช้วาจาที่ไม่สุภาพ ไม่สบประมาท ดูหมิ่นเหยียดหยาม ให้ร้ายใส่ความ ล้อเลียน กระทบกระแทก หยาบ คายก้าวร้าว กล่าวโทษกลัน่ แกล้ง หรื อกระทาการใดๆ ที่ไม่เหมาะสมต่อผูอ้ ื่น 3.1.18 ไม่ช่วย หรื อสนับสนุน ชักจูงใจ เป็ นใจ หรื อเพิกเฉย ต่อการกระทาผิดของบุคคลอื่น 9

3.1.19 ห้ามรับจ้างทางานให้กบั ผูอ้ ื่น หรื อดาเนินธุรกิจใดๆ อันอาจเป็ นผลกระทบกระเทือนเวลาทางาน หรื อกิจการของบริ ษทั ฯ 3.1.20 ห้ามนาสิ่ งของหรื อเครื่ องมือเครื่ องใช้ หรื อผลิตภัณฑ์ของบริ ษทั ฯ ไปใช้ในประโยชน์ส่วนตัว หรื อใช้เพื่อการอื่น ซึ่งไม่ เกี่ยวข้องกับกิจการของบริ ษทั ฯ 3.1.21 ไม่ประพฤติตน หรื อกระทาการใดๆ ให้บริ ษทั ฯ เสื่ อมเสี ยชื่อเสี ยงหรื อได้รับความเสี ยหาย 3.1.22 ระมัดระวังดูแลรักษาสิ่ งของหรื อทรัพย์สินของบริ ษทั ฯ และต้องแจ้งให้ผบู ้ งั คับบัญชาทราบ เมื่อทาสิ่ งของหรื อ ทรัพย์สินของบริ ษทั ฯ เสี ยหาย หรื อสู ญหาย 3.1.23 ห้ามปิ ดประกาศ โฆษณา ขีดเขียนข้อความ นัดพบ ประชุม อภิปรายในบริ ษทั ฯ รวมทั้ง แจกใบปลิวเผยแพร่ เอกสาร หรื อสิ่ งพิมพ์ใดๆ ในบริ ษทั ฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต รวมทั้งการปลดทาลาย ขีดเขียนเพิ่มในเอกสาร ประกาศ หรื อ คาสั่ง ใดๆ ของบริ ษทั ฯ ด้วย 3.1.24 ไม่เปิ ดเผยข้อมูล หรื อปกปิ ดข้อความจริ งอันเป็ นเหตุให้บริ ษทั ฯ ได้รับความเสี ยหาย 3.1.25 ไม่ดูหมิ่น หรื อหมิ่นประมาทบุคคลอื่น ไม่เหยียดหยามผูบ้ งั คับบัญชา หรื อลูกค้า หรื อผูม้ าติดต่อ หรื อกระทาการอื่นใด อันเป็ นการไม่สมควร 3.1.26 พนักงานต้องไม่ โพส์ว่ากล่าว ใส่ ร้าย นินทา แนบแนม ด่าทอ ผูอ้ ื่นผ่านทางสื่ อมีเดียต่างๆรวมถึงการส่งต่อกัน 3.1.27 พนักงานหญิงมีหน้าที่ตอ้ งแจ้งให้บริ ษทั ฯ ทราบทันที กรณี ที่ทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ 4 การเข้าหรื อออกนอกบริ เวณของบริ ษทั ฯ 4.1 พนักงานที่บริ ษทั ฯ กาหนดให้บนั ทึกเวลา ต้องบันทึกเวลาด้วยตนเองทุกครั้ง เมื่อเข้าทางานและเลิกงาน หรื อตามระเบียบที่ บริ ษทั ฯ กาหนด ห้ามบันทึกเวลาแทนผูอ้ นื่ หรื อผูร้ ู ้เห็นเป็ นใจให้ผอู ้ ื่นบันทึกเวลาให้ 4.2 พนักงานที่เข้ามาในบริ เวณบริ ษทั ฯ จะต้องแต่งกายให้สุภาพเรี ยบร้อยตามเครื่ องแบบที่บริ ษทั กาหนด 4.3 พนักงานที่จะออกจากสถานที่ทางานในระหว่างเวลาทางานไม่ว่ากรณี ใดๆ ต้องปฏิบตั ิตามระเบียบที่บริ ษทั กาหนดทุกครั้ง 4.4 ต้องแสดงบัตรประจาตัวพนักงานต่อพนักงานรักษาความปลอดภัย เมื่อผ่านเข้าภายในบริ ษทั ฯ หรื อเมื่อพนักงานรักษาความ ปลอดภัยขอให้แสดง 4.5 นอกจากเวลางานในหน้าที่ ห้ามเข้ามาหรื ออยูใ่ นสถานที่ทางานโดยไม่ได้รับอนุญาต 4.6 ห้ามนาบุคคลภายนอกเข้ามาในบริ ษทั ฯ โดยพละการ 4.7 การนาสิ่ งของหรื อทรัพย์สินของบริ ษทั ฯ ออกจากบริ ษทั ฯ ไม่ว่ากรณี ใดๆ ก็ตาม จะต้องแสดงใบอนุญาตนาสิ่ งของ หรื อ ทรัพย์สินที่จะนาออกต่อพนักงานรักษาความปลอดภัย 4.8 ต้องให้พนักงานรักษาปลอดภัยตรวจสิ่ งของที่นาติดตัวเข้ามา หรื อเมื่อออกจากบริ ษทั ฯ 4.9 ไม่ใช้เวลาทางานต้อนรับหรื อพบปะผูม้ าเยือนในเรื่ องส่วนตัว หากจาเป็ น ต้องได้รับอนุญาตจากผูบ้ งั คับบัญชาก่อนและให้ใช้ สถานที่ตามที่บริ ษทั ฯ จัดให้โดยให้เวลาเท่าที่จาเป็ น 4.10 ห้ามนาสัตว์เลี้ยงใดๆ เข้ามาในบริ เวณบริ ษทั ฯ 4.11 ห้ามนาอาวุธหรื อยาเสพติด สิ่ งมึนเมา อาวุธ หรื อสิ่ งผิดกฎหมาย เข้ามาภายในบริ ษทั ฯ หรื อมีไว้ครอบครอง 4.12 ห้ามพนักงานที่มีลกั ษณะมึนเมาเข้ามาภายในบริ ษทั ฯ ทั้งนี้ให้อยูใ่ นดุลพินิจของผูร้ ับผิดชอบในขณะนั้น 5 การมาทางาน 5.1 พนักงานต้องมาทางานอย่างปกติสม่าเสมอ ตามวันและเวลาทางานของตน 5.2 พนักงานต้องปฏิบตั ิตามระเบียบในเรื่ องการบันทึกเวลาเข้า และออกงานอย่างเคร่ งครัด 5.3 พนักงานต้องปฏิบตั ิตามระเบียบว่าด้วยการลา หรื อการหยุดงานอย่างเคร่ งครัด 5.4 พนักงานต้องปฏิบตั ิตามกาหนดเวลา เรื่ องการเข้าทางาน การออกไป การกลับเข้ามาของการปฏิบตั ิงานนอกบริ ษทั ฯ และการ เลิกงาน 10

5.5 พนักงานที่มีสุขภาพไม่สมบูรณ์หรื อหย่อนความสามารถ จะถูกพิจารณา โยกย้ายเปลี่ยนตาแหน่ง เพือ่ ความเหมาะสมกับ สุ ขภาพลความสามารถของพนักงาน หมายเหตุ: การเข้างานสาย กรณี พนักงานเข้างานสาย ในหนึ่งเดือนเข้างานสายเกิน 15 นาที จะหักตามจานวนนาทีที่มาสายตามจริ งจากฐานเงินเดือนปกติ ในหนึ่งเดือนเข้างานสายเกิน 2 ครั้งอาจพิจารณาการให้หนังสื อเตือน การเข้างานสายจะหมดสิ ทธิในการได้รับสิ ทธิตามหลักเกณฑ์ การจ่ายเบี้ยขยัน 6 การปฏิบตั ิหน้าที่ พนักงานจะต้องปฏิบตั ิตามข้อบังคับการทางาน กฎ ระเบียบ คาสั่ง และธรรมเนียมปฏิบตั ิของบริ ษทั ฯ อย่างเคร่ งครัด 6.1 พนักงานต้องปฏิบตั ิตามคาสั่งเมื่อบริ ษทั ฯ มีคาสั่งให้โยกย้ายพนักงานไปประจาหน่วยงานใดไม่ว่าจะเป็ นการชัว่ คราว หรื อ ถาวร 6.2 พนักงานจะต้องปฏิบตั ิหน้าที่โดยตั้งใจ สุ ขมุ รอบคอบและด้วยความพร้อมทั้ง ร่ างกายและจิตใจ 6.3 พนักงานจะต้องปฏิบตั ิหน้าที่อย่างเต็มความสามารถด้วยความซื่อสัตย์สุจริ ตและขยันหมัน่ เพียร 6.4 พนักงานต้องใช้เวลาการทางานทั้งหมดของตนให้เป็ นประโยชน์ตอ่ งานตามหน้าที่ 6.5 ห้ามฝ่ าฝื นระเบียบการแต่งชุดทางาน 6.6 ห้ามใช้เครื่ องมือ เครื่ องจักรโดยไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง 6.7 ห้ามรับประทานอาหาร หรื อของขบเคี้ยวในเวลาทางาน 6.8 ห้ามละทิง้ หน้าที่ หรื อขาดงาน 6.9 ห้ามกระทาการใดๆ อันไม่สมควรแก่การปฏิบตั ิหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไป โดยถูกต้องและสุ จริ ต 6.10 การกระทาความผิดใดๆ ของผูร้ ับผิดชอบในการทางานทุกหน้าที่ เช่น การสั่งการหรื อไม่สั่งการ หรื อไม่กระทาการอันเป็ น หน้าที่ตอ้ งกระทา ซึ่ งกระทาเองโดยบริ ษทั ฯ ไม่เห็นชอบด้วย ผูส้ ั่งการหรื อกระทาการหรื อไม่สั่งการอันเป็ นหน้าที่น้ นั จะต้อง รับผิดชอบ 6.11 พนักงานจะต้องเคารพ เชื่อฟัง และปฏิบตั ิตามคาสั่ง คาเตือนหรื อข้อแนะนาของผูบ้ งั คับบัญชา และบริ ษทั ฯ โดยเคร่ งครัด ไม่ รายงานอันเป็ นเท็จ หรื อปิ ดบังความจริ งให้ผบู ้ งั คับบัญชาทราบ 6.12 พนักงานจะต้องปฏิบตั ิหน้าที่ดว้ ยความอุตสาหะ ขยันหมัน่ เพียร อุทิศตนและเวลาว่างให้แก่งานของบริ ษทั ฯ อย่างเต็ม ความสามารถ และไม่ละทิ้งหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายในเวลาทางาน โดยมิได้รับอนุญาตจากผูบ้ งั คับบัญชาอย่างโดยเด็ดขาด 6.13 พนักงานต้องปฏิบตั ิหน้าที่ดว้ ยความตั้งใจ เที่ยงธรรม ซื่อสัตย์สุจริ ต เพื่อให้เกิดผลดีกา้ วหน้าแก่ตนเองและงานของบริ ษทั ฯ และพนักงานต้องเอาใจใส่และระมัดระวังไม่ให้ หรื อยินยอมให้เพือ่ นร่ วมงาน หรื อผูอ้ นื่ กระทาการใดๆ หรื ออาจใช้อานาจ หน้าที่ของตนไปแสวงหาผลประโยชน์เพื่อตนเอง หรื อเพื่อบุคคลอืน่ โดยมิชอบ 6.14 พนักงานที่เข้ามาในบริ เวณบริ ษทั ฯ จะต้องแต่งกายด้วยชุดทางานที่สะอาดและเรี ยบร้อยตามระเบียบของบริ ษทั ฯ ต้องติดบัตร ประจาตัวพนักงาน และต้องให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตรวจสิ่ งของที่ตอ้ งนาติดตัวเข้ามา 6.15 พนักงานต้องมาปฏิบตั ิงานและเลิกงานตรงต่อเวลาที่บริ ษทั ฯ กาหนด หรื อต้องมีการส่งมอบงานให้พนักงานกะต่อไปที่เข้ามา รับผลัดเปลี่ยนให้เรี ยบร้อยถูกต้อง 6.16 พนักงานต้องระมัดระวังรักษาซึ่งทรัพย์สิน อุปกรณ์ เครื่ องมือเครื่ องใช้ ยานพาหนะตลอดจนสถานที่ของบริ ษทั ฯ ให้สะอาด เรี ยบร้อยอยูใ่ นสภาพที่จะให้งานได้ตลอดเวลา และพึงหลีกเลี่ยงไม่กระทาการใด ๆ จนเป็ นเหตุให้เกิดความเสี ยหาย หรื อสู ญ หายไม่ว่าโดยเจตนา หรื อประมาทเลินเล่อรวมทั้งไม่ใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว หรื อผูอ้ ื่น 6.17 พนักงานต้องศึกษา ทาความเข้าใจคู่มือปฏิบตั ิ การใช้อุปกรณ์เครื่ องมือต่างๆ และคาแนะนาเรื่ องความปลอดภัยในการทางาน และทรัพย์สินของบริ ษทั ฯ โดยเคร่ งครัด รวมตลอดทั้งห้ามใช้อุปกรณ์ เครื่ องมือเครื่ องใช้ โดยไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง เว้นแต่ ได้รับอนุญาตจากผูบ้ งั คับบัญชา 11

6.18 พนักงานจะต้องรายงานเหตุที่จะก่อให้เกิดความเสี ยหายต่องานที่รับผิดชอบ ทรัพย์สิน หรื อชื่อเสี ยงบริ ษทั ฯ ให้ผบู ้ งั คับบัญชา หรื อบริ ษทั ฯ ทราบโดยเร็ ว ทั้งจะต้องช่วยกันระวัง ยับยั้ง ขจัดปัดเป่ า ให้เหตุการณ์ หรื อความเสี ยหายนั้นยุติลง หรื อมิให้ ลุกลามต่อไป 6.19 พนักงานจะต้องให้ความร่ วมมืออย่างจริ งใจกับบริ ษทั ฯ และเพื่อนพนักงาน เพื่อช่วยเหลือในการปฏิบตั ิหน้าที่ซ่ ึงกันและกัน รวมตลอดถึงกิจกรรมเพื่อส่วนรวม หรื อกิจกรรมที่บริ ษทั ฯ กาหนดขึ้น 6.20 พนักงานต้องไม่กระทาการใดๆ ข้ามสายการบังคับบัญชาเหนือตน เว้นแต่ผบู ้ งั คับบัญชาเหนือขึ้นไปเป็ นผูส้ ั่งการให้กระทา หรื อได้รับอนุญาตเป็ นพิเศษครั้งคราว หรื อเป็ นเรื่ องเร่ งด่วนฉุกเฉิน 6.21 ผูบ้ งั คับบัญชาจะต้องรับผิดชอบ ดูแล ปกครองผูใ้ ต้บงั คับบัญชาของตนด้วยความเที่ยงธรรม เสมอภาค และเป็ นที่ปรึ กษาของ ผูใ้ ต้บงั คับบัญชาของตนให้ปฏิบตั ิตามกฎหมาย ระเบียบ ประกาศ หรื อคาสั่ง ของบริ ษทั ฯ โดยเคร่ งครัด และสม่าเสมอ 6.22 พนักงานต้องปฏิบตั ิตามความรับผิดชอบ หรื อตามที่ได้รับมอบหมายให้สาเร็ จลุล่วงไปโดยเร็ วตามกาหนดไม่ให้เสี ยเวลาล่าช้า จนเกิดเหตุ หรื อเตะถ่วงเฉื่อยงาน 7 วินยั เกี่ยวกับความประพฤติ พนักงานจะต้องไม่รับประทานอาหารในเวลาทางาน หรื อนาอาหารเข้ามาในสถานที่ทางานอย่างเคร่ งครัด 7.1 พนักงานจะต้องไม่ก่อการทะเลาะวิวาท ชกต่อย ตบตี ใช้กาลังประทุษร้าย หรื อล่วงเกินทางเพศซึ่งกันและกันในบริ เวณบริ ษทั ฯ หรื อสถานที่อื่นที่บริ ษทั ฯ จัดงาน หรื อในขณะที่ออกไปปฏิบตั ิงานนอกบริ ษทั ฯ อนึ่ง กรณี ชกต่อยตีกนั ในพื้นที่อนาเขตของ บริ ษทั จะพิจารณาให้พน้ สภาพการเป็ นพนักงานของบริ ษทั ทั้งคูห่ รื อผูม้ ีส่วนร่ วมชกต่อยตีกนั 7.2 พนักงานจะต้องประพฤติตนอย่างสุ ภาพเรี ยบร้อย ถ่อมตน ใช้กิริยาสุ ภาพไม่ด่าทอ ให้ร้าย ดูหมิ่น เหยียดหยาม หรื อแสดงกิริยา กระด้างกระเดื่องต่อหัวหน้างาน เพื่อนร่ วมงาน หรื อผูบ้ งั คับบัญชา 7.3 พนักงานจะต้องรักษาความสามัคคีในหมู่คณะ และระหว่างเพื่อนร่ วมงาน 7.4 พนักงานจะต้องให้ความร่ วมมือต่อบริ ษทั ฯ ในการสอบสวนหาหลักฐาน หรื อหาผูก้ ระทาความผิดและไม่ช่วยปิ ดบังการ กระทาความผิดของผูอ้ นื่ 7.5 พนักงานจะต้องรักษาชื่อเสี ยงไว้มิให้ได้ชื่อว่าเป็ นผูป้ ระพฤติชวั่ หรื อมีมลทินมัวหมอง ไม่น่าเชื่อถือหรื อไม่ประพฤติในทางที่ อาจทาให้เสื่ อมเสี ยต่อตาแหน่งหน้าที่ของตนเอง และเพื่อนร่ วมงานและเกียรติคุณของบริ ษทั ฯ 7.6 ห้ามพนักงานเล่นการพนัน เล่นหวย เล่นแชร์ หรื อนาของมาขายในบริ เวณบริ ษทั ฯ อย่างเด็ดขาด 7.7 ห้ามพนักงานดื่มสุ รา เสพยาเสพติด เสพของมึนเมาในบริ เวณของบริ ษทั ฯ หรื ออยูใ่ นอาการมึนเมาในขณะปฏิบตั ิหน้าที่ หรื อมี อาการมึนเมาขณะทางาน 7.8 ห้ามพนักงานขโมย ยักยอก ฉ้อโกง หรื อหยิบฉวยทรัพย์สินของบริ ษทั ฯ หรื อเพื่อนร่ วมงาน หรื อบุคคลที่มาติดต่อกับบริ ษทั ฯ 7.9 ห้ามพนักงานสู บบุหรี่ หรื อสิ่ งอืน่ ที่มีลกั ษณะเดียวกัน หรื อทาให้เกิดประกายไฟในเขตห้ามสู บบุหรี่ เว้นแต่ในบริ เวณสถานที่ที่ บริ ษทั ฯ ได้กาหนดให้เป็ นเขตสู บบุหรี่ เท่านั้น ฝ่ าฝื นจะถูกลงโทษ กรณี ร้ายแรงกระทบต่อความปลอดภัยส่วนรวมอาจให้ออก จากงาน 7.10 ห้ามพนักงานพกสุ รา ของมึนเมา อาวุธ สิ่ งของที่ใช้เป็ นอาวุธ วัตถุระเบิด สารไวไฟ ยาเสพติด ยาบ้า หรื อสิ่ งผิดกฎหมายอื่นๆ เข้ามาในบริ เวณบริ ษทั ฯ ยกเว้นได้รับอนุญาตจากบริ ษทั ฯ 7.11 ห้ามพนักงานนาสิ่ งของส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานที่รับผิดชอบ หรื อใช้ในขณะทางานเข้ามาในบริ ษทั ฯ เช่น ถุงย่าม เป็ นต้น 7.12 พนักงานต้องไม่พูดคุยกันในขณะปฏิบตั ิหน้าที่ จนเป็ นที่ราคาญรบกวนเพื่อนร่ วมงา น หรื อมีการกระทาอื่นๆ ที่อาจก่อให้เกิด ความไม่ปลอดภัยในการทางานกับตนเอง กับเพื่อนร่ วมงาน หรื อทรัพย์สินของบริ ษทั ฯ 7.13 ห้ามพนักงาน ขูด ลบ ขีด ฆ่า ต่อเติม แก้ไข เคลื่อนย้าย ทาลายประกาศ หรื อคาสัง่ หรื อเอกสารอื่นๆ ของบริ ษทั ฯ และของ บุคคลอื่นที่ได้รับอนุญาตให้ปิดประกาศได้ 7.14 ห้ามพนักงานทาการเผยแพร่ จดหมายเวียน ประกาศ ใบปลิว แผ่นพิมพ์ใดๆ หรื อด้วยวิธีการกระจายเสี ยงในบริ เวณบริ ษทั ฯ หรื อหน้าบริ ษทั ฯ โดยมิได้รับอนุญาตจากบริ ษทั ฯ 12

7.15 ห้ามพนักงาน โจมตี ด่าทอ ประจาน ใส่ร้ายผูอ้ ื่นผ่านทางสื่ อ มีเดีย ต่าง ๆ หรื อลักษณะการส่งต่อกัน 7.16 ห้ามพนักงานประพฤติหรื อแสดงกิริยาอาการที่เป็ นการล่วงเกินทางเพศ เป็ นการละเมิดต่อจารี ตประเพณี จรรยามารยาท ศีลธรรมอันดีแห่งท้องถิ่นต่อเพื่อนร่ วมงาน และบุคคลอื่นๆ ในบริ เวณบริ ษทั ฯ 7.17 ห้ามพนักงานจัดการชุมนุม หรื อจัดการประชุม หรื อกระทาการใดๆ ที่พนักงานจัดการเอง หรื อร่ วมกับบุคคลภายนอก ซึ่งจะ ก่อให้เกิดความไม่สงบเรี ยบร้อย ทั้งในและนอกบริ เวณบริ ษทั ฯ 7.18 ห้ามพนักงานกระทาการใดๆ ที่จะเป็ นการเบียดบัง หรื อทุจริ ตเวลาทางานของบริ ษทั ฯ ไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว หรื อผูอ้ ื่น 7.19 พนักงานต้องไม่ทะเลาะวิวาท หรื อใช้กาลังประทุษร้ายซึ่งกันและกันในบริ เวณบริ ษทั ฯจัดงานหรื อมีงานนอกสถานที่ 7.20 พนักงานต้องเป็ นผูต้ รงต่อเวลาในการนัดหมายเกี่ยวกับการปฏิบตั ิงาน 7.21 พนักงานต้องใช้เงินทองที่เหมาะสมกับสถานภาพทางการเงินของตนเอง โดยไม่ปล่อยให้ตนเองมีหนี้สินล้นพ้นตัว 7.22 พนักงานต้องประพฤติตนให้อยูใ่ นศีลธรรมอันดี หรื อไม่ประพฤติชวั่ อย่างร้ายแรงทั้งในและนอกบริ เวณโรงงานหรื อบริ ษทั 7.23 พนักงานต้องไม่ยยุ งส่งเสริ ม หรื อสนับสนุนให้เกิดความแตกแยกความสามัคคี การทะเลาะวิวาท หรื อการทาร้ายร่ างกายในหมู่ พนักงานของบริ ษทั ฯ หรื อระหว่างพนักงานของบริ ษทั ฯ กับบุคคลภายนอก 7.24 พนักงานต้องไม่กระทาการใดๆ อันเป็ นการผิดกฎหมายที่มีโทษทางอาญาโดยเจตนา ถึงแม้จะไม่ถกู ดาเนินคดีก็ตาม เช่น การ เล่นการพนันฯลฯ 7.25 พนักงานห้ามเล่นการพนัน ในบริ เวณบริ ษทั ฯ หรื อในบริ เวณหอพักที่ทางบริ ษทั จัดให้ไม่ว่าจะเป็ นเวลาทางานหรื อนอกเวลา ทางานก็ตาม หรื อห้ามเล่นการพนันในขณะปฏิบตั ิหน้าที่หรื อส่งเสริ มให้เล่นการพนันไม่ว่าในหรื อนอกสถานที่ทางาน 7.26 ห้ามหัวหน้างาน ผูค้ วบคุมงาน หรื อผูต้ รวจงานกระทาการล่วงเกินทางเพศต่อพนักงาน 7.27 ห้ามพนักงานนาสิ่ งของมีค่าติดตัวเข้ามาในบริ ษทั กรณี สูญหาย ทางบริ ษทั จะไม่รับผิดชอบใด ๆทั้งสิ้ น 7.28 พนักงานในส่วนโรงงานในเวลางานให้เก็บโทรศัพท์ มือถือไว้ในล็อคเกอร์ส่วนตัวที่บริ ษทั จัดเตรี ยมไว้ให้ เว้นแต่ผมู ้ ีหน้าที่ ติดต่อสื่ อสารงานที่ได้กาหนดตัวบุคคลไว้เท่านั้น พนักงานในส่วนสานักงาน ในเวลางานใช้อุปกรณ์สื่อสารที่เกี่ยวข้องเรื่ อง งานเท่านั้น และการใช้อินเตอร์เน็ตของบริ ษทั ให้ใช้ติดต่อธุระกรรมที่เป็ นเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเรื่ องงานเท่านั้น 7.29 พนักงานต้องไม่กระทาการลักษณะส่อเจตนาเบียดบัง อาพรางเพือ่ ให้ได้มาผลประโยชน์แห่งตนโดยอาศัยตาแหน่งหน้าที่ที่ บริ ษทั มอบหมายให้รับผิดชอบ รวมถึงยักยอกทรัพย์สินของบริ ษทั 7.30 พนักงานต้องไม่มีพฤติกรรมลักษณะอาศัยตาแหน่งหน้าที่เรี ยกผลประโยชน์เพื่อส่วนตนกับผูอ้ ื่นผูใ้ ดไม่ว่าทางตรงหรื อ ทางอ้อม ทั้งต่อบุคคลภายในและภายนอก 7.31 พนักงานต้องประพฤติตวั เป็ นคนมีศีลธรรม ต้องไม่ประพฤติตวั การเป็ นชุก้ บั ผูอ้ ื่นที่มีเจ้าของหรื อที่อยูก่ ินกันแบบสามีภารยา อย่างเปิ ดเผย 8 เกี่ยวกับการรักษาความลับ 8.1 ห้ามพนักงานถ่ายรู ป ถ่ายวีดิโอเทป หรื อการกระทาใดๆ อันเป็ นลักษณะบันทึกภาพหรื ออัดข้อความรวมตลอดถึงห้ามมิให้ บุคคลภายนอกเข้ามากระทาการดังกล่าวภายในบริ ษทั ฯ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผูบ้ งั คับบัญชา 8.2 ห้ามพนักงานเปิ ดเผยความลับในหน้าที่การงาน ข้อมูล หรื อข้อความใดๆ อันเป็ นเรื่ องปกปิ ดกับกิจการของบริ ษทั ฯ ต่อบุคคล อื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง หรื อไม่มีหน้าที่รับผิดชอบ 8.3 ห้ามพนักงานเข้าไปเป็ นหุน้ ส่วน หรื อทางานให้มีส่วนร่ วมในกิจการ หรื อดารงตาแหน่งในธุรกิจอื่นๆ ที่มีสภาพลักษณะงาน เช่นเดียวกัน หรื อคล้ายคลึงกัน หรื อแข่งขัน หรื อมีผลประโยชน์ขดั กันกับบริ ษทั ฯ หรื อที่อาจจะส่งผลกระทบเสี ยหายแก่บริ ษทั ฯ เป็ นอันขาด 8.4 ห้ามพนักงานเปิ ดเผย เงินเดือนผลตอบแทนของตนเพื่อเปรี ยบเทียบกับผูอ้ นื่ โดยเด็ดขาด 9 การสอบสวนพนักงานที่กระทาผิดวินยั 9.1 เมื่อปรากฏว่าพนักงานได้กระทาความผิดข้อบังคับในการทางาน กฎ ระเบียบ คาสั่ง ประกาศ หรื อธรรมเนียมปฏิบตั ิของบริ ษทั ฯ ให้ผบู ้ งั คับบัญชาแจ้งการกระทาผิดทางวินยั ให้พนักงานผูน้ ้ นั ให้ผบู ้ งั คับบัญชาตามสายงานโดยเร็ว 13

10

11

12

13

9.2 ในกรณี ที่ผบู ้ งั คับบัญชาต้นสังกัดเห็นควรให้มีการสื บหาข้อเท็จจริ งเพื่อความชัดเจน และความถูกต้องให้ดาเนินการเสนอ ผูบ้ งั คับบัญชาเหนือตนผ่านผูจ้ ดั การแผนกบุคคลและกิจการทัว่ ไป เพื่อขออนุมตั ิแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อสอบสวนหา ข้อเท็จจริ งต่อไป 9.3 เพื่อให้ผลการสอบสวนเกิดความเป็ นธรรม ความชัดเจนในการหาข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็ นทางด้านพยานวัตถุพยานบุคคล หรื อหลักฐานอื่นๆ บริ ษทั ฯ อาจมีคาสั่งให้ผทู ้ ี่ถูกกล่าวหาว่ากระทาผิดพักงานชัว่ คราวในระหว่างการสอบสวน หรื อโยกย้าย หน้าที่ได้ ถ้าหากเห็นว่าผูถ้ ูกกล่าวหากระทาความผิดมีพฤติกรรมที่จะก่อให้เกิดความเสี ยหายต่อกระบวนการสอบสวนของ คณะกรรมการ การรักษาผลประโยชน์ของบริ ษทั ฯ 10.1 พนักงานจะต้องไม่เข้าไปเกี่ยวข้องในการประกอบธุรกิจอื่นใด อาจมีผลกระทบกระเทือนถึงผลประโยชน์ของบริ ษทั ฯ หรื อ เป็ นการแข่งขันกับบริ ษทั ฯ 10.2 พนักงานต้องไม่ปฏิบตั ิสิ่งอันเป็ นการขัดต่อผลประโยชน์ของบริ ษทั ฯ ไม่ว่าทางตรงและทางอ้อม 10.3 พนักงานต้องรักษาและเสริ มสร้างชื่อเสี ยงอันดีงามของบริ ษทั ฯ 10.4 พนักงานต้องรักษาผลประโยชน์ของบริ ษทั ฯ โดยถือเสมือนว่าเป็ นประโยชน์ของตนเอง การใช้และการรักษาทรัพย์สินของบริ ษทั ฯ 11.1 พนักงานต้องไม่สูบบุหรี่ หรื อก่อให้เกิดประกายไฟในสถานที่ซ่ ึงเก็บวัตถุไวไฟหรื อวัตถุซ่ ึงเป็ นเชื้อเพลิง ภายในบริ เวณบริ ษทั ฯ หรื อโรงงาน หรื อบริ เวณที่มีป้ายห้ามสู บบุหรี่ ติดอยู่ 11.2 พนักงานต้องไม่นาอุปกรณ์ หรื อทรัพย์สินของบริ ษทั ฯ ไปใช้นอกเหนือจากการทางานให้แก่บริ ษทั ฯ 11.3 พนักงานต้องระวังทรัพย์สินของบริ ษทั ฯ มิให้สูญหายหรื อถูกทาลายไป แม้จะไม่ใช่หน้าที่โดยตรงของตน 11.4 พนักงานต้องศึกษาและทาความเข้าใจถึงวิธีการใช้และคาแนะนาในด้านความปลอดภัยของทรัพย์สินของตนเอง ความซื่อสัตย์สุจริ ต 12.1 พนักงานต้องไม่เปลี่ยนแปลง ปลอม แก้ไข ตัดทอนหรื อทาลายเอกสารต่างๆ ของบริ ษทั ฯ หรื อเอกสารที่เกี่ยวข้องระหว่าง บริ ษทั ฯ กับพนักงานโดยไม่มีอานาจหน้าที่ที่จะกระทาการดังกล่าว 12.2 พนักงานต้องแจ้งข้อมูลส่วนตัวของตนเองให้แก่ทางบริ ษทั ฯ ตามความเป็ นจริ ง และถ้าข้อมูลที่ได้แจ้งไว้แล้วไม่ถูกต้องกับ ความเป็ นจริ ง ไม่ว่ากรณี ใด พนักงานต้องรายงานข้อมูลที่ถูกต้องให้บริ ษทั ฯ ทราบโดยเร็ วที่สุด 12.3 พนักงานต้องให้ความร่ วมมือกับบริ ษทั ฯ ในการสอบสวนเรื่ องราวต่างๆ ที่บริ ษทั ฯ ต้องการ และการร่ วมมือดังกล่าว พนักงาน จะต้องกระทาด้วยความสุ จริ ต 12.4 พนักงานต้องไม่อาศัยอานาจหน้าที่หรื อโอกาสในการทางานกับบริ ษทั ฯ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ใดๆ อันขัดต่อจรรยาบรรณ วิชาชีพของตน ระเบียบประเพณี ในการทางานตามกฎหมายหรื อขัดต่อผลประโยชน์ของบริ ษทั ฯ 12.5 พนักงานต้องไม่แจ้งข้อความที่เป็ นเท็จหรื อลาป่ วยเท็จต่อผูบ้ งั คับบัญชาหรื อบริ ษทั ฯ 12.6 พนักงานต้องยินยอมให้พนักงานรักษาความปลอดภัยของบริ ษทั ฯ ตรวจค้นตัว ในกรณี ที่เกิดความสงสัยว่าจะมีสิ่งของผิด กฎหมาย หรื อได้มาจากการกระทาที่ผิดกฎหมายหรื ออาวุธอยูใ่ นตัวพนักงาน 12.7 ห้ามพนักงานปกปิ ดหรื อบิดเบือนความจริ ง เพื่อให้ได้มาซึ่งประโยชน์ของตนเองหรื อผูอ้ ื่น การรักษาความปลอดภัย เพื่อความปลอดภัยแก่ทรัพย์สินของบริ ษทั ฯ และความปลอดภัยแก่ทรัพย์สินหรื อตัวพนักงานของบริ ษทั ฯ พนักงานทุกคนต้องให้ ความร่ วมมือในการปฏิบตั ิดงั ต่อไปนี้ 13.1 พนักงานที่ไม่มีหน้าที่ หรื อที่ไม่ได้รับอนุญาตจากผูบ้ งั คับบัญชาที่ถูกต้องแล้วจะใช้สิ่งของหรื อเครื่ องจักรกล ซึ่งอาจจะ ก่อให้เกิดอันตรายหรื อไม่ก็ตาม ไม่ได้โดยเด็ดขาด 13.2 ถ้าพนักงานพบความบกพร่ องที่อาจก่อให้เกิดอันตราย หรื อความเสี ยหายแก่ทรัพย์สินของบริ ษทั ฯ จะต้องทาการแจ้งให้ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทราบทันที 14

13.3 ก่อนออกจากสถานที่ทางาน ถ้าพนักงานผูใ้ ดออกจากสถานที่ทางานเป็ นคนสุ ดท้ายพนักงานจะต้องดับไฟ ปิ ด เครื่ องปรับอากาศ ปิ ดก๊อกน้ า หรื อดับเครื่ องยนต์แล้วแต่กรณี 13.4 บริ เวณสถานที่ที่ใช้ในการปฏิบตั ิงานพนักงานต้องช่วยกันรักษาความสะอาดให้เป็ นระเบียบเรี ยบร้อย ห้ามวางสิ่ งหนึ่งสิ่ งใด กีดขวางทางเข้าออกฉุกเฉินและสถานที่ต้งั ของเครื่ องดับเพลิง 13.5 พนักงานต้องระมัดระวังเป็ นพิเศษในเรื่ องของการก่อให้เกิดอัคคีภยั และการสู บบุหรี่ จะต้องสู บในที่ที่กาหนดไว้และจะต้อง ทิ้งก้นบุหรี่ ในที่ที่กาหนดไว้ 13.6 พนักงานเมื่อเห็นบุคคลภายนอกเข้ามาในบริ ษทั ฯ ไม่ว่าเวลาใดๆ จะต้องทาการช่วยกันสังเกตและทาการสอบถาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาหลังเลิกงาน 13.7 พนักงานที่บริ ษทั ฯ กาหนดหน้าที่เป็ นพิเศษเท่านั้นจึงจะปฏิบตั ิดงั ต่อไปนี้ได้ 13.7.1 ใช้หรื อดูแลเครื่ องจักร เครื่ องเชื่อม เครื่ องตัดฯลฯ 13.7.2 ใช้หรื อดูแลน้ ามันเชื้อเพลิง และน้ ามันทุกชนิด 13.7.3 ใช้หรื อดูแลหรื อรักษาเครื่ องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่ องปรับอากาศและอื่นๆ 13.7.4 ขับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ซึ่งเป็ นทรัพย์สินของบริ ษทั ฯ 13.7.5 อื่นๆ ที่ได้กาหนดไว้เป็ นพิเศษ 13.8 พนักงานที่ทางานเกี่ยวกับการเชื่อมไฟฟ้าจะต้องสวมแว่น หรื อกระบังหน้าลดแสง ถุงมือ รองเท้าที่บริ ษทั ฯ จัดให้ ตลอดเวลาที่ทางาน 13.9 พนักงานที่ทางานเกี่ยวกับงานปั๊มโลหะ / ซุปโลหะ ต้องสวมถุงมือยางและรองเท้าที่บริ ษทั ฯ จัดให้ตลอดเวลาที่ทางาน 13.10 พนักงานที่ทางานเกี่ยวกับงานพ่นสี ต้องสวมถุงมือ หน้ากาก และรองเท้า ที่บริ ษทั ฯ จัดให้ตลอดเวลาที่ทางาน 13.11 พนักงานที่ทางานเกี่ยวกับฝุ่ นละอองจะต้องทาการสวมเครื่ องป้องกันฝุ่ นละอองที่บริ ษทั ฯ จัดให้ตลอดเวลาที่ทางาน 13.12 พนักงานที่ทางานควบคุมเครื่ องยนต์ เครื่ องจักร หรื อเครื่ องมือกล ต้องสวมหน้ากาก และรองเท้าที่บริ ษทั ฯ จัดให้ตลอดเวลา ที่ทางาน 13.13 พนักงานที่ทางานในบริ เวณที่มีเสียงดัง จะต้องใส่อุปกรณ์ป้องกันเสี ยง ที่บริ ษทั ฯ จัดให้ตลอดเวลาที่ทางาน 13.14 พนักงานที่ทางานในบริ เวณที่มีอากาศเป็ นฝุ่ นควัน จะต้องใส่อุปกรณ์ป้องกันอากาศเสี ยที่บริ ษทั ฯ จัดให้ตลอดเวลาที่ทางาน 13.15 พนักงานที่ทางานเสี่ ยงต่อสิ่ งของตกลงศีรษะจะต้องสวมหมวกที่บริ ษทั ฯ จัดให้ตลอดเวลาที่ทางาน 13.16 พนักงานที่บริ ษทั ฯ ระบุให้ใส่ชุดพิเศษนอกเหนือจากชุดปกติ ต้องใส่ชุดดังกล่าวตลอดเวลาที่ทางาน 14 โทษทางวินยั วินยั ของพนักงานตามที่ระบุมานี้ พนักงานมีหน้าที่จะต้องปฏิบตั ิตามโดยเคร่ งครัด ถ้าพนักงานผูใ้ ดละเว้นการปฏิบตั ิ ใดๆ อันถือว่า เป็ นการฝ่ าฝื นวินยั ดังกล่าว จะต้องถูกพิจารณาลงโทษทางวินยั ตามลักษณะแห่งความผิด หรื อความหนักเบาของการกระทา ความผิด หรื อความร้ายแรงที่เกิดขึ้น การลงโทษเป็ นไปตามข้อหนึ่งข้อใดหรื อหลายข้อรวมกันก็ได้ ตามบทลงโทษทางวินยั บริ ษทั ฯ กาหนดบทลงโทษทางวินยั ได้ 4 ประการดังนี้ 14.1 การตักเตือนด้วยวาจา โดยบันทึกเป็ นหนังสื อไว้เป็ นหลักฐาน 14.2 การตักเตือนเป็ นหนังสื อ 14.3 การตักเตือนพักงานโดยไม่จ่ายค่าจ้าง (ไม่เกิน 7 วัน) 14.4 การเลิกจ้าง หมวดที่ 9 การเลิกจ้ าง ค่าชดเชย และค่าชดเชยพิเศษ

15

2.

3.

บริ ษทั ฯ มีความปรารถนาอย่างยิ่งที่จะให้พนักงานทุกคน ทางานกับบริ ษทั ฯ อย่างผาสุ ก และประสบความสาเร็ จในหน้าที่การ งานจนกระทัง่ เกษียณอายุ แต่บางครั้งก็มีเหตุอนั จาเป็ นที่ทาให้พนักงานต้องพ้นสภาพการเป็ นพนักงานของบริ ษทั ฯ โดยถูก เลิกจ้าง หรื อลาออกก็ตาม ดังนั้นบริ ษทั ฯ จึงเห็นควรกาหนดแนวปฏิบตั ิในเรื่ องนี้ ไว้ดงั นี้ 1. พนักงานจะพ้นสภาพการเป็ นพนักงาน 1.1. พนักงานถึงแก่ความตาย หรื อเป็ นสาบสู ญตามกฎหมาย 1.2. พนักงานเกษียณอายุ 1.3. พนักงานลาออกจากการเป็ นพนักงานของบริ ษทั ฯ และได้รับอนุมตั ิจากบริ ษทั ฯแล้ว 1.4. พนักงานถูกบริ ษทั ฯ เลิกจ้าง 1.5. พนักงานที่ขาดคุณสมบัติการเป็ นพนักงานของบริ ษทั ฯ 1.6. พนักงานได้รับโทษตามคาพิพากษาถึงที่สุดให้จาคุก การเกษียณอายุของพนักงาน 2.1. บริ ษทั ฯ กาหนดให้พนักงานเกษียณอายุงานเมื่อครบอายุ 60 ปี บริ บรู ณ์ และจะเกษียณอายุงานตั้งแต่วนั ที่ 1 มกราคม ของทุกปี ถัดไป โดยบริ ษทั ฯ จะแจ้งให้พนักงานที่จะเกษียณอายุทราบล่วงหน้า อย่างน้อย 30 วัน 2.2. พนักงานที่เกษียณอายุแล้ว บริ ษทั ฯ อาจพิจารณาจ้างพนักงานผูน้ ้ นั ให้ทางานได้อีกตามที่บริ ษทั โดยทาสัญญาจ้างที่มี กาหนดระยะเวลาแน่นอนเป็ นปี ๆ ไปก็ได้ การลาออกจากการเป็ นพนักงานของบริ ษทั ฯ 3.1. พนักงานที่ประสงค์จะลาออกจากการเป็ นพนักงานของบริ ษทั ฯ ต้องยื่นหนังสื อลาออกตามที่บริ ษทั ฯ กาหนด ต่อ ผูบ้ งั คับบัญชาตามสายงานเป็ นการล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วัน(1งวดค่าแรง) 3.2. ในกรณี ที่พนักงานไม่ได้ยื่นหนังสื อลาออกตามแบบที่กาหนด โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร หรื อได้ออกไปก่อนที่จะ ได้รับอนุมตั ิจากผูบ้ งั คับบัญชา หรื อได้ออกจากงานก่อนวันที่จะครบกาหนดลาออก บริ ษทั ฯจะถือว่าพฤติกรรมของพนักงานผู ้ นั้นเป็ นการจงใจละทิ้งหน้าที่ และอาจถูกปลดออก หรื อถูกเลิกจ้าง รวมทั้งตัดสิ ทธิประโยชน์อื่น ๆ ที่พึงมีมิได้ การเลิกจ้าง โดยบริ ษทั ฯ จ่ายค่าชดเชยและค่าชดเชยพิเศษ 3.1.4 การเลิกจ้างกรณี ปกติ การเลิกจ้าง หมายความว่า 1.1 การที่นายจ้างไม่ให้ลูกจ้างทางานต่อไป และไม่จ่ายค่าจ้างให้ไม่ว่าจะเป็ นเพราะเหตุสิ้นสุ ดสัญญาจ้างหรื อเหตุอื่นใด 1.2 การที่ลูกจ้างไม่ได้ทางานและไม่ได้รับค่าจ้าง เพราะเหตุที่นายจ้างไม่สามารถดาเนินการต่อไป จ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้าง ดังต่อไปนี้ ก. พนักงานที่มีอายุการทางานติดต่อกันครบ 120 วัน แต่ไม่ครบ 1 ปี โดยรวมวันหยุด วันลา และ วันที่บริ ษทั ฯ สั่งให้ หยุดเพื่อประโยชน์ของบริ ษทั ฯ จะจ่ายชดเชยให้เท่ากับค่าจ้างพื้นฐาน 30 วัน ของอัตราค่าจ้างอัตราสุ ดท้าย ข. พนักงานที่มีอายุการทางานติดต่อกันครบ 1 ปี แต่ไม่ครบ 3 ปี โดยรวมวันหยุด วันลา และวันที่บริ ษทั ฯ สั่งให้หยุด เพื่อประโยชน์ของบริ ษทั ฯ จะจ่ายค่าชดเชยให้เท่ากับค่าจ้างพื้นฐาน 90 วัน ของอัตราค่าจ้างอัตราสุ ดท้าย พนักงานที่มีอายุการทางานติดต่อกันครบ 3 ปี แต่ไม่ครบ 6 ปี โดยรวมวันหยุด วันลา และวันที่บริ ษทั ฯ สั่งให้หยุด เพื่อประโยชน์ของบริ ษทั ฯ จะจ่ายค่าชดเชยให้เท่ากับค่าจ้างพื้นฐาน 180 วัน ของอัตราค่าจ้างอัตราสุ ดท้าย ค. พนักงานที่มีอายุการทางานติดต่อกันครบ 6 ปี แต่ไม่ครบ 10 ปี โดยรวมวันหยุด วันลา และวันที่บริ ษทั ฯ สั่งให้หยุด เพื่อประโยชน์ของบริ ษทั ฯ จะจ่ายค่าชดเชยให้เท่ากับค่าจ้างพื้นฐาน 240 วัน ของอัตราค่าจ้างอัตราสุ ดท้าย ง. พนักงานที่มีอายุการทางานติดต่อกันครบ 10 ปี ขึ้นไปโดยรวมวันหยุดวันลา และวันที่บริ ษทั ฯ สัง่ ให้หยุดเพื่อ ประโยชน์ของบริ ษทั ฯ จะจ่ายค่าชดเชยให้เท่ากับค่าจ้างพื้นฐาน 300 วัน ของอัตราค่าจ้างอัตราสุ ดท้าย 9.1.2 การเลิกจ้างเพราะเหตุที่นายจ้างปรับปรุ งหน่วยงาน กระบวนการผลิต การจาหน่าย หรื อการบริ การ อันเนื่องจากการ นาเครื่ องจักรมาใช้หรื อเปลี่ยนแปลงเครื่ องจักรหรื อเทคโนโลยีซ่ ึงเป็ นเหตุให้ตอ้ งลดจานวนลูกจ้าง นายจ้างจะปฏิบตั ิดงั นี้ 16

(1) (2)

แจ้งวันที่จะเลิกจ้าง เหตุผลของการเลิกจ้าง และรายชื่อลูกจ้างที่จะถูกเลิกจ้างให้ทราบล่วงหน้าไม่นอ้ ยกว่าหกสิ บวัน ในกรณี ที่นายจ้างไม่สามารถแจ้งได้หรื อ แจ้งการเลิกจ้างน้อยกว่าหกสิ บวัน จะจ่ายค่าชดเชยพิเศษแทนการบอกกล่าว ล่วงหน้าเท่ากับค่าจ้างอัตราสุ ดท้ายหกสิ บวัน หรื อเท่ากับค่าจ้างของการทางานหกสิ บวันสุ ดท้ายสาหรับลูกจ้างซึ่ง ได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคานวณเป็ นหน่วย (3) จ่ายค่าชดเชยพิเศษเพิ่มจากค่าชดเชยปกติตามข้อ 1 ในกรณีที่ลูกจ้างทางานติดต่อกันเกินหกปี ขึ้นไป โดยจ่ายไม่นอ้ ย กว่าค่าจ้างอัตราสุ ดท้ายสิ บห้าวันต่อการทางานครบหนึ่งปี หรื อไม่นอ้ ยกว่าค่าจ้างของการทางานสิ บห้าวันสุ ดท้ายต่อ การทางานครบหนึ่งปี สาหรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคานวณเป็ นหน่วย ทั้งนี้ ค่าชดเชยพิเศษดังกล่าว จะไม่เกินค่าจ้างอัตราสุ ดท้ายสามร้อยหกสิ บวัน หรื อไม่เกินค่าจ้างของการทางานสามร้อยหกสิ บวันสุ ดท้าย สาหรับ ลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงาน โดยคานวณเป็ นหน่วย กรณี ระยะเวลาทางานไม่ครบหนึ่งปี ถ้าเศษของระยะเวลาทางานมากว่าหนึ่งร้อยแปดสิ บวัน ให้นบั เป็ นการทางานครบหนึ่งปี 3.1.5 การย้ายสถานประกอบกิจการไปตั้ง ณ.สถานที่อื่น ในกรณี ที่นายจ้างจะย้ายสถานประกอบกิจการไปตั้ง ณ.สถานที่อื่น อันมีผลกระทบสาคัญต่อการดารงชีวิตตามปกติของลูกจ้าง หรื อครอบครัว นายจ้างจะปฏิบตั ิดงั นี้ (1) นายจ้างต้องแจ้งให้ลูกจ้างทราบล่วงหน้าไม่นอ้ ยกว่าสามสิ บวันก่อนวันย้ายสถานประกอบกิจการ ในกรณี ที่นายจ้างไม่สามารถแจ้งได้ หรื อแจ้งการย้ายสถานประกอบกิจการน้อยกว่าสามสิ บวันจะจ่ายค่าชดเชยพิเศษแทนการ บอกกล่าวล่วงหน้าเท่ากับค่าจ้างอัตราสุ ดท้ายสามสิ บวัน หรื อเท่ากับค่าจ้างของการทางานสามสิ บวันสุ ดท้ายสาหรับลูกจ้างซึ่ง ได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคานวณเป็ นหน่วย (2) หากลูกจ้างไม่ประสงค์จะไปทางานด้วย ลูกจ้างมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ภายในสามสิ บวัน นับแต่วนั ที่ได้รับแจ้ง จากนายจ้างหรื อวันที่นายจ้างย้ายสถานประกอบกิจการแล้วแต่กรณี โดยลูกจ้างจะมีสิทธิได้รับค่าชดเชยพิเศษไม่นอ้ ยกว่าอัตรา ค่าชดเชยที่ลูกจ้างมีสิทธิได้รับตามข้อ 1 ภายในเจ็ดวันนับแต่วนั ที่ลกู จ้างบอกเลิกสัญญา 10 การเลิกจ้ างโดยไม่ จ่ายค่าชดเชย การเลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชย ผูม้ ีอานาจลงโทษมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาพนักงานผูก้ ระทาความผิด 10.1 ทุจริ ตต่อหน้าที่ หรื อกระทาความผิดอาญาโดยเจตนาแก่บริ ษทั ฯ 10.2 จงใจทาให้บริ ษทั ฯ ได้รับความเสี ยหาย 10.3 ประมาทเลินเล่อ เป็ นเหตุให้บริ ษทั ฯ ได้รับความเสี ยหายอย่างร้ายแรง หรื อเป็ นเหตุทาให้เกิดภัยอันตราย 10.4 ฝ่ าฝื นข้อบังคับเกี่ยวกับการทางาน หรื อระเบียบ หรื อคาสั่ง ของบริ ษทั ฯ อันชอบด้วยกฎหมายและเป็ นธรรม และบริ ษทั ได้ตกั เตือนเป็ นหนังสื อแล้ว เว้นแต่กรณี ที่ร้ายแรง บริ ษทั ฯไม่จาเป็ นต้องตักเตือน 10.5 ละทิง้ หน้าที่เป็ นเวลาสามวันทางานติดต่อกันไม่ว่าจะมีวนั หยุดคัน่ หรื อไม่ก็ตาม โดยไม่มีเหตุอนั สมควร 10.7 ได้รับโทษจาคุกตามคาพิพากษาถึงที่สุดให้จาคุก (ถ้าเป็ นความผิดที่ได้กระทาโดยประมาทหรื อความผิดลหุโทษต้องเป็ น กรณี ที่เป็ นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสี ยหาย) 10.8 ในกรณี ที่พนักงานถูกฟ้องร้อง หรื อกล่าวหาในคดีอาญา หรื อทาผิดวินยั ร้ายแรงซึ่งอยูใ่ นระหว่างการสอบสวนให้ผรู ้ ับ มอบอานาจสั่งพนักงานเพื่อการสอบสวนได้ไม่เกินเจ็ดวัน โดยบริ ษทั ฯจะจ่ายเงินร้อยละห้าสิ บของค่าจ้างในวันทางานที่ พนักงานได้รับก่อนถูกสัง่ พักงาน และเมื่อผลการสอบสวนลูกจ้างไม่มีความผิด บริ ษทั ฯจะจ่ายเงินส่วนที่เหลือห้าสิ บ เปอร์เซ็นต์พร้อมดอกเบี้ยร้อยละสิ บห้าบาท ให้กบั ลูกจ้าง 10.9 การพิจารณาลงโทษตามข้อบังคับของบริ ษทั ฯ ที่ได้กล่าวมาแล้วนั้นยังไม่ละเอียด และครอบคลุมถึงสถานการณ์ในทุกแง่ ทุก มุมได้ ดังนั้นการพิจารณาลงโทษ หรื อการกาหนดบทลงโทษจึงอยูใ่ นดุลพินิจของบริ ษทั ฯ ทั้งนี้จะคานึงถึงการสร้างสรรค์ เพื่อให้เกิดความเป็ นธรรมและเสมอภาคแก่พนักงานและไม่ขดั แย้งต่อข้อกฏหมาย ผูม้ ีอานาจพิจารณาและดาเนิน การลงโทษทางวินยั คือ กรรมการผูจ้ ดั การและผูท้ ี่กรรมการผูจ้ ดั การมอบอานาจหรื อมอบหมาย ดาเนินการ 17

11 โทษสถานร้ายแรง พนักงานที่มีการกระทาผิดวินยั อย่างใดอย่างหนึ่ง หรื อหลายอย่างให้ถือว่าเป็ นการกระทาความผิดทางวินยั อย่างร้ายแรง และ บริ ษทั ฯ จะเลิกจ้างได้ทนั ที (โดยไม่จ่ายค่าชดเชยให้) ดังนี้ 11.1 ใช้เอกสารเท็จ หรื อใช้ขอ้ ความอันเป็ นเท็จในการสมัครงาน ปลอมแปลงเอกสาร หรื อให้ขอ้ มูลที่เป็ นเท็จกับบริ ษทั ฯ หรื อผูบ้ งั คับบัญชา เพื่อเป็ นประโยชน์ของตนหรื อของผูอ้ นื่ 11.2 ลาหยุดงานเป็ นเท็จ ใช้เอกสารการลาหยุดงานเป็ นเท็จ หรื อใช้สิทธิหยุดงานที่ไม่ตรงกับความเป็ นจริ งหรื ออ้างอาการ ป่ วยเองโดยไม่ได้เจ็บป่ วยจริ ง 11.3 บันทึกเวลาเข้าทางาน หรื อเลิกงานให้กบั ผูอ้ ื่น ให้ผอู ้ ื่นบันทึกเวลาแทนตน ลงบันทึกเวลาเข้าทางาน หรื อเลิกงานเป็ นเท็จ หรื อไม่ถูกต้องตรงตามความเป็ นจริ ง 11.4 ยักยอก เคลื่อนย้าย พยายามเคลื่อนย้ายทรัพย์สินของบริ ษทั ฯ ออกนอกบริ เวณพื้นที่ที่ปฏิบตั ิงานที่บริ ษทั ฯ กาหนด หรื อ ติดตั้งไว้ หรื อออกนอกบริ ษทั ฯ หรื อทาลายทรัพย์สินของบริ ษทั ฯ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากบริ ษทั 11.5 ปฏิบตั ิกิจการส่วนตัวในขณะอยูใ่ นหน้าที่ในเวลาทางาน ใช้ทรัพย์สินของบริ ษทั ฯ ยินยอมให้พนักงานคนอืน่ หรื อผูอ้ ื่น กระทาเช่นนั้น ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว หรื อประโยชน์ผอู ้ ื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากบริ ษทั ฯ 11.6 ใช้ตาแหน่งหน้าที่ในการรับสิ นบน ให้สินบน หลอกลวงผูอ้ นื่ เพื่อเกิดประโยชน์แก่ตนเองและมีผลอาจทาให้บริ ษทั ฯ เสื่ อมเสี ยชื่อเสี ยง หรื อยินยอมให้ผอู ้ ื่นกระทาเช่นนั้น 11.7 ประพฤติตนเป็ นนักเลงอันธพาล เล่นการพนัน ดื่มสุ รา เสพของมึนเมา เสพสิ่ งเสพติด หรื อเป็ นผูใ้ ช้หรื อจาหน่ายใน บริ เวณบริ ษทั ฯ 11.8 ขูด ลบ ขีด ฆ่า ต่อเติม แก้ไข ทาลายเอกสารหรื อประกาศ คาสัง่ ของบริ ษทั ฯ เขียนข้อความต่างๆ ทาเครื่ องหมายตามสาน ที่ต่างๆ ในบริ ษทั ฯ 11.9 ยักยอก ฉ้อโกง ลักขโมย หรื อทาลายทรัพย์ของเพื่อนพนักงานหรื อบุคคลอื่นที่มาติดต่อธุรกิจกับบริ ษทั ฯ ในบริ เวณ บริ ษทั ฯ 11.10 รี ดเอาทรัพย์ ขู่เข็ญ ข่มขู่ ทาร้าย ให้ร้าย พูดจาหยาบคาย ก้าวร้าวต่อผูบ้ งั คับบัญชา ผูร้ ่ วมงาน หรื อก่อการทะเลาะวิวาท ทาร้ายร่ างกายหรื อก่อให้เกิดความเสี ยหายต่อพนักงานผูอ้ นื่ ที่เกี่ยวข้องกับบริ ษทั ฯ หรื อต่อบริ ษทั ฯ เอง 11.11 ขัดขืนคาสั่ง ปฏิเสธที่จะปฏิบตั ิงานตามที่ได้รับมอบหมายโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ไม่ปฏิบตั ิตามขั้นตอนการทางาน ชักชวน ยุยงส่งเสริ มให้พนักงานอื่นปฏิบตั ิเช่นนั้น จนทาให้เกิดความเสี ยหายต่อการบริ หารของบริ ษทั ฯ หรื อสายการปกครอง ของผูบ้ งั คับบัญชา 11.12 เป็ นผูก้ ่อการ เข้าร่ วม ส่งเสริ มให้มีการเฉื่อยงาน นัดลาหยุดงานที่ไม่ตรงต่อความเป็ นจริ ง และก่อให้เกิดความยุง่ ยาก ใน สถานที่ทางาน ยุยงยุแหย่ ทาลายความสัมพันธ์อนั ดีระหว่างบริ ษทั ฯ กับบริ ษทั ฯ บริ ษทั ฯกับพนักงาน พนักงานกับพนักงาน พนักงานกับผูบ้ งั คับบัญชา อันก่อให้เกิดความไม่สงบเรี ยบร้อยในบริ ษทั ฯ 11.13 มีไว้ในครอบครอง จาหน่าย จ่ายแจก หรื อเป็ นผูส้ นับสนุน ให้ผอู ้ ื่นกระทาการอันเกี่ยวกับอาวุธ วัตถุระเบิด ยาเสพติด หรื อสิ่ งเสพติด หรื อสิ่ งเสพติดให้โทษ ทั้งในเวลาทางานและนอกเวลาทางาน ในบริ เวณบริ ษทั ฯ 11.14 เจตนา หรื อจงใจให้ตนเอง หรื อผูอ้ ื่นประสบอันตรายในบริ เวณบริ ษทั ฯ หรื อยอมให้ผอู ้ ื่นทาให้ตนประสบอันตราย ในขณะปฏิบตั ิงานให้กบั บริ ษทั ฯ 11.15 รับจ้าง หรื อยอมทางานให้กบั บุคคลอื่น คณะบุคคล หรื อนิติบุคคลใดๆ ซึ่งมีการประกอบธุรกิจในลักษณะคล้ายหรื อ สภาพเดียวกัน หรื อแข่งขันกับบริ ษทั ฯ 11.16 เปิ ดเผยความลับเกี่ยวกับการบริ หาร ข้อมูลทางธุรกิจ หรื อข้อมูลเกี่ยวกับเทคนิคของบริ ษทั ฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต 11.17 พนักงานที่ปิดกั้นทางเข้า – ออก บริ ษทั ฯ หรื อขัดขวางจนเป็ นเหตุให้บริ ษทั ฯ ไม่สามารถดาเนินธุรกิจตามปกติ หรื อ ดาเนินการผลิตตามปกติ และทาให้บริ ษทั ฯ ได้รับความเสี ยหายหรื อพนักงานได้รับความเดือดร้อน หรื อแสดงออกถึงความ เป็ นปรปักษ์กบั บริ ษทั ฯ ผูบ้ ริ หาร ผูบ้ งั คับบัญชา หรื อเพื่อนพนักงาน 18

11.18 ละเลย ไม่ให้ความร่ วมมือ หรื อไม่ปฏิบตั ิตามระเบียบด้านความปลอดภัยในการทางาน ซึ่งอาจทาให้ตวั พนักงาน หรื อ ผูอ้ ื่นได้รับบาดเจ็บ หรื ออาจถึงเสียชีวิตได้ หรื อเป็ นการทาให้บริ ษทั ฯ ได้รับความเสี ยหายต่อการดาเนินธุรกิจตามปกติ หรื อ เกียรติภูมิของบริ ษทั ฯ 11.19 อาศัยตาแหน่งหน้าที่ในบริ ษทั ฯ ไปในลักษณะทุจริ ตต่อหน้าที่ หรื อเป็ นบุคคลที่บริ ษทั ฯ ไม่สามารถที่จะไว้วางใจให้ ทางานกับบริ ษทั ฯ อยูต่ ่อไปได้ 11.20 ละทิ้งหน้าที่ของตนเอง หรื อยุยงส่งเสริ มให้ผอู ้ ื่นละทิ้งหน้าที่ของตนเอง ไม่ว่าด้วยวิธีการใดๆ ก็ตาม 11.21 กระทาการโดยจงใจให้บริ ษทั ฯ หรื อทรัพย์สินของบริ ษทั ฯ ได้รับความเสี ยหาย 11.22 ปฏิบตั ิหน้าที่ดว้ ยความประมาทเลินเล่อ เป็ นเหตุให้บริ ษทั ฯ ได้รับความเสี ยหายอย่างร้ายแรง 11.23 กระทาผิดอาญา โดยเจตนาต่อบริ ษทั ฯ หรื อทุจริ ตต่อหน้าที่ 11.24 ฝ่ าฝื นข้อบังคับการทางาน กฎระเบียบ คาสั่ง ประกาศ หรื อธรรมเนียม ปฏิบตั ิของบริ ษทั ฯ กรณี ร้ายแรง 11.25 ละทิ้งหน้าที่เป็ นเวลา 3 วันทางานติดต่อกันไม่ว่าจะมีวนั หยุดขั้นหรื อไม่ก็ตาม โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร 11.26 กระทาผิดกฎหมายจนได้รับโทษตามคาพิพากษาถึงที่สุดให้จาคุก หมวดที่10 การร้ องทุกข์ บริ ษทั ฯ ยินดีที่จะรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ปัญหาของพนักงาน ดังนั้นถ้าพนักงานผูใ้ ดมีความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ หรื อปัญหาใดๆ ให้เสนอแต่ผบู ้ งั คับบัญชาตามลาดับขั้น ซึ่งพร้อมที่จะรับฟัง และพิจารณาด้วยความเป็ นธรรม เพื่อจรรโลงไว้ ซึ่งความสัมพันธ์อนั ดีระหว่างบริ ษทั ฯ และพนักงาน 1. วิธีการและขั้นตอนการร้องทุกข์ เรื่ องที่ร้องทุกข์น้ นั ต้องเป็ นเรื่ องเกี่ยวกับการทางาน มิใช่เรื่ องส่วนตัว ผูร้ ้องทุกข์จะต้องให้ขอ้ เท็จจริ งทั้งหมด โดยละเอียดและ ชัดเจน จะต้องแสดงหลักฐานประกอบ (ถ้ามี) ทั้งนี้จะต้องร้องทุกข์ภายใน 30 วัน นับแต่วนั ที่มีปัญหาหรื อความขัดแย้งที่ เกิดขึ้น พนักงานประสงค์ที่จะขอร้องทุกข์จะขอเข้าพบผูบ้ งั คับบัญชาโดยตรงหรื อที่ฝ่ายบุคคล เพื่อแจ้งการร้องทุกข์ดว้ ยวาจาหรื อแจ้ง ด้วยหนังสื อก็ได้ หากว่าพนักงานยังไม่พอใจกับคาชี้แจง หรื อคาอธิบายนั้นๆ แล้วก็ให้ยนื่ เรื่ องร้องทุกข์เป็ นหนังสื อโดยตรงต่อ ผูบ้ งั คับบัญชา ลาดับสู งขึ้นเพื่อดาเนินการต่อไป การร้องทุกข์เป็ นหนังสื อ พนักงานจะต้องระบุสาเหตุที่ร้องทุกข์ และความประสงค์ที่จะให้บริ ษทั ฯ ดาเนินแก้ไขหรื อบรรเทา ความทุกข์ร้อนนั้น อย่างชัดเจนให้ครบถ้วน และเป็ นความจริ งพร้อมแสดงหลักฐานแนบ (ถ้ามี) พนักงาน จะยื่นร้องทุกข์เป็ นรายบุคคล หรื อจะร่ วมกันยื่นในเรื่ องเดียวกันเป็ นกลุ่มพนักงานก็ได้ โดยพนักงานจะต้องลง ลายมือชื่อ และตาแหน่งของผูร้ ้องทุกข์น้ นั ๆ ห้ามพนักงานร้องทุกข์แทนผูอ้ ื่น โดยที่เรื่ องร้องทุกข์น้ นั ๆ ไม่ใช่เป็ นปัญหาของตนเอง บริ ษทั ฯจะไม่พิจารณาข้อร้องทุกข์ที่เกี่ยวกับความไม่เป็ นหนังสื อสนเท่ห์ ทั้งนี้เพราะไม่สามารถสอบหาข้อเท็จจริ ง เพื่อเป็ น แนวทางแก้ปัญหา ให้กบั บุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็ นการเฉพาะได้ ในกรณี ที่เป็ นการร้องทุกข์ที่เกี่ยวกับความไม่เป็ นธรรมของผูบ้ งั คับบัญชาหรื อที่มีระดับสู งกว่าผูบ้ งั คับบัญชาของตน สามารถ ร้องต่อผูจ้ ดั การแผนกบุคคลและกิจการทัว่ ไป 2. การสอบสวนและพิจารณาข้อร้องทุกข์

19

2.1 เมื่อผูบ้ งั คับบัญชาที่ได้รับการร้องทุกข์จากพนักงานแล้ว จะต้องดาเนินการสอบหาข้อเท็จจริ ง และหาแนวทางแก้ไข ปัญหาเพื่อหาข้อยุติ และให้ช้ ีแจงผลการพิจารณาให้พนักงานทราบด้วยวาจา หรื อ เป็ นหนังสื อภายใน 15 วัน นับแต่วนั ที่ได้ รับคาร้องทุกข์น้ นั 2.2 หากผูบ้ งั คับบัญชาได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อร้องทุกข์ของพนักงานนั้นเป็ นปัญหาที่มีความสาคัญและมีความ สลับซับซ้อนมากเกินกว่าที่จะทาการพิจารณาได้ อาจนาเสนอต่อผูจ้ ดั การฝ่ ายบุคคล เพื่อขอแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนหา ข้อเท็จจริ ง โดยให้คณะกรรมการสอบสวน นาเสนอความเห็นในการสอบสวน ต่อผูจ้ ดั การฝ่ ายบุคคลภายใน 30 วัน นับแต่ วันที่ได้รับการแต่งตั้งแล้วแจ้งผลให้พนักงานผูร้ ้องได้รับทราบผลพิจารณา 2.3 หากพนักงานผูร้ ้องทุกข์ไม่เห็นด้วยกับผลการพิจารณาของผูบ้ งั คับบัญชา หรื อของคณะกรรมการสอบสวน พนักงานก็ มี สิ ทธิที่จะอุทธรณ์ผลการพิจารณา ต่อกรรมการผูจ้ ดั การบริ ษทั โดยยื่นแบบหนังสื อระบุเหตุผลที่ยงั ไม่เห็นด้วยกับผลการ พิจารณาภายใน 7 วัน นับจากวันที่ได้รับทราบการพิจารณานั้น 2.4 กรรมการผูจ้ ดั การจะทาการพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาด ข้ออุทธรณ์ร้องทุกข์ของพนักงานโดยเร็ ว 2.5 กาหนดระยะเวลาในการสอบสวนก็ดี การพิจารณาข้อร้องทุกข์ก็ดี ทางผูบ้ งั คับบัญชาหรื อคณะกรรมการสอบสวน ไม่ สามารถดาเนินการให้แล้วเสร็ จได้ การขอขยายกาหนดระยะเวลาดังกล่าว จัดต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ บริ ษทั เท่านั้น 3 กระบวนการยุติขอ้ ร้องทุกข์ของพนักงาน 3.1 กรณี ที่พนักงานไม่ดาเนินการร้องทุกข์ หรื อไม่อทุ ธรณ์ขอ้ วินิจฉัยของผูบ้ งั คับบัญชา หรื อของคณะกรรมการสอบสวน ภายในกาหนดระยะเวลาที่ได้กาหนดระยะเวลาที่ได้กาหนดไว้ ให้ถือว่าพนักงานไม่ประสงค์ที่จะขอร้องทุกข์หรื อยื่นร้อง อุทธรณ์ขอ้ ร้องทุกข์ที่เกิดขึ้น ให้ถือว่าเป็ นอันสิ้นสุ ดลงทันที 3.2 หากพนักงานเห็นชอบ หรื อพึงพอใจกับคาวินิจฉัยชี้ขาดของข้อร้องทุกข์จากผูบ้ งั คับบัญชา คณะกรรมการสอบสวนหรื อ กรรมการผูจ้ ดั การได้ช้ ีขาดแล้ว ก็ถือว่าขอร้องทุกข์ หรื ออุทธรณ์ขอ้ ร้องทุกข์ของพนักงานเป็ นอันสิ้นสุ ดลง 3.3 พนักงานที่ร้องทุกข์ หรื ออุทธรณ์ขอ้ ร้องทุกข์ ที่ไม่ยอมมาให้ปากคา หรื อชี้แจงเพิ่มเติมในขั้นตอนการสอบหาข้อเท็จจริ ง โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ให้ถือว่าพนักงานผูร้ ้องทุกข์ หรื ออุทธรณ์ขอ้ ร้องทุกข์ ไม่ติดใจที่จะให้มีการดาเนินการต่อไป และ ให้ถือว่าข้อร้องทุกข์น้ นั เป็ นอันสิ้นสุ ดลง 3.4 ข้อร้องทุกข์ หรื ออุทธรณ์ขอ้ ร้องทุกข์ที่ได้รับพิจารณาเป็ นอันสิ้นสุ ดแล้ว พนักงานจะดาเนินการยื่นร้องทุกข์ในลักษณะ เดิมซ้ าอีกไม่ได้ แจ้งให้พนักงานผูร้ ้องทุกข์ทราบแล้ว 3.5 เมื่อผูบ้ งั คับบัญชาต้นสังกัด ได้ดาเนินการพิจารณาหาข้อยุติในการร้องทุกข์ของพนักงานผูร้ ้องทุกข์แล้วต้องแจ้งผล ให้ พนักงานผูร้ ้องทุกข์รับทราบทุกครั้ง 4 การคุม้ ครองผูย้ นื่ ร้องทุกข์และผูเ้ กี่ยวข้อง 4.1 บริ ษทั ฯ จะถือว่าเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการร้องทุกข์ และคาวินิจฉัยคาร้องทุกข์หรื ออุทธรณ์ขอ้ ร้องทุกข์ ให้ถือว่า เป็ นเอกสารปกปิ ด (ลับ) และจะเปิ ดเผยได้ก็ต่อเมื่อได้รับความยินยอมจากพนักงานผูร้ ้องทุกข์ หรื อจากผูจ้ ดั การแผนกต้น สังกัด หรื อเป็ นคาสั่งของกรรมการผูจ้ ดั การขึ้นไปเท่านั้น 4.2 บริ ษทั ฯ จะต้องดูแลอย่างใกล้ชิดมิให้ผรู ้ ้องทุกข์ และผูเ้ กี่ยวข้องได้รับการกลัน่ แกล้ง 4.3 บริ ษทั ฯ จะไม่เอาผิดพนักงานด้วยสาเหตุที่ พนักงานผูน้ ้ นั ได้ยื่นหนังสื อร้องทุกข์ดว้ ยความเป็ นจริ ง และถูกต้องตาม ข้อบังคับ เว้นแต่จะเป็ นการร้องทุกข์ที่เป็ นเท็จ หรื อเจตนาใส่ร้ายผูอ้ ื่นเท่านั้น 4.4 พนักงานสามารถขอคาปรึ กษาหารื อจากผูจ้ ดั การแผนกบุคคลและผูจ้ ดั การทัว่ ไป เกี่ยวกับขั้นตอนการยื่นคาร้องทุกข์ หรื อคาอุทธรณ์ร้องทุกข์ เพื่อใช้เป็ นแนวทางการร้องทุกข์ หรื อการร้องทุกข์ที่ถูกต้องได้ตลอดเวลา 5 ทางบริ ษทั ได้ จัดทาตู้ รับความคิดเห็น ไว้ในบริ เวณบริ ษทั พนักงานสามารถสะท้อนความเห็นส่วนตัวโดยไม่ระบุชื่อได้ 20

หมวดที่11 ระเบียบการลาออก พนักงานของบริ ษทั ที่มีความประสงค์จะลาออกจากการเป็ นพนักงานของบริ ษทั ไม่ว่าด้วยสาเหตุใดๆ ต้องแจ้งติดต่อกับฝ่ าย บุคคล แล้วจัดทาหนังสื อการลาออก จากนั้นให้ยื่นหนังสื อลาออกให้ตน้ สังกัดเซ็นรับรองก่อน แล้วยื่นส่งฝ่ ายบุคคลเพื่อ ดาเนินการขั้นตอนให้สอดคล้องข้อบังคับและระเบียบการทางข้อกฎหมายต่อไป หมายเหตุ การยื่นส่งใบลาออกต้องแจ้งล่วงหน้าก่อน 30 วัน

หมวดที่ 12 การเสริมสร้ างความสัมพันธ์ 1. กรณี บุคคลในครอบครัวได้แก่ บิดา มารดา ภรรยา สามี บุตร พี่ น้อง เสี ยชีวิต ทางบริ ษทั ช่วยเหลือเงิน ฌาปณกิจ 3000 บาท (ต้องมีเอกสารประกอบแนบ) หมวดที่ 13 บทเฉพาะกาล 1. บริ ษทั ฯ ขอสงวนสิ ทธิที่จะกระทาการยกเลิก แก้ไข หรื อเพิ่มเติมส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อบังคับในการทางานเฉพาะในกรณีที่มีความ จาเป็ นเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการทางาน และเพื่อให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติคมุ้ ครองแรงงาน 2. ข้อบังคับในการทางานฉบับนี้ ถ้ามีขอ้ ความใดที่ขดั แย้งกับพระราชบัญญัติคมุ้ ครองแรงงาน ให้นาข้อความในพระราชบัญญัติคมุ้ ครอง แรงงานมาใช้บงั คับแทน 3. ถ้าข้อความใดมิได้ระบุไว้ในข้อบังคับในการทางานฉบับนี้ ให้ถือข้อความ และแนวทางการปฏิบตั ิตามพระราชบัญญัติคมุ้ ครองแรงงาน 4. ประกาศ ข้อบังคับใดๆ ที่เคยถือปฏิบตั ิกนั มาก่อน และมีขอ้ ความขัดกับข้อบังคับในการทางานฉบับนี้ ให้ถือว่าไม่มีผลใช้บงั คับอีกต่อไป 5. ให้ขอ้ บังคับในการทางานฉบับนี้เริ่ มมีผลบังคับใช้นบ ั ตั้งแต่วนั ที่ มกราคม 2563เป็ นต้นไป

เอกสารนี้ เป็ นสมบัติ ของบริ ษทั รันเนอร์ ห้าม นาไปเผยแพร่ โดยเด็ดขาด ใช่เฉพาะในส่ วนงานบริ ษทั เท่านั้น

ประกาศ ณ วันที่ ………………………………………… ลงชื่อ ................................................................................ (Mr……………………..…….) ตาแหน่ง ………กรรมการผูจ้ ดั การ……………

ฎระเบียบและข้ อบังคับเกีย่ วกับการทางาน แก้ไขและเพิม่ เติม พระราชบัญญัติค้ มุ ครองแรงงาน (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ 21

ฎระเบียบและข้ อบังคับเกีย่ วกับการทางาน แก้ไขและเพิม่ เติม พระราชบัญญัติค้ มุ ครองแรงงาน (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ “มาตรา ๕๗/๑ ให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างในวันลาเพื่อกิจธุระอันจาเป็ นตามมาตรา ๓๔ เท่ากับค่าจ้างในวันทางานตลอด ระยะเวลาที่ลา แต่ปีหนึ่งไม่เกินสามวันทางาน” หมายเหตุ เงื่อนไขการลาต้ องลาล่วงหน้ า 3 วันทางาน “มาตรา ๕๙ ให้นายจ้างจ่ายค่าค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างซึ่งเป็ นหญิงในวันลาเพื่อคลอดบุตรตามมาตรา ๔๑ เท่ากับค่าจ้างในวันทางานตลอด ระยะเวลาที่ลา แต่ไม่เกินสี่ สิบห้าวัน ( มาตรา ๔๑ ให้ลูกจ้างซึ้งเป็ นหญิงมีครรภ์หนึ่งไม่เกินเก้าสิ บแปดวันวันลาเพื่อคลอดบุตรรวมถึงวันลาเพื่อ ตรวจครรภ์) “มาตรา ๑๔ ลูกจ้างที่ทางานติดต่อครบ 10 ปี แต่ไม่ครบ 20 ปี จ่ายค่าขดเชย 300 วัน ลูกจ้างทางานติดต่อ 20 ปี ขึ้นไป จ่ายค่าชดเชย 400 วัน มาตรา ๑๖ นายจ้างซึ่งประสงค์จะย้ายสถานประกอบกิจการแห่งหนึ่งแห่งใดไปตั้ง ณ สถานที่ใหม่หรื อย้ายไปยังสถานที่อื่น ของนายจ้าง ให้นายจ้างปิ ดประกาศแจ้งให้ลูกจ้างทราบล่วงหน้า โดยให้ปิดประกาศไว้ในที่เปิ ดเผย ณ สถานประกอบกิจการนั้นตั้งอยูท่ ี่ลูกจ้าง สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน ติดต่อกันเป็ นเวลาไม่นอ้ ยกว่าสามวันก่อนย้ายสถานประกอบกิจการ และประกาศนั้นอย่างน้อยต้องมีขอ้ ความชัดเจน เพียงพอที่จะเข้าใจได้ว่าลูกจ้างคนใดจะต้องถูกย้ายไปสถานที่ใดและเมื่อใด ในกรณี ที่นายจ้างไม่ปิดประกาศให้ลูกจ้างทราบล่วงหน้าตามวรรคหนึ่ง ให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชยพิเศษแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่ ลูกจ้างที่ไม่ประสงค์จะไปทางาน ณ สถานประกอบกิจการแห่งใหม่เท่ากับค่าจ้างอัตราสุ ดท้ายสามสิ บวัน หรื อเท่ากับค่าจ้างของการทางานสามสิ บ วันสุ ดท้ายสาหรับลูกจ้างซึ้งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคานวณเป็ นหน่วย หากลูกจ้างคนใดเห็นว่าการย้ายสถานประกอบกิจการดังกล่าวมีผลกระทบสาคัญต่อการดารงชีวิตตามปกติของลูกจ้างหรื อครอบครัวของลูกจ้าง คนนั้น และไม่ประสงค์จะไปทางาน ณ สถานประกอบกิจการแห่งใหม่ ต้องแจ้งให้นายจ้างทราบเป็ นหนังสื อภายในสามสิ บวันนับแต่วนั ที่ปิด ประกาศ หรื อนับแต่วนั ที่ยา้ ยสถานประกอบกิจการในกรณี ที่นายจ้างมิได้ปิดประกาศตามวรรคหนึ่ง และให้ถือว่าสัญญาจ้างสิ้นสุ ดลงในวันที่ นายจ้างย้ายสถานประกอบกิจการ โดยลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าชดเชยพิเศษไม่นอ้ ยกว่าอัตราค่าชดเชยที่ลูกจ้างพึงมีสิทธิได้รับตามมาตรา ๑๑๘ ให้ นายจ้างจ่ายค่าชดเชยพิเศษแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าตามวรรคสองหรื อค่าชดเชยพิเศษตามวรรคสามให้แก่ลูกจ้างภายในเจ็ดวันนับแต่วนั ที่ สัญญาจ้างสิ้นสุ ด ในกรณี ที่นายจ้างไม่เห็นด้วยกับเหตุผลของลูกจ้างตามวรรคสาม ให้นายจ้างยื่นคาร้องต่อคณะกรรมการสวัสดิการแรงงานภายใน สามสิ บวันนับแต่วนั ที่ได้รับแจ้งเป็ นหนังสื อ

ประกาศ ณ วันที่ ………………………………………… ลงชื่อ ................................................................................ (Mr...................................) ตาแหน่ง ………กรรมการผูจ้ ดั การ……………

22

Get in touch

Social

© Copyright 2013 - 2024 MYDOKUMENT.COM - All rights reserved.