SUMMER ISSUE 01 2023 MARCH-MAY

MUST WATCH ON SUMMER แฟนฉัน / Stranger Things / Call Me By Your Name / It's a Summer Film!

NETFLIX E-MAGAZINE

SUMMER NETFLIX E-MAGAZINE

MUST WATCH ON SUMMER แฟนฉัน Stranger Things Call Me By Your Name It's a Summer Film!

สามารถสมัครสมาชิกได้ที่

www.netflix.com มือถือ ค่าบริการ รายเดือน

พื้นฐาน มาตรฐาน พรีเมียม

99 บาท 169 บาท 349 บาท 419 บาท

คุณภาพวิดีโอ

ดี

ดี

ดีมาก

ดีที่สุด

ความละเอียด ของภาพ

480p

480p

1080p

4K+HDR

อุปกรณ์ที่รับ ชมได้

โทรศัพท์/ แท็บเล็ต

โทรศัพท์/ โทรศัพท์/ โทรศัพท์/ แท็บเล็ต/ แท็บเล็ต/ แท็บเล็ต/ คอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ /ทีวี /ทีวี /ทีวี

Netflix เว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นดูหนังที่มาแรงที่สุดในตอนนี้ ด้วยการการันตีมีสมาชิกกว่าหลายล้านคนทั่วโลก ให้ความ บันเทิงทั้งการรับชมรายการทีวี ภาพยนตร์ สารคดีและเนื้อหาอื่นๆ อีกมากมาย รับชมได้แบบไม่จำกัดไม่มีโฆษณาคั่นให้กวนใจ อีกทั้งการสมัครสมาชิกแบบไม่มีข้อผูกมัด ไม่มีสัญญา ไม่มีค่าธรรมเนียมการยกเลิกใดๆ ทั้งสิ้น

1

About Netflix E-Magazine issue 01 : SUMMER สำหรับ E-Magazine ฉบับนี้เป็นนิตยสารออนไลน์ที่เกิดขึ้นจากความ ต้องการที่จะแบ่งปันเกร็ดความรู้และสาระบันเทิงจากภาพยนตร์และซีรี่ย์ในรูป แบบการอ่าน ภายใต้การสนับสนุนของ Netflix โดยทีมของเราได้เสนอ แคมเปนเล็กๆ นี้ขึ้นในหัวข้อ ซัมเมอร์ (Summer) โดยจะเผยแพร่ในช่วงเวลา ที่สอดคล้องกับฤดูร้อนของปีนี้ พร้อมกับการนำเสนอกระแสความโหยหา อดีต (Nostalgia) ซึ่งทีมของเราอยากชวนให้ผู้อ่านได้หวนนึกถึงวันวาน ความทรงจำดีๆ และรอยยิ้มที่มีร่วมกันกับทุกๆ ความสัมพันธ์ เนื่องจากทุก ภาพความทรงจำเหล่านั้นได้บันทึกทั้งความสุข และวิถีชีวิตดั้งเดิม อันทำให้ เมื่อเราหันหลังกลับไปมองแล้วสามารถทำให้เกิดความรู้สึกอบอุ่นในใจได้เสมอ

What is MUST WATCH ON SUMMER ? MUST WATCH เป็นธีมหลักของ E-Magazine ซึ่งทีมของพวกเรามีความ มุ่งนำเสนอสาระและแง่คิดหลัง/ก่อนรับชมภาพยนตร์หรือซีรี่ย์บน Netflix ซึ่ง ในหัวข้อ On Summer เป็นเคมเปญล่าสุด โดยทีมของเราได้หยิบนำ ภาพยนตร์ที่มีฉากหลังเป็นช่วงฤดูร้อนและนำเสนอกลิ่นอายที่ชวนให้เกิดความ รู้สึกโหยหาอดีต ได้แก่ภาพยนตร์เรื่อง แฟนฉัน (2003), ซีรี่ย์เรื่อง Stranger Things (2016-2022), ภาพยนตร์เรื่อง Call Me by your Name, และ ภาพยนตร์เรื่อง It's a Summer Film! มาให้ผู้อ่านได้รับชมกัน ซึ่งภาพยนตร์ และซีรี่ย์ที่ได้หยิบนำมานั้นเป็นเรื่องที่ พลาดไม่ได้! และสามารถรับชมอย่างคม ชัด ไร้โฆษณา พร้อมคำบรรยายได้ผ่านทาง Netflix แล้ววันนี้!

2

CONTENTS 5 แฟนฉัน 13 Stranger Things 25 Call Me by your Name 47 It's a Summer Film! 55

Styles of SUMMER

61

Tastes of SUMMER

3

ปิยะพร จานแก้ว

เยาวเรศ น้ำทองคำ

พิมพ์ธิดา ปานทอง

จูฬจรรย์ จันทร์มีชัย

4

แฟนฉัน (2003) 5

แฟนฉัน (My Girl) (2003) “ภาพในอดีตจริง ๆ แล้ว ไม่เคยจากเราไป ไหน มันอาจซุกอยู่ในซอกใดซอกหนึ่งในลิ้น ชักแห่งความทรงจำ ” หากนึกถึงภาพยนตร์ในภาพความทรง จำของใครหลายคน ภาพยนตร์ที่ทำให้ หวนนึกถึงอดีตในวัยเด็กที่เต็มไปด้วย ความสนุกสนาน ความสดใส และความ สัมพันธ์อันบริสุทธิ์ ก็ต้องนึกถึง ภาพยนตร์เรื่อง แฟนฉัน แม้จะผ่านกาล เวลาไปเกือบ 20 ปี แต่ภาพยนตร์เรื่อง นี้ยังคงถูกพู ดถึงในทุกช่วงของหน้า ประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทย เรื่องราวความสัมพันธ์ของเพื่อนสนิท อย่างเจี๊ยบกับน้อยหน่ายังคงเป็นสิ่ง ตราตรึงใจให้กับผู้ชมได้อย่างดีเยี่ยม

"แฟนฉัน” เป็นภาพยนตร์ย้อนอดีตมีเรื่อง ราวเกี่ยวกับความรักวัยเด็กในยุคทศวรรษ 2520 ของไทย ซึ่งเป็นยุคที่เทคโนโลยียังเข้า ไม่ถึงเหมือนโลกออนไลน์ในปัจจุบัน เรื่องราว จึงถูกนำเสนอความสนุกสนานของเด็ก ๆ ต่างจังหวัดที่มีกิจกรรมต่าง ๆ ให้ได้เล่นอยู่ ตลอดเวลา หลังจากย้ายเข้าไปทำงานในเมืองกรุงเป็น เวลานาน เจี๊ยบได้กลับมาบ้านเกิดอีกครั้งเพื่อ ร่วมงานแต่งงานของเพื่อนรักในวัยเด็ก ความทรงจำที่เก็บอยู่ในตู้ลิ้นชักก็ค่อย ๆ เปิด ออกมา ทุกอย่างในอดีตและภาพของวัยเด็ก ได้ถูกฉายขึ้นอีกครั้ง น้อยหน่ากับเจี๊ยบทั้ง สองเป็นเพื่อนสนิทที่บ้านอยู่ห่างกันเพียงล็อค เดียว ความเป็นเด็กวัยเดียวกันและแม่ของทั้ง คู่ก็สนิทสนมกันจึงทำให้ทั้งคู่ตัวติดกันตลอด เวลา เวลาจะเล่นกิจกรรมอะไรเจี๊ยบจึงต้อง เล่นกับกลุ่มผู้หญิง เมื่อโตขึ้น เจี๊ยบจึงอยาก เข้าร่วมแก๊งกับกลุ่มเด็กผู้ชาย แต่ด้วยความที่ เขาเล่นกับกลุ่มผู้หญิงมานานจึงถูกกลุ่มเด็ก ผู้ชายอย่าง แจ็ค ยั่วล้อและให้เจี๊ยบพิสูจน์ ด้วยการแกล้งกลุ่มของน้อยหน่าเพื่อเข้าร่วม แก๊ง จนทำให้น้อยหน่าเสียใจ โดยเธอได้กล่าวว่า “เจี๊ยบตัดยางเราทำไมอ่ะ” ก่อนที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะแย่ลง แม้ เจี๊ยบพยายามหาวิธีกล่าวคำขอโทษ กระทั่ง ยอมทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะทำแล้วก็ตาม แต่ก็ ยังไม่ได้กล่าวขอโทษและปรับความเข้าใจ จนถึงวันที่น้อยหน่าย้ายบ้านไปอยู่จังหวัดอื่น

6

“เส้นทางที่ท้าทายสู่ ภาพยนตร์ที่ประสบความ สำเร็จที่สุดในยุคมืดของ วงการภาพยนตร์ไทย"

แฟนฉัน เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2546 ซึ่งเป็นช่วงจุดตกต่ำสุดใน วงการภาพยนตร์ไทย เนื่องจากมีการผลิต ภาพยนตร์ไทยลดลง ส่งผลทำให้ภาพยนตร์ไทย มีคุณภาพลดน้อยลงไปด้วย คนไทยหันไปนิยม ภาพยนตร์ต่างประเทศมากขึ้น อีกทั้งอาชีพของ คนทำภาพยนตร์ก็ถูกด้อยค่า เพราะการทำ ภาพยนตร์ใช้ระยะเวลาในการถ่ายทำนาน แต่ได้ เงินไม่คุ้มค่ากับการผลิต จึงเกิดเป็นความท้าทาย ของภาพยนตร์เรื่องนี้ "แฟนฉัน" เป็นผล งานการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของผู้กำกับ 6 คน โดยกลุ่ม 365 ฟิล์ม ประกอบไปด้วย นิธิ วัฒน์ ธราธร (ต้น), ทรงยศ สุขมากอนันต์ (ย้ง), คมกฤษ ตรีวิมล (เอส), วิทยา ทองอยู่ยง (บอล), วิชชา โกจิ๋ว (เดียว), อดิสรณ์ ตรีสิริ เกษม (ปิ๊ ง)

ภาพยนตร์ แฟนฉัน ได้ท้าทายกรอบความ เชื่อเดิม ๆ ของอุตสาหกรรมหนังไทยมาก ที่สุดเรื่องหนึ่งตั้งแต่การหยิบประเด็นเด็ก ที่ทำแล้วมีโอกาสเจ๊งขึ้นมาทำ แต่ แฟนฉัน ได้สร้างปรากฏการณ์เต็มทุกรอบตั้งแต่ เปิดตัวในสัปดาห์แรก และกลายเป็น ภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดโดย สร้างรายได้กว่า 134 ล้านบาท

ในโอกาสนี้เราจึงพาไปพู ดคุยกับผู้กำกับ แฟนฉัน เกี่ยวกับความรู้สึกที่พวกเขามี ต่อภาพยนตร์เรื่องแรกที่สำคัญในชีวิต พวกเขา ก่อนกลายมาเป็นผู้กำกับมาก ฝีมือและมีผลงานอันโด่งดังของวงการ ภาพยนตร์ไทย



ย้ง: คือ แฟนฉัน อาจจะไม่ใช่หนังที่ดีมาก แต่เป็นหนังที่ถ้าคนไปดู ก็คงจะได้ใจเขา มันดูซื่อ ๆ จริงใจ เป็นหนังดูง่ายและเป็นหนังที่ใครดูก็ได้ เคยมีคนพู ดว่าจริง ๆ แล้วแฟนฉัน เป็นหนังตลาด เพียงแต่ ณ ตอนนั้นยังไม่เคยมีตลาดแบบนี้ในเมือง ไทย เพราะฉะนั้นโจทย์เลยมีแค่ว่าทำอย่างไรก็ได้ให้คนมาดูกันเยอะ ๆ เอส: คือเราไม่ได้รู้สึกว่ามันคือหนังดีหรือไม่ดี เพราะเราเป็นคนทำเอง มันพู ดยากนะ ที่คนทำเองจะมาบอกว่า “โห มุกนี้ ซีนนี้แม่งโคตรเท่เลย” แต่สิ่งที่รู้สึกครั้งแรกเลย คือตอนที่เราไปทดลองฉายที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เราก็เห็นคนดูเขาทั้งหัวเราะทั้ง ร้องไห้ พอเห็นแบบนี้เราถึงได้รู้สึกว่า เออ หนังพวกกูมันดีเหมือนกันเนอะ

7

“แฟนฉัน กับการโหยหาอดีต” ภาพยนตร์ แฟนฉัน เป็นภาพยนตร์ที่ มีการใช้กลวิธีในการดำเนินเรื่องที่น่า สนใจ ผู้กำกับเปิดฉากด้วยการพาผู้ ชมย้อนเวลาสู่อดีตผ่านมุมมองของ เจี๊ยบ ซึ่งมีความสดใสและเรื่องราวใน วัยเด็กที่ชวนให้ผู้ชมโหยหาอดีตไปกับ ความสัมพันธ์และมิตรภาพ

การโหยหาความสุขในวัยเด็กเปรียบ เสมือนของแถมจากการโหยหาความ สัมพันธ์ในวัยเด็ก ซึ่งเป็นผลข้าง เคียงของการนึกถึงมิตรภาพความ สัมพันธ์ แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เล่า เรื่องราวความทรงจำในอดีตเกี่ยวกับ ความผูกพันของเจี๊ยบกับน้อยหน้า แต่ยังมีการนำเสนอการโหยหา กิจกรรมที่มีความสุขในวัยเด็กอย่าง การคบเพื่อนและได้มีกิจกรรมการละ เล่นตามประสาเด็กด้วยกัน ซึ่ง ภาพยนตร์ได้นำเสนอ กิจกรรมการละ เล่นออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มเด็ก ผู้ชาย หรือ แก๊งของแจ๊ค ที่ทำ กิจกรรมละเล่น เช่น เป่ากบ แข่ง ฟุ ตบอล ขี่จักรยาน กระโดดน้ำ และกลุ่มของเด็กผู้หญิง อย่าง กลุ่มของน้อยหน่า ที่มีกิจกรรมละ เล่น เช่น กระโดดยาง เล่นพ่อแม่ ลูก เล่นทำอาหาร ซึ่งเจี๊ยบตัวละคร หลักของเรื่องได้เข้าไปอยู่ใน กิจกรรมละเล่นของทั้ง 2 กลุ่ม จึงทำให้มีความทรงจำที่มากกว่า ตัวละครอื่นในเรื่องและเกิดการโหย หาอดีตที่เคยมีความสุข

8

“กิจกรรมคลายร้อนของเด็ก ๆ" ในภาพยนตร์ แฟนฉัน ได้นำเสนอเกี่ยวกับเรื่อง ราวความรักบริสุทธิ์ของวัยเด็ก ซึ่งเป็นวัยที่ กำลังอยู่ในช่วงสนุกสนานกับการหากิจกรรมทำ กับกลุ่มเพื่อน กิจกรรมของเด็ก ๆ จึงถูก ถ่ายทอดผ่านเรื่องราวของตัวละครเด็ก ๆ ภายในเรื่องอย่างเป็นธรรมชาติ โดยประเทศไทยเป็นประเทศเมืองร้อน การใช้ ชีวิตของคนไทยที่ถูกนำเสนอผ่านกิจกรรมของ ตัวละครเด็กจึงแสดงให้เห็นกิจกรรมในหน้าร้อน ที่มาพร้อมกับความสนุกสนาน ซึ่งตัวละครเป็น เด็กต่างจังหวัดที่อยู่ติดทะเลอย่างชายหาดเจ้า สำราญ เทศบาลเพชรบุรี จึงเห็นภาพการเล่น กิจกรรมของแก๊งเด็กผู้ชายที่มักเล่นกันใกล้ บริเวณชายหาดทะเล

ภาพยนตร์นำเสนอภาพของความน่ารัก สดใส ไร้เดียงสา ซึ่งได้นำพาผู้ชมให้ย้อนนึกถึง กิจกรรมกลางแจ้งที่เรามักเล่นกันอย่างสนุกใน วัยเด็กโดยไม่สนใจแดดหรือความร้อน รู้ตัวอีก ทีก็เหงื่อไหลเต็มตัวและกระหายของเย็น ๆ และสิ่งที่เรามักจะทำเพื่อคลายร้อนคงหนีไม่พ้น การทานไอศกรีมตัดโบราณ ซึ่งเป็นของหวาน ยอดนิยมในสมัยนั้น ช่วยดับร้อนหลังจากทำ กิจกรรมกลางแจ้งได้เป็นอย่างดี และเป็นของ โปรดของเด็ก ๆ ซึ่งเราจะเห็นฉากทานไอศกรีม ตัดโบราณอย่างเอร็ดอร่อยของเด็ก ๆ อยู่ หลายฉาก ภาพยนตร์ยังนำเสนอกิจกรรมของเด็ก ๆ ที่ ทำให้เราได้หวนนึกถึงอดีต นั่นคือ การกระโดด น้ำเล่น เป็นกิจกรรมคลายร้อนที่ช่วยดับร้อน และสร้างความสนุกสนานให้แก่เด็ก ๆ ได้เป็น อย่างดี เพราะทำให้รู้สึกสดชื่น ซึ่งเป็น กิจกรรมที่เด็กเมืองร้อนมักชอบทำมากที่สุด

9

“วัฒนธรรมหน้าร้อนกับการตัดผม” หน้าร้อนของไทยที่อากาศพุ่งสูงถึง 40 องศา ทำให้ผู้คนต้องหาวิธีการแก้ร้อนนอกเหนือจาก การหาเมนูหรือเครื่องดื่มเพิ่มความสดชื่น การ ตัดผมจึงกลายเป็นสิ่งที่คนไทยมักจะทำในหน้า ร้อนจนกลายเป็นวัฒนธรรม ซึ่งในภาพยนตร์ แฟนฉัน ครอบครัวของเจี๊ยบและน้อยหน่าเปิด ร้านตัดผมชายที่มีการตัดคนละสไตล์ และมีลูกค้า ประจำโดยไม่แย่งกัน "เอาสั้น ๆ เลยนะเฮีย... มันร้อนมาก" เป็นคำ กล่าวของลูกค้าท่านหนึ่งที่มาตัดผมร้านพ่อ น้อยหน่า แสดงให้เห็นว่าการตัดผมสั้นเป็น วัฒนธรรมที่ผู้คนเลือกทำในการหาวิธีแก้ความ ร้อนให้กับตนเอง ไม่เพียงแต่ในภาพยนตร์ที่ แสดงวัฒนธรรมเรื่องการตัดผมในหน้าร้อน ใน ปัจจุบันเมื่อถึงหน้าร้อนเรามักจะเห็น Content ทรงผมสั้นรับหน้าร้อนบนโซเชียล หรือป้าย โฆษณาหน้าร้านตัดผมอยู่มากมาย

แม้ว่าการตัดผมสั้นจะช่วยลดความร้อนไปได้ แต่การตัดผมสั้นก็มีนัยยะที่ไม่เกี่ยวกับการ คลายร้อนด้วยเช่นกัน เคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมน้อยหน่าถึงตัดผมสั้นในตอนย้ายบ้าน ผู้เขียนบทความเรื่อง ปรากฏการณ์โหยหา อดีตในภาพยนตร์เรื่อง แฟนฉัน กล่าวว่า "ธรรมชาติของผู้หญิงมักจะรักผมมาก แต่ การตัดผมของพวกเธอมักทำไปเพราะ ประชดความรัก" ทำใ้ห้เห็นว่าการที่น้อยหน่า ตัดผมเป็นเพราะเธอมีปัญหากับเจี๊ยบจึงทำ ไปเพราะประชดรักนั่นเอง

10

“เพลงคอนเสิร์ตคนจน ของวงนกแล” ภาพยนตร์เรื่อง แฟนฉัน มีการใช้บทเพลงเป็นองค์ ประกอบที่สำคัญในการเล่าเรื่อง โดยมีเพลง ประกอบภาพยนตร์ทั้งหมดจำนวน 6 บทเพลง ซึ่ง หากกล่าวถึงบทเพลงที่ติดหูผู้ชม ก็ต้องนึกถึงฉาก ที่ถ่ายทอดความน่ารักของเด็ก ๆ ในฉากขี่จักรยาน และร้องเพลงของเจี๊ยบและเพื่อน ๆ แก๊งของแจ็ค ซึ่งฉากนี้เป็นฉากที่สร้างความประทับใจและรอยยิ้ม ให้กับผู้ชมเป็นอย่างมาก โดยเด็ก ๆ ร้องเพลง คอนเสิร์ตคนจน จากวงนกแล ซึ่งแต่ละคนจะร้อง ต่างท่อนกัน ซึ่งร้องระหว่างการขี่จักรยาน ท่ามกลางแสงแดดในยามบ่ายพร้อมถุงน้ำหวานที่ ห้อยอยู่บนแฮนด์จักรยาน เสน่ห์ของฉากนี้คือ การ ที่เด็ก ๆ สามารถถ่ายทอดบทเพลงออกมาได้อย่าง เป็นธรรมชาติและนำเสนอความสุขผ่านการร้อง เพลง โดยเราได้นำเนื้อเพลงดังกล่าวมาใส่ไว้ เผื่อ ใครอยากร้องตามจะได้ร้องได้อย่างไม่ผิดเนื้อ

”โอ๊เย โอ๊เย โอ๊โอ๊เย โอ๊เย โอ๊เย โอ๊โอ๊เย โอ๊เย โอ๊เย โอ๊โอ๊เย โอ๊เย โอ๊เย... ต้นข้าวมาเป็นคนดู มีปูมาสังเกตการณ์ ลำโพงเขาคือต้นตาล ลำโพงเขาคือต้นตาล เสียงหวานเหลือเกิน คันนานั้นคือเวที เวทีก็ คือคันนา ก้านกล้วยมาเป็นกีตาร์ ก้านกล้วย มาเป็นกีตาร์ เอาไม้ฟืนมาเป็นไมโครโฟน โอ๊..เย โอ๊เย โอ๊โอ๊เย โอ๊เย โอ๊เย โอ๊โอ๊เย โอ๊เย โอ๊เย โอ๊โอ๊เย โอ๊เย โอ๊เย บางคนก็เป็นหางเครื่อง หางเครื่องทะ ยอยกันมา บางคนก็เคาะกะลา บางคนก็เคาะกะลา

มีดอกชบาเป็นพวงมาลัย สมชายเป็นคนตีกลอง สมปองเป็นน้องสมชาย นักร้องก็มีมากมาย โฆษกก็มีมากมาย สบาย สบาย สนุกจริงๆ โอ๊..เย โอ๊เย โอ๊โอ๊เย โอ๊เย โอ๊เย โอ๊โอ๊เย โอ๊เย โอ๊เย โอ๊โอ๊เย..."

11

Celebrities

"จากความสัมพันธ์เพื่อนสนิทใน แฟนฉัน สู่คู่หูสุดฮาในชีวิตจริง" หลังจากภาพยนตร์ออกฉายสู่สายตาผู้ชมเพียงไม่กี่ชั่วโมง นักแสดงเด็กในเรื่อง แฟนฉัน ก็กลาย เป็นที่รู้จักอย่างล้นหลามจากการแสดงที่เป็นธรรมชาติและสดใส ทำให้ภาพยนตร์ทำรายได้ไปมากกว่า ร้อยล้านบาท ซึ่งถือได้ว่าสร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการภาพยนตร์ไทยในสมัยนั้นอย่างมาก นัก แสดงหลักอย่างโฟกัสและแน็กก็ได้เข้าสู่วงการบันเทิงไทยตั้งแต่นั้นมา โดยปัจจุบันเขาทั้งสองได้ กลายเป็นคู่หูสุดฮาที่สร้างเสียงหัวเราะให้กับผู้ชม ผ่านการทำงานร่วมกัน เราจึงได้นำผลงานการ แสดงพร้อมกับช่องทางการติดตามมาฝากผู้ที่ชื่นชอบด้วย โฟกัส จีระกุล รับบทเป็น น้อยหน่า ในภาพยนตร์ แฟนฉัน เจ้าของประโยคฮิต "เจี๊ยบตัดยางเราทำไม" ซึ่งเป็นประโยค หลักก่อนความสัมพันธ์เพื่อนสนิทระหว่างเจี๊ยบกับน้อยหน่า จะเปลี่ยนไป โฟกัสได้แจ้งเกิดทันทีหลังจากการรับบทเป็น น้อยหน่า ด้วยความน่ารักสดใสและเป็นธรรมชาติที่มาพร้อม กับความสามารถด้านการแสดง จึงทำให้เธอกลายเป็นนัก แสดงในวงการบันเทิงไทย มีผลงานด้านการแสดงมากมาย จนถึงปัจจุบัน เช่น ภาพยนตร์เรื่องปิดเทอมใหญ่...หัวใจ ว้าวุ่น (Hormones), รัก 7 ปี ดี 7 หน สามารถรับชมได้บน Netflix IG: focusbabyhippo แน็ก-ชาลี ปอทเจส รับบทเป็น เจี๊ยบ ในภาพยนตร์ แฟนฉัน โดยแน็กได้รับเลือกให้เป็นตัวละครหลักในเรื่อง จากการถูกผู้ กำกับทาบทามตัวมาในขณะที่เขากำลังเล่นฟุ ตบอลอยู่ที่ โรงเรียนช่วงระหว่างพักเที่ยง หลังจากภาพยนตร์ถูกฉาย เพียงไม่กี่ชั่วโมง แน็ก ได้กลายเป็นที่รู้จักและขวัญใจของผู้ชม จำนวนมาก ซึ่งทำให้เขาได้เข้าสู่วงการบันเทิงตั้งแต่นั้นมา ปัจจุบันแน็กได้กลายเป็นหนุ่มอินดี้ ชื่นชอบการเลี้ยงสัตว์ หากใครชื่นชอบและอยากติดตามผลงานของแน็ก ชาลี สามารถรับชมผลงานการแสดงจากภาพยนตร์เรื่อง หอนอก (2549) , ปิดเทอมใหญ่...หัวใจว้าวุ่น , ห้าแพร่ง (2009) ,รถไฟฟ้ามาหานะเธอ โดยสามารถรับชมได้บน Netflix IG: charliepotjes

12

Stranger Things (2016-2022) 13

Stranger Thing (2016-2022) หากนึกถึง Summer ก็ต้องนึกถึงความสดใส และหากจะเลือกภาพยนตร์หรือซีรีส์สักเรื่องที่ หวนชวนให้คุณนึกถึงช่วงเวลาของฤดูร้อน ซี รีส์เรื่อง Stranger thing ก็เป็นซีรีส์อีกเรื่อง ที่จะพาคุณหวนเข้าสู่บรรยากาศในช่วง Summer ที่กำลังจะมาถึงนี้ได้อย่างแน่นอน เราจะพาคุณหวนเข้าสู่บรรยากาศของฤดูร้อน ไปกับซีรีส์เรื่อง Stranger things ที่ผู้กำกับ สองพี่น้องดัฟเฟอร์ (The Duffer Brothers) ได้พาย้อนเวลาสู่อดีตไปกับเรื่องราวป๊อปคัล เจอร์ในยุค 1980s ของอเมริกา และเมื่อนึกถึง ยุค 80s แน่นอนว่าก็ต้องนึกถึงความเป็นสีสัน คัลเลอร์ฟู ล (Colorful) ซึ่งจัดเป็นจุดเด่นในยุค นี้

โดยเป็นแรงบัลดาลใจให้ผู้กำกับพี่น้องดัฟ เฟอร์ (The Duffer Brothers) ได้สร้าง เนื้อเรื่องของซีรีส์เรื่องนี้ให้อยู่ในช่วงเวลา (Timeline) ของยุค 80s ที่มีบรรยากาศ ของความเขย่าขวัญปนกับเรื่องราวไซไฟ เหนือธรรมชาติ แต่ได้แทรกไปด้วยความ สดใสของเหล่าแก็งเพื่อนวัยเด็กในเมือง ฮอกินส์ นำโดยอีเลเว่น หรือที่เรียกกันว่า แอล เด็กสาวที่มีพลังจิตต่อสู้กับตัว ประหลาดได้ และตามมาด้วย ไมค์ วิล ดัส ติน ลูคัส และแม็กซ์ เหล่าเพื่อนที่จะคอย ช่วยแอลอีกแรง ด้วยสีสันของความเป็น เด็กกับบรรยากาศช่วงฤดูร้อนในยุค 80s ช่วยเพิ่มความสดใสและมีสีสันให้กับซีรีส์ เรื่องนี้จึงทำให้บรรยากาศของซีรีส์แนว เขย่าขวัญไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด

เรื่องราวเริ่มขึ้นในปี ค.ศ.1983 ที่เมืองฮอว์ กินส์ รัฐอินเดียนา เมื่อวิลหายตัวไป เกิด เรื่องไม่ชอบมาพากลในเมือง ทั้งการ ทดลองประหลาด มิติคู่ขนานที่เรียกว่า Upside Down ทำให้แก็งเพื่อนในฮอว์กิน ส์ได้พบกับแอล หญิงสาวที่มีพลังวิเศษ โดยการใช้พลังจิตต่อสู้กับสัตว์ประหลาดที่ หลุดออกมา เพื่อทำการช่วยเหล่าเพื่อนและ คนในเมือง เรื่องราวได้ดำเนินไปพร้อมกับ การเติบโตของตัวละคร จากความเป็นเด็ก ก็เริ่มแตกเนื้อหนุ่มสาว และเริ่มหัดมีความ รักทั้งไมค์กับแอล และลูคัสกับแม็ค

14

หากได้ติดตามกันตั้งแต่ซีซั่น (Season) แรก จะเห็นพัฒนาการของตัวละครที่เติบโตขึ้นไป พร้อมกัน ผ่านเรื่องราวลึกลับและประสบการณ์ ต่อสู้กับสัตว์ประหลาดในเรื่อง จึงส่งผลให้การ ดำเนินเรื่องเป็นไปอย่างเข้มข้นและน่าติดตาม และทำให้ซีรีส์เรื่องนี้โด่งดังไปทั่วโลก จนได้รับ ความนิยมมาอย่างยาวนาน ส่งผลให้ในปัจจุบัน มีด้วยกันถึง 4 ซีซั่น (Season) และกำลังจะ เดินทางมาถึงซีซั่นสุดท้ายที่ผู้คนต่างเฝ้ารอกับ ซีซั่น (Season) ที่ 5 ซึ่งจะออกอากาศให้รับชม กันในช่วงปลายปีนี้ หรือในช่วงต้นปี 2024 รอ ติดตามรับชมกันได้เลย

15

16

ยุค 80 กับวัฒนธรรม หน้าร้อน เนื่องจากฉากหลังของซีรีส์เรื่องนี้ได้พาย้อนเวลา เข้าสู่ฤดูร้อนในยุค 80 จึงอยากพาไปรู้จักกับ ความเป็นมาและเรื่องราวในยุค 80 กันสักนิด เพื่อที่จะได้เข้าถึงกับวัฒนธรรมช่วงหน้าร้อนของ อเมริกาได้อย่างลึกซึ้ง หากย้อนไปในปี 1980 หรือที่มักจะเรียกกันว่า ยุค 80 เป็นยุคที่มีวิวัฒนาการทางด้านข่าวสาร เกิดความรู้ใหม่ มีการสร้างวิธีบูรณาการรหว่าง เทคโนโลยีสู่วิถีชีวิต เป็นยุคที่เกิดจุดเปลี่ยน ระหว่างยุคเพื่อชีวิตเข้าสู่ยุคแห่งความเป็นสีสัน เกิดทั้งดนตรีและศิลปะใหม่ จนถือได้ว่าเป็นยุค ของการก้าวเข้าสู่โลกยุคใหม่ (TransAvantgarde) อย่างเต็มตัว

"นิยามของยุค 80 จะเน้นความ สนุกสนาน ความตื่นตัว และความ กระปรี้กระเปร่า ผู้คนมีชีวิตที่รื่นเริง รวมไปถึงมีไลสไตล์ที่สุดโต่ง สื่อออก มาจากสีสันที่สดใส เป็นจุดเด่นและได้ รับความนิยมในยุคนี้" ซีรีส์เรื่องนี้ได้เผยให้เห็นวัฒนธรมในช่วง หน้าร้อนยุค 80 ของอเมริกาได้อย่างเด่น ชัดโดยเฉพาะในซีซั่น (Season) ที่ 3 จะ เห็นฉากที่แสดงความเป็นสีสันของ ซัมเมอร์ (Summer) ทั้งเสื้อผ้าของตัว ละคร บรรยากาศช่วงหน้าร้อนในเรื่อง โดยจะขอพาไปส่องวัฒนธรรมหน้าร้อน ของวัยรุ่นอเมริกาในซีรีส์เรื่องนี้ว่ามีอะไร บ้างเผื่อเป็นไอเดีย (Ideas) สำหรับ กิจกรรมหน้าร้อนที่กำลังจะมาถึงในเดือน เมษายนนี้ได้

พาส่อง กิจกรรมหน้า ร้อนของวัยรุ่น อเมริกันใน Stranger things

กิจกรรมในห้างช่วงฤดูร้อน

แน่นอนว่าเมื่ออากาศร้อนจัด กิจกรรมอย่าง แรกที่ต้องพาตัวเองไปนั่นคือการไปเดิน ตากแอร์ (Air) เย็นๆ ซึ่งสถานที่ที่มีอากาศ เย็นฉ่ำและมีกิจกรรมให้ได้เลือกทำหลาก หลายก็คงหนีไม่พ้นห้างสรรพสินค้า อย่าง ในซีรีส์เรื่องนี้ซีซั่นที่ 3 ฉากส่วนใหญ่จะอยู่ ในห้างสรรพสินค้า Starcourt เป็นแหล่งที่ รวมกิจกรรมสำหรับวัยรุ่นในช่วงหน้าร้อนนี้ ไว้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการช๊อปปิ้ ง (Shopping) เสื้อผ้า หาของอร่อยๆเย็นๆ ทานเล่นเพื่อดับร้อนไม่ว่าจะเป็นของหวาน อย่างไอศกรีม นำ้ผลไม้เพื่อเพิ่มความสดชื่น หรือว่าจะเป็นกิจกรรมที่สามารถทำร่วมกัน กับเพื่อน รวมไปถึงคนรัก อย่างการเล่น ไอซ์สเก็ต (Ice Skate) ซึ่งถือเป็นกิจกรรม ที่น่าสนใจทีเดียวเพราะนอกจากจะช่วยคลาย ร้อนแล้ว ยังเป็นกิจกรรมที่ช่วยกระชับ ความสัมพันธ์ได้ดีเลยทีเดียว

17

กิจกรรมกลางแจ้ง รับฤดูร้อน เมื่อเข้าสู่ช่วงซัมเมอร์แน่นอนว่า การออก ไปทำกิจกรรมกลางแจ้งรับลมและ แสงแดดหน้าร้อนก็เป็นไอเดียที่ได้รับความ นิยมเป็นอย่างมากสำหรับในช่วงวัยผู้ใหญ่ ไปจนถึงวัยกลางคนเช่น ในเรื่องซีซั่น (Season) ที่ 3 ได้มีการนำเสนอกิจกรรม ว่ายน้ำ (Swimming) ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ วัยคุณแม่ๆ อย่างคาเรน วีลเลอร์ (Karen Wheeler) ชื่นชอบ ซึ่งถือได้ว่าในฉากสระ ว่ายน้ำนั้นเธอโดดเด่นเป็นอย่างมากด้วย การสวมชุดว่ายน้ำสีทูโทน (Two tone) สดใสรับหน้าร้อนสไตล์ (Style) แม่ๆ โดย การออกไปทำกิจกรรมนี้ในช่วงหน้าร้อน สำหรับวัยแม่ๆนั้นก็เหมือนกับได้ออกไป สังสรรค์สมาคมกับเพื่อนๆ นอกจากนี้แล้ว การว่ายน้ำก็ช่วยให้ดับร้อน รวมไปถึง สร้างความสดชื่น กระปรี้กระเปร่าไปพร้อม กัน

18

และสำหรับกิจกรรมกลางแจ้งของวัย รุ่นที่เราจะขอแนะนำ อย่างเช่น การออก ไปปิกนิค (Picnic) กับกลุ่มเพื่อนอย่าง ในซีซั่น(Season) ที่ 3 ในฉากที่ ดัสติน ได้ชวนเพื่อนขึ้นไปบนเขาเพื่อไปติดตั้ง เสาอากาศไว้ใช้เป็นสัญญาณโทรศัพท์ โทรหาแฟนสาวซูซี่ ซึ่งก็ถือเป็นอีกหนึ่ง กิจกรรมที่น่าสนใจสำหรับวัยรุ่นเด็ก เนิร์ด กับการขึ้นไปรับสายลมและ แสงแดด หากถือหนังสือไปอ่านสักเล่ม ก็อาจจะให้ความรู้สึกใหม่ๆจากเดิมได้ และยังถือเป็นกิจกรรมที่ได้พาตัวเองไป ใกล้ชิดกับธรรมชาติอีกด้วย

19

20

กีฬาสีโรงเรียนช่วงฤดู ร้อน

อยากรู้กันไหมว่าเด็กมัธยมในเมืองฮอว์กินส์

ทำกิจกรรมอะไรในโรงเรียนช่วงหน้าร้อน และ กิจกรรมที่โดดเด่นเลยคือ งานกีฬาสีของ โรงเรียน ที่มีการเน้นกีฬาแข่งบาสเก็ตบอล (Basketball) เป็นหลัก เนื่องจากเป็นกีฬาที่ได้ รับความนิยมสำหรับวัยรุ่นในอเมริกา และเมื่อมี การแข่งกีฬาคงหนีไม่พ้นกับกองเชียร์ลีดเดอร์ (Cheerleader) เพื่อเพิ่มกำลังใจให้นักกีฬา โดยช่วยสร้างสีสันและความสนุกให้กับการ เชียร์กีฬาได้เป็นอย่างดี จัดเป็นวัฒนธรรมการ เชียร์กีฬาแบบหนึ่งของอเมริกา ที่ถือกำเนิดขึ้น ในปี 1898 โดยคงเอกลักษณ์ด้วยการแต่งชุด ในแนวเดียวกัน และมีการเต้นที่ผสมผสานการ เต้นโลดโผนและทักษะทางกายแบบยิมนาสติก โดยการเล่นกีฬารวมไปถึงการเชียร์กีฬาใน กิจกรรมกีฬาสีก็เป็นการเรียกเหงื่อและช่วย เพิ่มความเป็นสีสันในช่วงหน้าร้อนของวัยรุ่น ได้

กิจกรรมยามค่ำคืนช่วง ฤดูร้อน มาพู ดถึงกิจกรรมยามค่ำคืนช่วงหน้าร้อน กันบ้าง โดยในเรื่องที่โดดเด่นเลยคือ งาน “Fun Fair Festival” เป็นเหมือนงาน เทศกาลยามค่ำคืน ที่รวบรวมกิจกรรมการ ละเล่น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเล่นต่างๆ เช่น ทั้งชิงช้าม้าหมุน และชิงช้าสวรรค์ และ กิจกรรมอย่างการยิงลูกโป่ง รวมไปถึง ร้านค้า ร้านอาหารมากมาย หากเทียบกับ สังคมไทยงาน “Fun Fair Festival” นั้น ก็คงเป็นเหมือนเทศกาลงานวัดตามชนบท นั่นเอง งานกลางคืนกับการละเล่นที่หลาก หลาย บวกกับการได้เดินทานอาหารอ ร่อยๆ กับครอบครัว กับเพื่อน หรือกับ แฟน ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่นิยมทำร่วม กันในช่วงหน้าร้อนของอเมริกา

21

22

Celebrity มาทำความรู้จักกับนักแสดงกันว่าแต่ละ คนนั้นเป็นใครกันบ้าง เผื่อเป็นช่องทางใน การติดตามนักแสดงที่คุณชอบและ ทำความรู้จักพวกเขากันมากขึ้น มิลลี บ็อบบี บราวน์ (Millie Bobby Brown) รับบทเป็น อีเลเว่น (แอล) Ig : milliebobbybrown ฟินน์ วูล์ฟฮาร์ด (Finn Wolfhard) รับบทเป็น ไมค์ วีลเลอร์ Ig : finnwolfhardofficial โนอาห์ ชแนปป์ (Noah Schnapp) รับบทเป็น วิล บายเออรส์ Ig : noahschnapp

เกเตน มาราซโซ (Gaten Matarazzo) รับบทเป็น ดัสติน เฮนเดอร์สัน Ig : gatenm123 เคเลบ แมคลอฟลิน (Caleb McLaughlin) รับบทเป็น ลูคัส ซินแคลร์ Ig :therealcalebmclaughlin เซดี ซิงก์ (Sadie Sink) รับบทเป็น แม็กซ์ เมย์ฟิลด์ Ig : sadiesink_ ไพรอาห์ เฟอร์กูสัน (Priah Ferguson) รับบทเป็น เอริกา ซินแคลร์ Ig : priahferguson

"Millie Bobby Brown นัก แสดงสาวสุดมหัศจรรย์ที่จะมาพูด ถึง Stranger thing

"Noah Schnapp เผยว่าตัวเอง เป็นเกย์ ผ่านวีดีโอบน Tikkok" เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาโนอาห์ หรือผู้ที่รับบท เป็นวิล ได้เผยว่าตัวเองเป็นเกย์ ผ่าน Tiktok ส่วนตัวพร้อมเขียนว่า A: “ตอนที่ผมตัดสินใจบอกเพื่อนและคนใน ครอบครัวว่าผมเป็นเกย์ และซ่อนตัวเองอยู่ ในตู้เสื้อผ้านานกว่า 18 ปี สุดท้ายพวกเขาก็ บอกผมว่า พวกเรารู้อยู่แล้ว” พร้อมทั้ง แคปชั่นในวิดีโอที่เขียนว่า “ผมว่าผมเหมือน วิลมากกว่าที่คิด”

Q : คุณรับมือกับชื่อเสียงที่ถาโถมเข้า มาอย่างรวดเร็วตั้งแต่ยังเด็กอย่างไร A : ยังไงดีล่ะ ฉันว่าฉันรักมันนะ (หัวเราะ) สำหรับฉัน ชื่อเสียงไม่ใช่สิ่งที่ ฉันคิดว่าฉันเป็น อธิบายอย่างนี้แล้วกัน ฉันมีงานของฉัน เหมือนที่พวกคุณก็มี งานของคุณ คุณเป็นผู้สื่อข่าว มีหน้าที่ รายงานข่าว ส่วนงานของฉันคือการ แสดง งานของฉันคือการมีชื่อเสียง ซึ่งมันมีทั้งโชคดีและโชคร้ายในเวลา เดียวกัน ชื่อเสียงมาพร้อมกับการ แสดง และการแสดงคือสิ่งที่ฉันรักมาก ที่สุดในโลก ชื่อเสียงมีทั้งข้อดีและข้อ เสีย แต่ข้อดีอย่างหนึ่งที่สำคัญคือการ ที่ฉันได้เป็น ทูตยูนิเซฟ (UNICEF Goodwill Ambassador) ทำให้ฉันมี แพลตฟอร์มที่จะใช้ เป็นแพลตฟอร์มที่ อินฟลูเอนเซอร์ นักร้อง นักแสดง ต่างใช้มันเพื่อส่งเมสเสจสำคัญไปยัง คนกลุ่มใหญ่ สำหรับฉัน เมสเสจที่ส่ง ออกไปจะเกี่ยวกับสิทธิเด็ก การทำให้ เด็กได้เติมเต็มความฝันของเขา ได้รับ สิ่งที่ควรจะได้รับ ทั้งความต้องการขั้น พื้นฐาน น้ำสะอาด การศึกษา วัคซีน บ้าน ครอบครัว และความรัก สถานที่ ปลอดภัยที่จะใช้ชีวิต โชคดีที่ยูนิเซฟ มอบแพลตฟอร์มนี้มาให้ และเป็นสิ่งที่ ฉันรักจะทำ

23

x x

Call Me By Your Name (2017) 25

Call Me By Your Name เอ่ยชื่อคือคำรัก

(2017)

“Call me by your name and I call you mine” ภาษารักระหว่างเอลิโอกับโอลิเวอร์ ที่มีเพียงเขาสองคนเท่านั้นที่จะรู้กัน

คำอธิบายของคำกล่าวนี้ มีที่มาจากหนังสือ ของนักปรัชญาชาวกรีกผู้มีนามว่า ‘เพลโต’ เรื่อง ‘The Symposium’ ที่ซึ่งอ้างอิงจาก ตำนานกรีกโบราณที่เล่าว่ามนุษย์ถูกสร้างขึ้น ให้มีสี่แขน สี่ขา และศรีษะที่มีใบหน้าสองหน้า แต่ด้วยความกลัวที่ซุสมีต่อมนุษย์ เทพเจ้า จึงแยกร่างของมนุษย์ออกเป็นสองส่วน และลงโทษให้มนุษย์ใช้ชีวิตเพื่อตามหาอีก ครึ่งหนึ่งของตนเองให้เจอ จึงจะสามารถใช้ ชีวิตได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อมนุษย์พบอีกครึ่ง หนึ่งที่หายไป มนุษย์ผู้นั้นจะได้พบรักที่เต็มไป ด้วยมิตรภาพที่บริสุทธิ์ที่สุด

Call Me By Your Name เล่าถึง ความรักระหว่าง 'เอลิโอ' กับ 'โอลิเวอร์' ชายหนุ่มทั้งสองที่ต่างตกหลุมรักกัน ท่ามกลางยุคสมัยที่ยังไม่ได้เปิดกว้าง เรื่องความหลากหลายทางเพศ โดยเอลิโอเป็นลูกชายคนเดียวของ ศาสตราจารย์เพิร์ลแมน นักวิชาการ ด้านโบราณคดี ส่วนโอลิเวอร์เป็น นักศึกษาของศาสตราจารย์เพิร์ลแมน ที่ได้มาใช้เวลาช่วงปิดเทอมในอิตาลี ท่ามกลางแดดที่แผดเผาในหน้าร้อนของ ประเทศอิตาลี ความปราถนาของเอลิโอ และโอลิเวอร์กลับปะทุและเร่าร้อนยิ่งกว่า สิ่งอื่นใด การใช้เวลาร่วมกันบ่อย ๆ ทำให้ทั้งคู่เริ่มสัมผัสถึงแรงปราถนาของ กันและกัน ไม่นานนัก จากแรงปราถนาก็ กลายเป็นความรัก เอลิโอพบว่าตน ตกหลุมรักโอลิเวอร์จนหมดหัวใจ ในขณะเดียวกันโอลิเวอร์ก็สานต่อ ความรักที่เอลิโอมอบให้อย่างไม่ลังเลใจ

Call Me By Your Name เป็นภาพยนตร์ ที่มีฉากหลังเป็นฤดูร้อนของอิตาลีในปี 1983 นำแสดงโดย ทิโมธี ชาลาเมต์ (Timothée Chalamet) และอาร์มี่ แฮมเมอร์ (Armie Hammer) กำกับโดย ลูก้า กัวดาญิโน (Luca Guadagnino) ออกฉายครั้งแรก เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2560

26

Call Me By Your Name ไม่เพียงแต่จะเป็น ภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องความรักได้อย่างหวานซึ้ง และเร่าร้อนเท่านั้น แต่ยังเป็นภาพยนตร์การ Coming Of Age ที่ทำให้เราหวนกลับไปนึกถึง หน้าร้อนในความทรงจำวัยเยาว์ของเรา เอลิโอรู้จักโอลิเวอร์แค่เพียงช่วงหน้าร้อนที่ซึ่ง เป็นระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น แต่ความปราถนาและ ความรักที่ทั้งคู่ได้มอบให้กันก็สลักอยู่ในใจเอลิโอ ไปตราบจนชั่วชีวิต แม้จะเป็นความรักที่ทั้งหวาน และขมก็ตาม หน้าร้อนที่ดูสดใสจึงเป็นฤดูกาลอัน น่าพิศวงที่ก่อให้เกิดทั้งภาพความทรงจำอันแสน หวานและความเจ็บปวดที่ลืมเลือนไม่ได้ในใจของ เราได้อย่างไม่น่าเชื่อนั่นเอง

27

หน้าร้อนของอิตาลี หน้าร้อนในประเทศอิตาลีนั้นจะอยู่ในช่วงเดือน มิถุนายน - สิงหาคม โดยหน้าร้อนของอิตาลีนั้น จะร้อนแบบซาวน่า คือ ร้อนแห้ง ๆ แต่สิ่งที่ทำให้ หน้าร้อนในอิตาลีดูโหดร้ายกว่าหน้าร้อนของไทย คือ เราแทบไม่สามารถหาสถานที่ดับร้อนอย่าง เรียบง่ายในชีวิตประจำวันได้เลย เนื่องจากห้าง ในอิตาลีไม่ได้ใหญ่พอที่จะให้เราเดินแช่แอร์ได้ อีกทั้งชาวอิตาลีเองก็ไม่ค่อยมีนิสัยชอบเดินห้าง ร้านต่าง ๆ ถ้าไม่ได้มีขนาดใหญ่ก็ไม่มีแอร์ติดตั้ง กิจกรรมคลายร้อนยอดนิยมของชาวอิตาลี คือ การออกไปเที่ยวเพื่อฆ่าเวลาในหน้าร้อน ซึ่งโดย ทั่วไปแล้ว ยุคก่อนโควิด สถิติบอกว่า ชาวอิตาลี นิยมเที่ยวในประเทศมากกว่าเที่ยวนอกประเทศ สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศที่เป็นที่นิยม ได้แก่ เกาะซาร์เดนยา เกาะซิชิเลีย แคว้นปูลเยีย สถานที่ท่องเที่ยวนอกประเทศที่เป็นที่นิยม ได้แก่ หมู่เกาะเล็ก ๆ แถวสเปน สรุปว่าโดยส่วนใหญ่ไม่ ได้ไปไหนไกล เหตุเพราะค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เพราะเวลาไปเที่ยวทีก็ยกกันไปทั้งครอบครัว

แต่ในปี 2020 มหาวิทยาลัยคูซาโนได้ทำวิจัยซึ่ง อิงกับสถิติของสำนักงานสถิติแห่งชาติอิตาลี (Istat) ว่าชาวอิตาลีท่องเที่ยวน้อยลงมาก และจะ นิยมเที่ยวกันอยู่แต่ในแคว้นที่ตัวเองอยู่ การเที่ยว ก็เป็นไปเพื่อพักผ่อนหย่อนใจจริง ๆ การเที่ยวเชิง วัฒนธรรม เช่น ดูโบสถ์ ดูพิพิธภัณฑ์ลดน้อยลง อย่างฮวบฮาบ เหตุผลหลักของการไม่เที่ยว คือ เรื่องเศรษฐกิจและความหวาดกลัวโควิด ส่วนถ้า จะออกไปเที่ยวนอกแคว้นนั้น แคว้นที่คนอยากไป ที่สุด 2 แคว้น คือ แคว้นทัสกานีและแคว้นปูลเยีย ที่ได้กล่าวไปแล้ว แต่การออกไปท่องเที่ยวก็อาจจะไม่ตอบสนอง ความต้องการของเหล่าชาว Introvert ผู้รัก ความสันโดษเท่าไรนัก กิจกรรมฆ่าเวลาในหน้าร้อน ที่นอกเหนือไปจากการท่องเที่ยวแล้วก็ยังมีการ เล่นวอลเลย์บอล, อ่านหนังสือ, ว่ายน้ำ, เล่นน้ำ, ปั่ นจักรยาน รวมไปถึงเดินป่าอีกด้วย

28

เครมา: เมืองที่สวยงามดั่งต้องมนต์สะกด นอกจากความรักที่แสนหวานของเอลิโอกับโอลิเวอร์แล้ว Mood & Tone ในภาพยนตร์ก็เป็นหนึ่งสิ่งที่ส่งผลให้ ภาพยนตร์ Call Me By Your Name เป็นที่พู ดถึงใน วงกว้าง ความมีชีวิตชีวาของสถานที่ในภาพยนตร์ทำให้ เหล่าแฟนคลับถึงกับต้องไปตามรอยเพื่อเก็บภาพความ ประทับใจของภาพยนตร์ในดวงใจเอาไว้กันเลยทีเดียว ซึ่ง สถานที่ที่ตัวละครหลักทั้งสองคนใช้เวลาร่วมกันส่วนใหญ่ ก็ถ่ายทำที่เมืองเครมา ซึ่งห่างจากเมืองมิลานไปทางทิศ ตะวันออกเฉียงใต้เพียงแค่ชั่วโมงกว่า ๆ เท่านั้น เราเลย จะชวนทุกคนมาดูว่า บรรยากาศแบบไหนที่ชวนให้เอลิโอ และโอลิเวอร์ ผู้ใช้เวลาร่วมกันเพียงแค่สั้น ๆ ต่างตกหลุม รักและมีความปรารถนาต่อกันได้ขนาดนี้

29

เครมาเป็นเมืองเล็ก ๆ ในจังหวัดเครโมนา มีประชากรอาศัยอยู่เพรยง 35,000 คน บรรยากาศเงียบสงบเช่นนี้จึงเหมาะสำหรับ การมาพักผ่อนตากอากาศและหาแรงบันดาลใจ ย้อนไปในอดีต เมืองนี้เคยถูกปกครองโดย Gian Galeazzo Visconti ดยุกแห่งมิลานใน ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 14 หลังจากนั้นเครมาก็ ถูกควบรวมเป็นส่วนหนึ่งของสาธารณรัฐเวนิส ตั้งแต่ปี 1449 เป็นต้นมา ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่ เครมาได้รับอิทธิพลในการพัฒนาหลาย ๆ ด้าน ทั้งสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น อย่างป้อมกำแพง เมืองที่ล้อมรอบเมืองไว้ในช่วงการขยายเมือง ในศตวรรษที่ 14 หรือพื้นที่สาธารณะอย่าง จัตุรัส Palazzo Comunale (1525-1533) และ Palace of Notaries ซึ่งปัจจุบันกลาย มาเป็น Bishop’s Palace ที่เปิดให้เข้าชมได้

หากใครอยากเดินทางมาตามรอยโลเคชั่นใน เมืองเครมาก็สามารถไปได้ครบโดยไม่ต้องใช้ เวลานานนัก เพราะสถานที่หลัก ๆ ทั้งหมดอยู่ ไม่ใกล้ไม่ไกลจาก Piazza Duomo แต่เสน่ห์ที่ เป็นจุดเด่นของเครมาคือบรรยากาศเมืองที่ อบอุ่น ให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากเมืองอื่น ๆ บวกกับวิถีชีวิตเรียบง่ายและแช่มช้าของชาว เมืองที่ยังคงใช้จักรยานเป็นพาหนะสัญจรหลัก ไม่ต่างจากภาพที่เราเห็นในภาพยนตร์เลย ทั้ง ภายในเมืองเองยังสะอาดสะอ้าน เดินได้ง่าย และผู้คนเป็นมิตรพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว ซึ่งหลังจากที่ Call Me By Your Name ออกฉายทั่วโลกในช่วงปี 2017-2018 จำนวน นักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองเครมาเพื่อมา สัมผัสเสน่ห์ของเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ก็เพิ่มขึ้น อย่างคาดเดาได้ (ในเดือนธันวาคม ปี 2017 หลังหนังฉายที่ยุโรป เครมามีปริมาณนักท่อง เที่ยวเพิ่มขึ้นกว่า 50 เปอร์เซ็นต์)

30

ถึงแม้ใน Call Me By Your Name จะฉาย ภาพความรักของเกย์ไว้อย่างชัดเจนและงดงาม แต่ภาพความโรแมนติกในเมืองเครมาอาจจะดู แจ่มชัดและเป็นไปได้สำหรับคู่รักต่างเพศเท่านั้น เครมาและเมืองอื่น ๆ ในแคว้นลอมบาร์เดียก็ยัง ไม่ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวที่เป็นมิตรสำหรับกลุ่ม คนที่มีความหลากหลายทางเพศนัก ด้วยสภาพ แวดล้อมชนบทบวกกับการที่ผู้อยู่อาศัยในชุมชน ยังมีแนวคิดอนุรักษนิยมอยู่มาก การเปิดรับคน และแนวคิดใหม่ ๆ นั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับ ผู้คนเหล่านั้น ซึ่งหากเทียบกับเมืองท่องเที่ยวอื่น ในประเทศอิตาลีอย่างปุลยา เนเปิลส์ หรือซิซิลี ที่บรรยากาศภายในเมืองอาจสนับสนุนให้ผู้คนมี แนวคิดที่เปิดกว้างจนติดอันดับเมืองที่เป็นมิตร กับกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศเช่นกัน กับมิลานและโรม เมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยผู้คน จากหลากหลายวัฒนธรรมแล้วนั้น เมืองเครมา อาจจะยังต้องการการผลักดันให้แนวคิดใหม่ ๆ เปิดกว้างมากกว่านี้

ในปี 2016 ประเทศอิตาลีอนุญาตให้คู่รักเพศ เดียวกันสามารถจดทะเบียนเป็นคู่ชีวิตได้เท่านั้น แต่ดูเหมือนว่ากฎหมายสมรสระหว่างคู่รักเพศ เดียวกันจะยังเป็นประเด็นที่ชาวอิตาลีต้องช่วยกัน ขับเคลื่อนและผลักดันกันต่อไป

31

Celebrities ทิโมธี ชาลาเมต์ เป็นนักแสดงชาวอเมริกัน-ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นหนึ่งในนักแสดงวัยรุ่นฮอลลีวูด (Hollywood) ที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างกว้างขวาง ทิโมธีเกิดเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 1995 เกิดและ เติบโตในนิวยอร์กย่าน Hell’s Kitchen ของแมน แฮตตัน เป็นครอบครัวศิลปินเนื่องจากทั้งลุงและตา เป็นผู้กำกับ รวมถึงป้าก็ทำงานเป็นโปรดิวเซอร์ทีวี ส่วนพ่อของทิโมธีเป็นบรรณาธิการของกองทุน ฉุกเฉินเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติและอดีตนักข่าว นิวยอร์กของเลอ ปาริเซียง แม่ของทิโมธีเป็นนาย หน้าอสังหาริมทรัพย์ที่ The Corcoran Group อีกทั้งยังเป็นอดีตนักเต้นบรอดเวย์ และพี่สาวของ ทิโมธีก็เป็นนักแสดง นักเขียนบท และผู้กำกับชาว อเมริกัน เรียกได้ว่า ทิโมธีได้ใช้ชีวิตอยู่ในโคจรของ วงการแสดงตั้งแต่เด็ก เมื่อตอนทิโมธีอายุ 12 ปี เขาได้มีโอกาสไปดูการ แสดง ‘The Dark Knight’ ที่ AMC Empire 25 ซึ่งการแสดงของ ฮีธ เลดเจอร์ (Heath Ledger) ทำให้เขามีแรงบันดาลใจเป็นอย่างมากในการเป็นนัก แสดง

ผลงานของ ทิโมธี ชาลาเมต์ ที่สามารถรับชมได้บน Netflix The King (2018)

Little Women (2019)

Call Me By Your Name ทำให้ทิโมธีมีชื่อเสียง โด่งดัง และ ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์ สำหรับนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมอีกด้วย ปัจจุบันทิโมธีมีผลงานปรากฏในจอภาพยนตร์ มากมาย ซึ่งเป็นสิ่งที่พิสูจน์ความสามารถและการ ทุ่มเทใน Passion ของเด็กหนุ่มคนหนึ่งได้อย่างไร้ ข้อกังขา

34

Celebrities

เจาะลึกวิธีการออกแบบของจูเลีย เพียซซานติ (Giulia Piersanti) ดีไซน์เนอร์เซลีน (Céline) ผู้รับผิดชอบสไตล์การแต่งตัวในภาพยนตร์ เรื่อง Call Me By Your Name ดีไซน์เนอร์ที่มี เซนส์ในเรื่องสไตล์แฟชั่นระดับ Pitch-Perfect จูเลีย เพียซซานติ (Giulia Piersanti) หญิงสาว ผู้ที่สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในโลกภาพยนตร์ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่ง Call Me By Your Name เป็นผลงานภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ต่อจากเรื่องแรกของเธอคือภาพยนตร์ของกัวดาญิโนเช่นกัน นั่นคือเรื่อง A Bigger Splash ซึ่งเป็นหนึ่งในหนัง Stylish Movies ของปี 2015 ส่วนงาน ปัจจุบันของเธอน่ะเหรอ? จูเลียเป็น Knitwear Designer ให้กับแบรนด์ เซลีน (ก่อนหน้านั้นเธอ ทำงานให้กับบาเลนซิเอก้า (Balenciaga), ดิออร์ ออมม์ (Dior Homme), และมิสโซนี่ (Missoni) ซึ่งประสบการณ์เหล่านั้นช่วยหล่อหลอมและเตรียมเธอให้พร้อมสำหรับหน้าที่นี้ และเป็น ไปตามคาด จูเลีย เพียซซานติเซ็นสัญญาและได้ร่วมงานกับกัวดาญิโนในภาพยนตร์อีก 2 เรื่อง ซึ่งได้แก่ ภาพยนตร์ เรื่อง Suspiria (2018) และ Bones and All (2022)

35

Call Me By Your Name นั้นเป็นภาพยนตร์ที่ เต็มไปด้วยฉากที่อยู่เหนือคำว่า ‘เสื้อผ้าเป็นเพียง เครื่องประดับ’ ฉากโคลสอัพในเรื่องนั้นไม่ได้ถูก ถ่ายจำกัดอยู่แค่กับตัวนักแสดงหากแต่กล้องยัง แพนจับอ้อยอิ่งอยู่บนกางเกงว่ายน้ำสีสดใสและ เสื้อเชิ้ตแบบ Billowy Button-Down ตลอด ด้วย ‘เสื้อผ้า’ โดยเฉพาะตัวที่สองหนุ่มชาลาเมต์ และแฮมเมอร์ใส่ เป็นเครื่องแบบที่เพอร์เฟกต์ ที่สุดสำหรับซัมเมอร์ที่อิตาลีในฝันของพวกเขา Call Me By Your Name เป็นภาพยนตร์จาก เทศกาล Sundance Film Festival และเป็นที่ โปรดปรานของทุกคนทันทีซึ่งในตอนนี้ได้เข้าชิง ในหลายสาขารางวัล รวมถึงเพิ่งได้รับรางวัลออ สการ์สาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยมอีก ในตอนที่ภาพยนตร์เข้าฉาย ดีไซนเนอร์คนดังก็ ทำให้เราเห็นขั้นตอนการทำงานของเธอได้ลึกซึ้ง มากขึ้น

Q1: การทำงานร่วมกันในขั้นตอนของการดีไซน์ เสื้อผ้าเป็นอย่างไรบ้าง? ทั้งในด้านของตัวผู้ กำกับเองและตัวนักแสดง? เราจะใช้การพู ดคุยกันถึงพื้นหลังของตัวละคร รวมถึงข้อมูลและเนื้อหาที่เราอยากจะสื่อออกไป เกี่ยวกับพวกเขาด้วย หลังจากนั้นฉันก็ทำการ วิจัยภาพกว้าง ๆ และดูเรื่องของโทนสี แล้วก็ เริ่มต้นหาชิ้นงานแบบวินเทจ ๆ เพื่อครีเอทลุค สำหรับคาแรคเตอร์ของตัวละครแต่ละตัวให้แมทช์ กับงานวิจัยอีกที และบางชิ้นก็ร่างจากโปรแกรม Scratch ในกรณีที่มีแบบที่ต้องการจะทำอยู่ในใจ แต่ไม่สามารถหาได้จากที่อื่น หลังจากนั้นเราจึง พู ดคุยถึงไอเดียของเรากับเหล่านักแสดงและ ลูก้าระหว่างการฟิตติ้ง

36

Q2: ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวพันอย่าง ลึกซึ้งและมีกลิ่นอายฤดูร้อนของอิตาลีในช่วงปี 1980's คุณสามารถสร้างลุคทั้งหมดทั้งมวลทั้ง เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายในภาพยนตร์เรื่องนี้ให้ สมบูรณ์แบบทั้งช่วงเวลาและสถานที่ได้อย่างไร?

Q4: เสื้อผ้าเพียงไม่กี่ชิ้นนั้นสำคัญกับบทเรื่อง และภาพยนตร์มาก คุณช่วยพู ดถึงชุดว่ายน้ำ ของโอลิเวอร์ที่เอลิโอเจอ และเสื้อเชิ้ตที่โอลิเวอร์ ให้เอลิโอเป็นของขวัญได้ไหม? คุณเข้าถึงเสื้อผ้า สองชิ้นนี้ได้อย่างไร?

Visual Research หรือการวิจัยเชิงภาพนั้น ส่วนหนึ่งมาจากอัลบั้มรูปครอบครัวของพ่อกับ แม่ฉันเอง โดยเฉพาะครอบครัวและเพื่อนของเอ ลิโอ และเช่นกันบางส่วนเอามาจากครอบครัวใน ท้องถิ่นในเมืองที่เราไปถ่ายทำจริง ๆ บางส่วน ของงานเอามาจากนิตยสารแฟชั่นและภาพยนตร์ ในช่วงเวลานั้น ฉันเติบโตมากับโรมและแอลเอ และเพราะอย่างนั้นฉันจึงเข้าใจถึงความต่างสุด ขั้วในแฟชั่นของสองคาแรคเตอร์ได้อย่างเต็มที่

คำบอกใบ้จากตัวหนังสือของอันเดร อาซิแมน (André Aciman หรือก็คือ Call Me By Your Name) คือการที่เอลิโอต้องการจะอ่าน อารมณ์ความรู้สึกของโอลิเวอร์ผ่านการเปลี่ยนสี ชุดว่ายน้ำที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นเราจึงเล่น กับตรงนั้นนั่นแหละค่ะ เสื้อผ้าอีกชิ้นหนึ่งที่นำมา จากหนังสือก็คือเชิ้ตแบบ Billowy” ซึ่งเขาให้เอลิ โอ ตรงนี้ที่ฉันอยากจะเล่นกับสัดส่วนของมัน เพื่อให้เสื้อเชิ้ตของโอลิเวอร์นั้นใหญ่และหลวม กว่าเมื่อเอลิโอสวม เพราะโอลิเวอร์นั้นมีรูป ลักษณ์แบบหนุ่มอเมริกันผู้สง่างามเมื่อเทียบกับ ทุก ๆ คนในเมือง

Q3: มันมีเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ ระหว่างตัวละคร เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายนั้น ช่วยขยายหรือสื่อถึงบุคลิกลักษณะและความ รู้สึกของตัวละครอย่างไรได้บ้าง? ทั้งหมดทั้งมวลนั้นผ่านการทำซ้ำ ๆ ในเรื่อง เครื่องแต่งกายแบบที่เราทำ มันมีกุญแจสำคัญ บางอย่างที่ทำให้เราสามารถจัดการในเรื่องของ สิ่งที่เราต้องการจะสื่อเกี่ยวกับพวกเขาได้อย่าง ชัดเจน จากตอนแรก ฉันอยากให้เครื่องแต่งกาย เป็นแบบที่บอกใบ้เป็นนัยมากกว่าจะนำเสนอไป ตรง ๆ และลุคจะต้องออกมาสมบูรณ์แบบโดยที่ ต้องไม่ถูกรบกวนด้วยช่วงเวลาและขัดขวางผู้ชม จาก “ความรู้สึก” และจากการสัมผัส ประสบการณ์ของเรื่องราวทั้งหมด เลือกชิ้นส่วน ที่เรายังรู้สึกถึงความเกี่ยวพันกันมาจากตู้เสื้อผ้า ในยุคปัจจุบันโดยที่ต้องไม่รู้สึกว่าเยอะมากเกินไป ฉันพยายามเลี่ยงความจำเจของยุค 80's ให้ได้ มากที่สุด แล้วฉันก็ยังอยากจะสื่อสารถึงความ เป็นฤดูร้อนอันร้อนแรงและความหลงไหล ปรารถนาอันซับซ้อนออกไปด้วย

Q5: เรื่องราวเบื้องหลังของกางเกงขาสั้นที่เอลิ โอชอบใส่คืออะไร? มีชิ้นไหนอีกไหมที่คุณชอบ เป็นการส่วนตัว? ฉันมองไปที่ช่างภาพของเราบรูซ เวเบอร์ (Bruce Weber) และจะเห็นเขาสวมกางเกงว่าย น้ำแบบนี้บ่อยมาก กางเกงแบบที่มีลายพิมพ์ เด่นๆ และสีซีดหน่อยๆ ที่เหมือนกับว่าใช้มาตั้งแต่ ฤดูร้อนในอดีตเหมือนกับว่ามันยังอยู่ในบ้านนั้น ตลอดมา เสื้อเชิ้ตที่เอลิโอสวมในฉากสุดท้ายนั้น เป็นชิ้นที่ฉันชอบมากที่สุดค่ะ ฉันชอบลายพิมพ์ บนผ้าและชอบที่จะได้เห็นว่าเขาแตกต่างออกไป แค่ไหนเวลาที่สวมมัน

37

Q6: จากการที่คุณไม่ได้เป็น Costume Designer มาก่อน อะไรเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับ คุณ ทั้งต่อตัวบทบาทตัวละครและงานของคุณ เอง?

Q7: การออกแบบแฟชั่นช่วยอย่างไรได้บ้างใน ส่วนการออกแบบเครื่องแต่งกาย? และการ ออกแบบเครื่องแต่งกายมีอิทธิพลต่องาน ออกแบบแฟชั่นของคุณบ้างหรือไม่?

ฉันรักการทำงานกับลูก้าและเหล่านักแสดงเพื่อที่ จะครีเอทลุคของคาแรคเตอร์และบอกเล่าเรื่องเล่า ของพวกเขาผ่านการแต่งกาย ลูก้าและฉันเป็น เพื่อนกันมาหลายปีแล้ว เราร่วมแชร์ความสนใจ หลาย ๆ อย่างด้วยกัน นี่เป็นงานที่อัศจรรย์และ สนุกมาก ๆ สำหรับฉันที่จะได้ทิ้งตัวลงดื่มด่ำกับ โลกของเขาและหลบหนีออกจากโลกในชีวิต ประจำวันของตัวเอง

ในฐานะของดีไซน์เนอร์ ฉันจะเคยสร้างสรรค์ ความจำใหม่หรือไม่ก็สร้างลุคที่เฉพาะเจาะจงไป เลย และฉันเคยทำแบบนี้ตลอดการวิจัยมาแล้ว ความรักในแฟชั่น ดนตรี ศิลปะและชีวิต เป็นแบบ เดียวกันกับที่ฉันใช้สร้างเสื้อผ้าให้กับคาแรคเตอร์ หรืออารมณ์ให้ตัวละครในภาพยนตร์ ฉันพบว่า ทั้งสองอย่างนั้นคล้ายกันมาก

38

ผลงานของ จูเลีย เพียซซานติ ที่สามารถรับชมได้บน Netflix A Bigger Splash นั้นเล่าเรื่องราวของร็อคเกอร์ สาวรุ่นใหญ่ มาริแอนน์ เลน ที่เดินทางไปพักผ่อนที่ เกาะพานเทลเลอเรีย เกาะเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในอิตาลี ร่วมกับ พอล แฟนหนุ่มรุ่นน้อง โดยเธอหวังว่ามัน จะเป็นการพักฟื้นตัวเองอย่างสงบ เพื่อเตรียมใจ กลับไปทำงานเพลงอีกครั้ง แต่แผนของมาริแอนน์ กลับต้องสะดุดลง เมื่อเธอได้เจอกับแขกที่ไม่ได้รับ เชิญอย่างแฮร์รี่ ชายผู้เป็นทั้งโปรดิวเซอร์และอดีต คนรักของเธอ ซึ่งแฮร์รี่ไม่ได้มาคนเดียว เขาได้พา เพเนโลปี ลูกสาวสุดเซ็กซี่มาพักผ่อนด้วย

A Bigger Slash (2015)

39

40

x

Celebrities จากกระแสของภาพยนตร์เรื่อง Call Me by Your Name ทั้งในต่างประเทศและไทย ปฏิเสธไม่ได้ว่านาทีนี้ชื่อของ สอง-สยมภู มุกดีพร้อม เป็นที่รู้จักในวงกว้างจากการเป็นผู้ กำกับภาพชาวไทยให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้กับฝีมือการถ่าย ทำด้วยฟิล์มที่ดึงเอาบรรยากาศและเสน่ห์ของเมืองเครมา เมืองเล็ก ๆ ทางตอนเหนือของอิตาลี มาถ่ายทอดด้วย เลนส์ 35 มม. ตัวเดียวตลอดการถ่ายทำ ซึ่งสยมภูบอกว่า เป็นงานยากและท้าทายที่มัดมือตัวเองด้วยข้อจำกัดนี้ แต่ รางวัลผู้กำกับภาพยอดเยี่ยมที่ได้รับจากงานประกาศรางวัล ภาพยนตร์อินดี้ของสหรัฐอเมริกาคงเป็นตัวการันตีที่ดีใน ความสำเร็จครั้งนี้ของเขา

Q1: คุณติดใจการถ่ายหนังด้วย ฟิล์มตั้งแต่เมื่อไหร่ โลกมันเริ่มเปลี่ยนช่วงที่กล้อง ดิจิทัล Red ออกมาใหม่ ๆ เราเป็น คนแรก ๆ ที่สนใจเรื่องดิจิทัลแล้วก ระโดดไปศึกษามัน หลังจากนั้นก็ได้ ถ่ายหนังไทยด้วยดิจิทัลอีก 2 – 3 เรื่อง แล้วเราค้นพบว่าเราไม่พอใจ ตอนที่เฟอร์ดินันโด โปรดิวเซอร์ ร่วมจากลุงบุญมีระลึกชาติ ติดต่อ ให้เราถ่ายเรื่อง Antonia คราวนี้ มันต้องมีกระบวนการทดลองถ่าย ในโลเคชันจริง เราก็สั่งกล้องอเล็ก ซ่ามาถ่ายด้วยเลนส์ชุดนึง และขอ เอากล้องฟิล์มมาด้วยและถ่ายด้วย เลนส์ชุดเดียวกันนี่แหละ ตอนถ่ายก็ ตั้งกล้องคู่กัน เฟรมเดียวกัน ถ่าย ด้วยกล้องอเล็กซ่าทีนึง ถ่ายด้วย ฟิล์มทีนึงด้วยแสงเดียวกัน ด้วย วิวแบบเดียวกัน พอกระบวนการ ทุกอย่างเสร็จส่งให้เฟอร์ดินันโดดู เขาก็ไปฉายดูกันที่โรงหนังในมิลาน แล้วแจ้งกลับมาว่าเขาจะถ่ายฟิล์มนะ เราก็ดีใจ หลังจากนั้นเราก็ถามว่า ทำไมถึงเลือกฟิล์ม เขาตอบว่าดูปุ๊บ ก็เป็นเอกฉันท์โดยที่ไม่ต้องถกเถียง กันเลยว่าเพราะอะไร หลังจากนั้นผม ตัดสินใจเลยว่าผมไม่ถ่ายดิจิทัลแล้ว จะถ่ายแต่ฟิล์ม สำหรับภาพยนตร์นะ แต่ถ้าโฆษณาก็ถ่ายหมด คนเราก็ ต้องเลี้ยงชีพ

42

Q2: เสน่ห์ของการถ่ายด้วยฟิล์มคืออะไร

Q3: พอคุณตั้งเงื่อนไขว่าต้องถ่ายด้วยฟิล์มแล้ว

มันเป็นเครื่องมือที่เราเลือกเท่านั้นเอง เพราะว่าถ้า เป็นกล้องดิจิทัล ผมจะจัดการกับสิ่งที่เกิดหน้า กล้องได้ไม่ดีพอ เวลาดูเฟรมดิจิทัลเรารู้สึกเป็นแค่ ภาพ (image) ไม่รู้สึกตอบสนองกับมันในระดับที่ ละเอียดได้ มันถีบเราออกจากตัวภาพยนตร์ แม้บางทีถ่ายเฟรมนิ่งๆ เราก็อิน เอาตัวเองเข้าไป แต่สักพักนึงอะไรสักอย่างก็เด้งเราออกมาจาก หนัง มันเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ว่าเราควบคุมไม่ได้ อีกอย่างนึงคืองานที่เราต้องถ่ายเป็นธรรมชาติ เสียส่วนใหญ่ เป็นเหตุผลที่ทำให้ต้องเลือกถ่าย ฟิล์มเลยนะ ใช้เลนส์กว้างเพื่อถ่ายเก็บรายละเอียด ใบไม้ที่มีเต็มไปหมดเลย ซึ่งดิจิทัลมันเจ๊ง hold ไม่ได้ มันไม่ได้รายละเอียดขนาดนั้น ถ้าใบไม้นิ่ง ๆ คงโอเค แต่พอเริ่มไหวนิดนึง โห พิกเซลมันไม่ทัน แล้วเนื่องจากรายละเอียดของต้นไม้แต่ละใบมีสีไม่ เหมือนกัน ก็เป็นเรื่องของเทคนิค

จัดการตัวเองยังไงบ้าง เพราะหนังส่วนใหญ่ก็ถ่าย ด้วยดิจิทัลเป็นส่วนใหญ่ และเหมือนฟิล์มจะแพง กว่าด้วย ไม่ได้แพงกว่า แต่กระบวนการอาจจะ เยอะกว่า นายทุน ผู้กำกับหนังเลยชอบดิจิทัลเพราะ แก้ง่ายกว่า จริง ๆ จะถ่ายฟิล์มหรือดิจิทัลมันควร เหมือนกันตรงที่เราต้องทำให้โปรดิวเซอร์หรือคนที่ ทำงานต่อจากเรารู้สึก comfortable กับการ จัดการสิ่งนี้ เพราะไม่งั้นเขาจะไม่เลือกไง ถูกไหม เราก็เลยใช้วิธีการต่าง ๆ นานาที่จะทำให้งานเขา โฟลวที่สุด อย่าง Call Me by Your Name มันโฟลวมากในแง่ของฟิล์มโลจิสติกส์ ทีมงานก็ เลยมีทักษะและความเข้าใจในการทำงานกับฟิล์ม มาก เพราะฉะนั้นเรื่อง Call Me by Your Name ก็เลยไม่ต้องคุยอะไรมากเพราะเขาเข้าใจว่าเราจะทำ อะไร

43

Q4: งานกำกับภาพของคุณมีจุดร่วมคือการถ่ายซีน ธรรมชาติ ใช้ระยะภาพให้ดูเหมือนสายตาจริง ๆ คือ เราคิดว่า fact ในโลกนี้ที่สุดจริง ๆ มันเป็นเรื่อง ธรรมชาติ ไม่ใช่เรื่องที่คนคิดขึ้น ไม่ว่าเราจะพู ดถึง อะไรก็ตาม สุดท้ายมันจะกลับไปที่รากของมันจริง ๆ ที่เป็นเรื่องของธรรมชาติ เราไม่ได้จำกัดงานตัวเอง ว่าเป็นสไตล์ไหนเพราะคิดว่า genre ไม่มีจริง genre อาจเป็นเรื่องหลังจากนั้นมากกว่า อาจมีจริง ในแง่ของโลกการตลาดแต่เนื้อหาต่างหากที่สำคัญ ที่สุด การทำหนังไม่ได้เริ่มจากกล้อง มันเริ่มจาก มนุษย์กับสิ่งแวดล้อมที่เขาอยู่ กล้องไม่ได้อยู่ในนั้น จริง แต่กล้องต้องพาคนเข้าไปตรงนั้น อาจจะมีบาง เรื่องที่เริ่มจากกล้องเพราะมันเป็นองค์ประกอบทาง เทคนิคก็ว่ากันไป แต่ภาพยนตร์เริ่มจากความเป็น จริงของเรื่องราว มันแปลว่ามนุษย์คนหนึ่งมีความ สัมพันธ์อย่างไรกับสถานที่แห่งนั้น แล้วมันจะพาเรา ไปเห็นเองว่าเราต้องตั้งกล้องตรงนี้ ต้องทำตรงนี้ มันอาจไม่ได้ใช้ทั้งหมดหรอกเพราะมันมีการตัดต่อ ด้วยไง เพราะฉะนั้นจุดเริ่มไม่ได้มาจากกล้อง กล้อง มันมาเพื่อบันทึกตรงนั้นเพื่อเอาไปทำซ้ำเผยแพร่ เท่านั้น

Q5: คุณวางแผนก่อนถ่ายทำไว้แค่ไหน เห็นภาพในหัวทั้งหมดก่อนจะถ่ายหรือเปล่า ตั้งแต่ตอนเตรียมโปรเจกต์ เราจะคิดเป็น ภาพรวมว่าจะทำอะไร ไม่ทำอะไร เช่น เรา อยากได้หนังสไตล์ 70s เราก็ต้องใช้ อุปกรณ์ที่เป็นของยุค 70s เพื่อให้ได้ วิญญาณแบบนั้น เราก็ต้องต่อสู้ภายใต้ กรอบข้อจำกัด แต่บางอย่างก็ต้องเปลี่ยน ตอนอยู่หน้างาน บางอย่างก็ดื้อไม่เปลี่ยน ผ่อนหรือไม่ก็ผ่อนผันมันขึ้นอยู่กับสไตล์ที่ หน้างาน แต่ถ้าถามผมโดยทั่วไป 50 - 50 ครับ เราขอเวลาบ่าย 2 โมงครึ่ง เพราะ เวลานี้ตรงนี้มันสวย แต่เป็นไปไม่ได้เสมอที่ มันจะ 2 โมงครึ่ง 4 โมงอาจจะยังไม่มาเลย

44

Q6: หน้าที่ของผู้กำกับภาพที่ดีสำหรับคุณคืออะไร Q7: โอกาสที่คนไทยจะได้ไปทำงานในระดับฮอลลีวูด มีมากน้อยแค่ไหน เราต้องแปลความคิดในหัวของผู้กำกับออกมาเป็น เชิงเทคนิคให้ได้ เพราะสุดท้ายไม่ว่าผู้กำกับจะพู ด ต้องยอมรับว่าโอกาสที่คนไทยจะได้กำกับหนังต่าง อะไรมา เราต้องแปลงมันเป็นวิธีที่จะถ่าย ถึงจะ ประเทศมันมีไม่เยอะ แต่ช่างเทคนิคที่มีฝีมือต่างหาก พู ดอะไรมาไม่รู้ แต่เราต้องรู้ล่ะว่าฉากนี้จะใช้ดอลลี่ ถึงจะได้ไป สุดท้ายแล้วไม่มีใครปิดโอกาสใครหรอก สามรางจบแล้วก็ต้องรับผิดชอบหน้าที่ตัวเองให้ ในโลกนี้ เพียงแต่ว่าก็เป็นทั้งเรื่องดวง ทั้งเรื่องตัว ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ผมขอย้ำว่าร้อยเปอร์เซ็นต์ ตนของเรา โอกาสที่เราได้ไปทำงานต่างประเทศ หมายความว่าทุกอย่างถ้าเป็นงานด้านนี้เมื่อมันมา เนี่ยมีหลักการเดียวคือเราไม่ได้พยายามจะเป็นอะไร ถึงเรา เราก็ต้องจัดการมันให้ได้ ถ้าไม่ได้ด้วย เราเป็นตัวเรา สิ่งนี้ต่างหากที่วงการภาพยนตร์ใน เหตุผลอะไรก็ต้องตอบได้ ไม่เอางานของตัวเองให้ โลกนี้ต้องการ ความเป็นตัวตนของตัวเรา คุณ เป็นอุปสรรคกับงานของคนอื่นหรือฝ่ายอื่น เช่น ทำงานทุกครั้งคุณจะเอาแต่เรเฟอเรนซ์มาวางแล้ว คุณจะตั้งไฟไว้ทำไมวะ นักแสดงจะเดินผ่าน ทำตาม มันจะเป็นอย่างนั้นตลอดไปเหรอแต่สุดท้าย ก็ไม่มีอะไรผิดอะไรถูกหรอก แล้วแต่วิธีการของใคร ของมัน

45

Q8: แล้วคุณเองมีคนที่เป็นต้นแบบหรือเปล่า สมเด็จพระสัมมาสัมพุ ทธเจ้า จริง ๆ นะไม่ได้พู ด เล่น เราคิดว่านั่นคือข้อเท็จจริง คือความจริง คือทุกอย่าง ส่วนอื่นเป็นแค่องค์ประกอบในโลก เท่านั้นเอง แต่ถ้าให้ตอบเฉพาะเรื่องภาพยนตร์ เราชอบงานเก่า ๆ ของ อังเดร คอนชาคอฟสกี้ สัตยาจิต เรย์ วิลเลี่ยม ไวเลอร์ ชอบหนังเก่า ๆ ซึ่งเราก็ตอบไม่ได้ว่าทำไมเราค่อยๆ หนีจากหนัง ร่วมสมัยมากขึ้นเรื่อย ๆ

Q9: ในสายตาของคุณ คิดอย่างไรกับอุตสาหกรรม ภาพยนตร์ไทยในปัจจุบัน ร่อแร่มากครับ มันเกิดจากว่าพวกเราอาจจะยอมให้ ภาพยนตร์เป็นพาณิชยศิลป์จนไม่เปิดโอกาสให้มี แบบอื่นเกิดขึ้นมา ทุนที่เป็นพาณิชยศิลป์ธรรมชาติ มันเป็นแบบนั้นผิดไหม ก็ไม่ผิด แต่ประเด็นคือเรา มองภาพยนตร์เป็นอะไรล่ะ เป็นสินค้าหรือวัฒนธรรม

สำหรับผม ภาพยนตร์เป็นวัฒนธรรม การที่เรามีศิลปะภาพยนตร์ที่พู ดภาษาไทย โอ้โห สำหรับผม คือเรื่องยิ่งใหญ่มากเลยนะ มันจะมีกี่ภาษากันในโลกภาพยนตร์ซึ่งไม่ได้เยอะเท่าจำนวนภาษาที่มีจริง ๆ แล้วหนังเราเป็นหนึ่งในไม่กี่เรื่องที่พู ดภาษาไทย นี่ไม่ใช่วัฒนธรรมเหรอ ถ้าเราปล่อยให้ภาพยนตร์ เป็นไปตามกระบวนการของตลาดจนมันไม่เปิดโอกาสให้อย่างอื่นเกิดขึ้น ทุกอย่างมันก็จะถูกคิดอยู่ ในกรอบนั้นเสมอ กลายเป็นสินค้า ถ้าเราเปิดโอกาส มันก็จะมีงานประเภทอื่นเกิดขึ้น

46

It's a Summer Film! (2020) 47

It’s a summer film! (เกือบจะไม่ได้) ฉายแล้ว หน้าร้อนนี้!

(2020)

“ภาพยนตร์เป็นเหมือนไทม์แมชชีน บางสิ่งที่ทำไว้ในอดีตจะถูกส่งไปถึง ใครสักคนในอนาคต” “It’s Summer Film! (เกือบจะไม่ได้) ฉายแล้ว หน้าร้อนนี้” ฉายในปี 2021 โดยในปัจจุบัน สามารถรับชมได้ทาง Netflix พร้อมคำ บรรยายและเสียงภาษาไทย ภาพยนตร์เขียน บทและกำกับโดยนาโอยูกิ มิอุระ (Naoyuki Miura) และโซซิ มัตสึโมโตะ (Soushi Matsumoto) โดยทั้งสองผู้กำกับต่างอยู่ใน แวดวงการผลิตสื่อญี่ปุ่นมานาน โดยมีผลงาน ทั้งมิวสิกวิดิโอ ละครโทรทัศน์ และหนังสั้นมา ก่อน It’s Summer Film (เกือบจะไม่ได้) ฉายแล้ว หน้าร้อนนี้ เป็นผลงานร่วมกันที่ผลิตออกมา เป็นรูปแบบภาพยนตร์ครั้งแรกของทั้ง 2 ผู้ กำกับ ท่ามกลางกระแสภาพยนตร์ในญี่ปุ่นที่ กำลังนิยมแนวรักโรแมนติก ทำให้ภาพยนตร์ แนวอื่นๆ ที่มีลักษณะเฉพาะหรือแหวกแนวมัก ไม่ได้รับความนิยมนัก จึงทำให้กลุ่มคนที่มี ความชอบหรือความใฝ่ฝันที่มีลักษณะยูนีค หรือพิเศษโดยแตกต่างจากกระแสหลักไม่ได้มี พื้นที่มากพอในการแสดงออก ทั้งนาโอยูกิและโซซิจึงอยากขยายพื้นที่ให้กับ กลุ่มคนเหล่านี้ผ่านภาพยนตร์ที่พวกเขาร่วม กันสร้างขึ้น ซึ่ง It’s a Summer Film! เล่า เรื่องราวผ่านกลุ่มวัยรุ่นใน “ชมรมภาพยนตร์” ซึ่งนำเสนอความฝันของกลุ่มคนนอกกระแส หลัก โดยความฝันของกลุ่มคนเหล่านั้นยังคง เฉิดฉาย และทรงคุณค่าอย่างข้ามเวลาเสมอ

48

“เราจะจดจำหน้าร้อนนี้.. แล้วส่งต่อไปยังอนาคต บันทึกช่วงวัยของเราบนแผ่นฟิล์ม!” หากพู ดถึงฤดูร้อนในประเทศญี่ปุ่นแล้ว เรามักจะนึกถึงภูมิอากาศที่สดใส ให้ภาพ ของเหล่าผู้คนที่ออกมาข้างนอกเพื่อท่อง เที่ยวรับแสงแดด และการได้ออกมาสร้าง รู้สึกดีๆ กับคนรู้ใจ เช่นเดียวกับ “เท้าเปล่า” (Barefoot) หญิงสาวมัธยมปลายผู้คลั่งไคล้ในหนัง ย้อนยุคและหนังซามูไร เธอได้ทุ่มเทช่วง เวลาฤดูร้อนกับเพื่อนๆ ในการสร้างหนัง ย้อนยุคเพื่อประกวดในเทศกาลโรงเรียน แต่เมื่องบของชมรมที่เธอสังกัดอยู่นั้นมี งบเพียงพอสำหรับการสร้างหนังเพียง

เรื่องเดียวเท่านั้น และคนส่วนใหญ่ในชมรมก็เท ใจให้กับการสร้างหนังรักโรแมนติกอันเป็นที่นิยม ในสังคมญี่ปุ่น ด้วยพลังใจและสปีริตที่จะสร้างหนังซามูไรที่มาก ล้น จึงทำให้เธอไม่สามารถยอมแพ้ได้ เท้าเปล่า (Barefoot) พร้อมกับเพื่อนๆ ทั้ง “โฟมว่ายน้ำ (Kickboard)” และ “บลูฮาวาย (Blue Hawaii)” จึงร่วมแรงร่วมใจกันหาทีมสร้างหนัง ในช่วงฤดูร้อนนี้ ซึ่งมีชื่อเรื่องว่า “ซามูไรวัยละ อ่อน (Samurai Spring)” เพื่อที่จะแสดงความ สามารถอันเกิดจากแรงบันดาลใจและความ ใฝ่ฝัน และเพื่อบันทึกความสนุกและความทรงจำ อันล้ำค่าในวัยมัธยมของพวกเธออย่างเต็มที่

49

โซซิ (ผู้กำกับ) ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับความ หลากหลายของเด็กวัยรุ่นมัธยมปลายไว้ว่า “อาจมีเด็กม.ปลายบางคนที่อาจรู้สึกไม่เป็น ส่วนหนึ่งกับปรากฏการณ์หนังรักทุกหย่อม หญ้าครั้งนี้ เพราะแทบไม่มีพื้นที่ให้พวกเขาได้ แสดงออกถึงความชื่นชอบที่หลากหลายเลย โซชิจึงตั้งใจให้ตัวละครหลักในเรื่องชอบหนัง ซามูไรย้อนยุค เพื่อให้หนังเรื่องนี้โอบรับความ ชอบที่อยู่นอกสายตาเอาไว้ เขาเผยว่าอยากให้ คนที่ดูงานชิ้นนี้เห็นพลังของสิ่งที่เราชอบว่า มันมีความหมายกับคนคนหนึ่งขนาดไหน”

ผู้กับกับชื่อดังอย่างเต๋อ นวพล เจ้าของผลงาน Fast&Feel Love ยัง แสดงความคิดเห็นหลัง จากชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ไว้ว่า “ชอบมากเลย คือดูด้วยความไม่รู้อิโหน่อิเหน่เลยนะ กับตอนแรกเกือบจะไม่ดูแล้วด้วยซ้ำเพราะคิด ว่าน่าจะเป็นหนังญี่ปุ่นที่เราเคยดูไปแล้วบ่อยๆ / ตอนแรกดูๆไป อะไรวะ อีกละ ตอนกลาง เฮ้ย โอ เคนี่ ตอนจบ โอ้ ดีจัง ชอบใจ แต่ต้องบอกว่า เราชอบมันแบบที่ไม่รู้ว่าจะเหมือนคนอื่นชอบรึเปล่า (ยังไม่ได้อ่านของคนอื่น) คือ เราชอบเพราะมันคือบทบันทึกหนังญี่ปุ่นทุกประเภทเข้าไว้ด้วยกัน ไล่ ไปตั้งแต่ หนังซามูไร หนังลูสเซอร์สู้เพื่ อฝัน หนังรักวัยรุ่นรุ่นพี่ คะ หนังโรแมนติคที่ต้องพบกับการ จากลาแบบญี่ปุ่นๆในตอนท้าย หนังรักสามเส้าแบบแอบมองกันรู้กันเอง หนังไซไฟติงต๊องแบบไม่ สนเหตุผลใดๆ เราชอบมากเพราะมันอาจจะได้ดูหนังเรื่องนี้ถูกจังหวะถูกเวลา ในยุคสมัยที่การดู หนังเริ่มจะกลายเป็นสงครามรสนิยมที่เอ๊กซ์ตรีมทะลุชีวิตส่วนตัว หนังเรื่องนี้บอกเราว่า ภาพยนตร์ คือจุดที่พามนุษย์อันหลากหลายให้เชื่อมถึงกัน เราซามูไร เธอรอมคอม เราก็อยู่ด้วยกันได้นะใน ความมืดของโรงหนัง”

50

“ฤดูร้อน กับการล่าความฝันของวัยรุ่น” ในภาพยนตร์ It’s summer film! ได้นำเสนอ เกี่ยวกับความฝันของวัยรุ่นมัธยมปลายในช่วง ฤดูร้อน ซึ่งเป็นวัยที่กำลังมีความฝันที่เบิกบาน และเป็นวัยที่กำลังค้นหาตนเองในช่วงเวลาดีๆ จะสังเกตได้ว่าวัฒนธรรมช่วงฤดูร้อนใน ประเทศญี่ปุ่นมักปรากฏควบคู่กันกับ “การ เติบโต” ของวัยรุ่น ซึ่งความสอดคล้องกับ บทความ Why summer is the perfect setting for comimg-of-age books ของ โรส ดอวน์ตัน (Rose Downton) เธอชี้ว่า เมื่อเราเกิดความโหยหาอดีตมักจะเป็นอดีตที่มี ฉากเป็นช่วงฤดูร้อน ซึ่งเป็นความทรงจำที่เรา มักหวนกลับไปบ่อยครั้ง

ด้วยแสงแดดที่แผ่ความร้อนมันนำพาให้ทุก อย่างฝังอยู่ในความทรงจำอย่างลึกซึ้งและ เป็นถาวรในบางครั้ง ในช่วงฤดูร้อนนั้นยังมี แนวโน้มในการส่งผลต่อการเติบโต, การพบ รักครั้งแรก และการตระหนักรู้ในทุกๆ สิ่งว่า ภาพที่เราเห็นอาจไม่ใช่สิ่งที่มันเป็น อันเป็น ประสบการณ์ที่ทำให้เราเรียนรู้และเติบโต ภาพยนตร์ยังนำพาผู้ชมไปรู้จักกับ วัฒนธรรมและวิถีชีวิตในช่วงฤดูร้อนของวัย รุ่นชาวญี่ปุ่นที่ได้มารวมตัวกันเพื่อ สร้างสรรค์ผลงานอันล้ำค่าขึ้นด้วยหัวใจและ ความใฝ่ฝันที่มากล้น จะสังเกตได้ว่าตัวละคร มักจะพาตนเองออกมารับแสงแดดและ แสงแดดก็เป็นเหมือนองค์ประกอบหนึ่งที่ สร้างความสดใสของวัยรุ่น และเป็นวิตามินที่ สร้างเสริมความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มเพื่อน

51

Ito : Tapestry (2020)

“ทะเลกับฤดูร้อน ในวัฒนธรรมญี่ปุ่น” ตัวละครได้เลือกถ่ายทำภาพยนตร์ในฉาก สุดท้ายที่ “ทะเล” โดยเป็นฉากที่สามารถใช้ เป็นองค์ประกอบสำหรับ “หนังรักวัยใส” และ “หนังซามูไร” จึงชี้ให้เห็นว่าทะเลเป็นพื้นที่แห่ง การสร้างความสุขกับคนรอบข้างในช่วงฤดู ร้อนสำหรับวัฒนธรรมญี่ปุ่น ซึ่งสอดคล้อง กับทุกๆ ยุคสมัย ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ปัจจุบัน หรือย้อนยุค “ทะเล” ยังเป็นองค์กระกอบสำคัญของ ภาพยนตร์ญี่ปุ่นในช่วงฤดูร้อนอยู่หลายเรื่อง เช่น “Ito : Tapestry” “The door into Summer” ในภาพยนตร์แอนิเมชั่น เช่น “Ocean Waves” “Josee,the tiger and thr fish” “When Marnie was there” “From up on Poppy Hill” เป็นต้น ซึ่ง สามารถรับชมได้ทาง Netflix แล้ววันนี้

Ocean Waves (1993)

Josee the tiger and the fish (2020)

52

Celebrity มาริกะ อิโต้ (Marika Itō) นักแสดงนำใน It’s a Summer Film! เธอได้สวมบทบาท ความเป็นผู้กำกับสาวน้อยช่างฝัน และเน้น การลงมือทำอย่างจริงๆ จังๆ ได้อย่างดี เยี่ยม มาริกะเดิมแล้วเป็นไอดอลนักร้อง ประจำวงโนกิซากะ โฟร์ตี้ซิกซ์ (Nogizaka46) เธอยังเป็นนักแสดงเจ้า บทบาทที่มีผลงานมิวสิกวิดิโออย่างใน เพลง วง Cody·Lee( ) และมีละครเวทีและการถ่าย แบบอยู่หลายผลงาน

異星人と熱帯夜 李

มีบทสัมภาษณ์ของโซซิที่กล่าวถึงเธอไว้ว่า Q : How did you cast Marika Ito in the role of Hadashi? She is from a group called, Nogizaka46, and what part of her sensibility seemed to be suitable for this role? When I listened to her song “Hajimarika (Beginning)” on YouTube, I found her very expressive woman. คำถาม : คุณคัดเลือกมาริกะ อิโต้มารับ บทบาทการแสดงในบท “ฮาดาชิ” ได้ อย่างไร เธอมาจากวงโนกิซากะ โฟร์ตี้ซิกซ์ อะไรทำให้คุณรู้สึกว่าเธอเหมาะสมกับ บทบาทนี้ ผู้สัมภาษณ์ได้ลองฟังเพลง “Hajimarika (Beginning)” ของเธอบน ยูทูปแล้วรู้สึกได้ถึงความสามารถที่มากล้น ของเธอ

S.M. : At Nogizaka46, where Marika Ito was belonged to, a short film called “Individual PV” was regularly made with each member as the main character. Among them, the work starring Miss. Ito has always been by far the most intriguing, and I have been paying attention as an actor from the beginning. Like you said, one of the decisive factors is the expressiveness shown in “Hajimarika (Beginning)”. In addition, Miss. Ito held a solo exhibition, talked with creators in magazines, etc. I knew that she was interested in creative works, so I thought that there was a part that could be connected with Hadashi in the this film, so I offered it. โซซิ (ผู้กำกับ) : ในวงโนกิซากะ โฟร์ตี้ซิกซ์ (Nogizaka46) ที่มาริกะสังกัดอยู่ได้มีการ เผยแพร่หนังสั้นเรื่อง “Individual PV” ซึ่งทำให้สมาชิกแต่ละคนได้แสดง คาแรคเตอร์ของตนเองออกมา โดยคุณอิ โต้เป็นคนที่ผมรู้สึกว่าเธอมีความโดดเด่น และน่าสนใจตั้งแต่ต้น อีกหนึ่งเหตุผลนั้น สอดคล้องกับคำถามของคุณที่ว่า “Hajimarika (Beginning)” ของเธอเป็น ผลงานที่ทำให้ผมรับรู้ได้ว่าเธอชอบที่จะ ทำงานในเชิงสร้างสรรค์ ซึ่งนั่นทำให้ผมได้ เลือกเธอมารับบทบาทนี้ในภาพยนตร์ It’s a Summer Film!

54

STYLES of

SUMMER

55

About Styles of SUMMER ในช่วงฤดูร้อนคงไม่มีอะไรดีไปกว่าการสนุกกับเสื้อผ้าที่หลากสีสัน หรือ เสื้อผ้า​ที่เปิดเผยเรือนร่างเพื่อรับแสงแดด ในฤดูนี้ยังเป็นฤดูที่ทำให้ผู้คนได้ เปิดเผยความเป็นตัวเองผ่านอัตลักษณ์ที่สะท้อนผ่านเครื่องแต่งกาย แม้ว่า ในแต่ละยุคสมัยจะมีเทรนการแต่งตัวที่แตกต่างกัน

โดยเทรนการแต่งกายที่ปรากฏผ่านภาพยนตร์และซีรีย์ที่นิตยสารฉบับนี้ได้ หยิบมานำเสนอนั้น ต่างความแตกต่างโดยปัจจัยทางวัฒนธรรม ที่มีความ สอดคล้องกับบริบทสังคมและสภาพภูมิอากาศ รวมถึงแตกต่างออกไปตาม ช่วงวัย และช่วงเวลาที่ภาพยนตร์และซีรี่ย์ได้เผยแพร่

Styles of SUMMER จะพาผู้อ่านไปสอดส่องกันชัด ๆ ว่าท่ามกลางสภาพ อากาศที่อบอวลไปด้วยแสงแดดของฤดูร้อนของแต่ละวัฒนธรรมนั้น ผู้คน จะเลือกใส่เสื้อผ้ากันอย่างไร

56

Styles of SUMMER

แฟนฉัน (My Girl) (2003) ประเทศเมืองร้อนอย่างไทย การสวม ใส่เสื้อผ้าที่สามารถพบเห็นได้อย่าง เด่นชัดคือ การสวมใส่เสื้อยืดแขนสั้น สีสันฉูดฉาด ซึ่งเอกลักษณ์ของ ภาพยนตร์แฟนฉัน เมื่อนึกตัวละคร หลัก จะเห็นภาพของน้อยหน่าสวม เสื้อสีส้ม กับเจี๊ยบสวมเสื้อสีฟ้าก็ขึ้น มาในหัวทันที ซึ่งเป็นการสวมเสื้อผ้าสี แจ่มใสให้เหมาะกับแสงแดดที่แจ่มจ้า และความสดใสของเด็ก ๆ

เมื่อกิจกรรมการละเล่นที่สนุกสนานของ เด็ก ๆ คือ การเล่นกลางแจ้ง จึงทำให้ การสวมเสื้อผ้าต้องมีความสะดวกสบาย อย่างการใส่เสื้อแขนสั้นหรือแขนกุด กางเกงขาสั้นที่สามารถระบายอากาศได้ดี อีกทั้งยังมาพร้อมกับสีสันสดใสเหมือน กับเด็ก ๆ ที่มีความน่ารักสดใสตามวัย

57

Styles of SUMMER

Stranger Things (2016-2022)

"แฟชั่น (Fashion) รับหน้าร้อน ยุค 80"

จุดเด่นของยุคนี้คือเน้นสีสันที่สดใสไป จนถึงสะท้อนแสง เป็นการแสดงออก ถึงความสนุกสนาน เข้าถึงง่าย

You can’t spell “America” without Erica. ชุดเอี๊ยมหรือจัมเปอร์ (Jumper) จัดเป็นเทรนด์ฮิต สำหรับเด็กในยุคนั้น เน้นสีที่สดใส่และหลากสีในตัว ประดับด้วยกำไลบีทที่ยังคงเอกลักษณ์ของยุคที่จะเน้น สีสันที่สดใสและหลากสีสันและ เพิ่มเสน่ห์โดยการติดสติ้ กเกอร์ (Stricker)บนหน้า

สำหรับสไตล์แม่ๆ จะนิยมสวมชุดว่ายน้ำสีทู โทน (Two tone) สดใสตัดกันได้อย่างลงตัว เพิ่มเสน่ห์ด้วยการทำผมหยิกฟู ตามเทรนด์ 80 และประดับด้วยสร้อยคอลูกปัดมุกและ ตุ้มหูขนาดใหญ่ที่กำลังเป็นเทรนด์ฮิตในยุคนั้น

แฟชั่นลายทาง เลือกแมทช์เสื้อยืดแบบ ลายชนลาย หรือ Print Over เน้นสีสดใส และ เพิ่มเครื่องประดับด้วยแว่นสีแดงแมทช์กับ สีเสื้อ ช่วยให้ดูมีลูกเล่นมากขึ้น

58

Styles of SUMMER

Call Me By Your Name (2017) เมื่อพู ดถึงหน้าร้อนแล้วก็คงจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะ ไม่กล่าวถึงเดรสหรือเสื้อลายดอกที่เป็นแฟชั่นที่มี จุดร่วมกันทั่วโลก ซัมเมอร์เมื่อไร เดรสและเสื้อ ลายดอกต้องเข้า! ทั้งสีสันที่จี๊ดจ๊าด และลวดลาย โดดเด่นสะดุดตา เสื้อผ้าลายดอกนี้จึงถือเป็น ไอเทมประจำหน้าร้อนไปแล้ว ซึ่งเสื้อผ้าลายดอกจะ เน้นลวดลายเล็ก ๆ สีสันสดใส แต่ก็มีให้เลือกใส่ หลากหลายสไตล์ และมีความ unisex ที่ผู้หญิง ใส่ได้ ผู้ชายใส่ดี

เสื้อผ้าสีสันสดใสสวยสะดุดตาก็เป็น อีกหนึ่งไอเทมประจำหน้าร้อน ยิ่งช่วง อากาศร้อนอบอ้าว ใส่เสื้อผ้าแขนยาว มิดชิดก็ดูจะไม่เข้ากับบรรายากาศ เท่าไรนัก หนุ่ม ๆ จึงนิยมใส่เสื้อเชิ้ตไม่ ติดกระดุมเพื่อรับลม ในขณะที่สาว ๆ ก็นิยมใส่เดรสแขนกุด หรือเสื้อกับ กางเกงแขนสั้นเพื่อระบายความร้อน จากอากาศที่แสนอบอ้าว

59

Styles of SUMMER

It's a Summer Film! (2020) การแต่งกายใน It's a Summer Film! นั้น แน่นอนว่าสำหรับ ภาพยนตร์ High School ต้อง พลาดไม่ได้ที่ตัวละครจะสวม เครื่องแบบนักเรียนญี่ปุ่นอันมี ความเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเป็น เครื่องแบบที่เป็นเครื่องบันทึก ความทรงจำดีๆ เกี่ยวกับการ เติบโตช่วงวัยรุ่น และรอยยิ้มใน วัยเรียนเอาไว้ และเป็นการสร้าง เสริมการหวนคืนอดีตสำหรับผู้ อ่านที่อาจนึกย้อนไปในวัยเรียน อีกด้วย ในช่วงฤดูร้อนสำหรับ "ชมรม ภาพยนตร์" ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ ตัวละครได้ใช้ไปกับการ สร้างสรรค์ภาพยนตร์ซามูไร ย้อนยุคที่ตนเองคลั่งไคล้ ตัว ละครได้เลือกใส่เสื้อผ้าที่เน้น ความสะดวกสบายในการ ขยับเขยื้อนร่างกาย และ สามารถระบายความร้อนได้ดี อย่างเสื้อยืดสบายๆ และคง ความเยาว์วัย

60

TASTES of

SUMMER

61

About Tastes of SUMMER ฤดูร้อนในแต่ละวัฒนธรรมมีวิถีการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันออกไป แต่สิ่งหนึ่ง ที่สำหรับในบางวัฒนธรรมนั้นก็มีวัฒนธรรมด้านอาหารและเครื่องดื่มที่อาจ หาทานได้เฉพาะในช่วงฤดูร้อน ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากปัจจัยทางภูมิศาสตร์ และ ความเหมาะสมที่จะทานในช่วงเวลานี้

ในช่วงฤดูร้อนสำหรับบางประเทศมีอุณหภูมิที่สูงจัด ซึ่งทำให้วัฒนธรรม อาหารและเครื่องดื่มเน้นในเรื่อง "การดับร้อน" และอาหารบางประเภทยัง สามารถให้พลังงานที่เพียงพอสำหรับการเจอแดด และการดื่มเครื่องดื่มที่ให้ วิตามินซีสูงในช่วงเวลานี้ยังทำให้ผิวกายเปร่งปรั่งท่ามกลางแสงแดดอีก ด้วย

Tastes of SUMMER จะพาผู้อ่านไปสอดส่องกันชัด ๆ ว่าท่ามกลางสภาพ อากาศที่มีความร้อนแผ่ไปทั่วในเวลากลางวัน ในแต่ละวัฒนธรรมทางอาหาร และเครื่องดื่มที่สะท้อนผ่านภาพยนตร์นั้นมีอะไรบ้าง

62

Tastes of SUMMER

แฟนฉัน (My Girl) (2003) "น้ำแข็งใส" เมนูดับร้อนของไทย ที่กลายเป็นเมนูที่ใคร ๆ ก็มักโหย หาในวันที่อากาศร้อน ทั้งความ หวานและเย็นชื่นใจ ที่มาพร้อม กับท็อปปิ้ งอย่างขนมปัง ลูก จาก เฉาก๋วย เพิ่มความอร่อยที่ ลงตัว เหมาะกับอากาศเมืองไทย ที่ร้อนระอุ ซึ่งแก๊งของแจ็คได้ ทานน้ำแข็งใสหลังเล่นแตะบอล ถือเป็นของหวานที่เด็ก ๆ ชื่น ชอบและยังเป็นเมนูที่ช่วยคลาย ร้อนได้ดีอีกด้วย

ในวันที่อากาศร้อนเกินกว่าจะออก ไปเล่นข้างนอกบ้าน การนั่งดูดน้ำ อัดลมขณะดูละครโทรทัศน์ก็เป็น อีกสิ่งหนึ่งที่เด็ก ๆ ทำเพื่อคลาย ร้อน น้ำอัดลมให้ความหวานซ่า ถึงใจและเพิ่มความสดชื่นให้กับ ร่างกาย จึงเป็นเครื่องดื่มแก้ร้อน ยอดฮิตที่คนไทยชื่นชอบ ซึ่งน้ำ อัดลมมีหลากหลายสีและหลาย รสชาติ ให้ได้เลือกตามความ ต้องการ

63

64

Tastes of SUMMER

Stranger Things (2016-2022) เครื่องดื่ม "Coca-Cola" หรือโค้กใน ปัจจุบันเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยให้สดชื่น ซาบซ่า ในหน้าร้อนนี้ได้ แม้ว่าในเรื่อง Stranger thing การดื่มเครื่องดื่ม ชนิดนี้ในยุค 80 จะเป็นไปเพื่อสนอง ระบบทุนนิยม จากการเลือกดื่มเครื่อง ดื่มมีย้อห้อแล้วจะช่วยให้ผู้ดื่มดูโก้ขึ้น ก็ตาม

ไอศกรีมซันเด (Ice-cream Sunday) รู้หรือไม่ว่ามีต้นกำเนิด มาจากวัฒนธรรมการกินเจลาโต ของอเมริกัน เป็นขนมหวานช่วย ดับร้อนได้ดี ด้วยความหวานและ ความเย็น ช่วยให้อารมณ์ดีและ สดชื่นไปพร้อมกัน มีหลาย รสชาติให้เลือกไม่ว่าจะเป็น วานิลา สตอเบอรี่ ช็อคโกแลต และรสชาติอื่นๆอีกหลากหลาย

Tastes of SUMMER

Call Me By Your Name (2017) ผลไม้ดับร้อนที่ปรากฏใน Call Me By Your Name ได้แก่ ลูกพีช ผลไม้รสหวานฉ่ำเกินห้ามใจ ลูกพีชนั้นมี หลายชนิด หลายสายพันธุ์ แต่แบ่งสายพันธุ์เป็นกลุ่ม ใหญ่ ๆ ตามสีของเนื้อในได้ 2 กลุ่ม คือ พีชขาวกับ พีชเหลือง ลูกพีชสด ๆ หลังจากที่เด็ดลงมาจากต้น จะอร่อยที่สุด ดังนั้นแล้วหากใครมีโอกาสไปเที่ยวตาม ประเทศที่ปลูกพีช อย่าลืมเพิ่มกิจกรรม เที่ยวสวนพีช พร้อมเก็บพีชสด ๆ ลงไปในโปรแกรมการท่องเที่ยว ของคุณด้วยนะ แล้วคุณจะติดใจกับรสชาติของพีชที่ หอมหวานสดใหม่ไปอีกนาน

เครื่องดื่มที่ปรากฏใน Call Me By Your Name ได้แก่ น้ำแอปริคอต เครื่องดื่มคลายร้อนที่เป็น เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ช่วยดับกระหายคลายร้อนมี สรรพคุณช่วยฟื้นกำลังและเพิ่มพลังให้แก่กล้ามเนื้อ มีเบตาแคโรทีน โพแทสเซียมและเหล็กสูง อีกทั้งยัง ให้วิตามิน บี 1 บี 6 ทองแดง โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แคลเซียม และเหล็ก

ส่วนผสมที่ใช้สำหรับทำเมนูน้ำแอปริคอตปั่ น เนื้อแอปริคอต น้ำเชื่อม 4 ช้อนชา น้ำแข็ง เกลือ 65

Tastes of SUMMER

It's a Summer Film! (2020) "น้ำผลไม้สำเร็จรูป" เป็นเครื่องดื่มที่ สาวกภาพยนตร์,ซีรี่ย์ และแอนิเมชั่น ญี่ปุ่นมักจะพบเห็นตัวละครดื่มมัน อยู่บ่อยครั้ง เช่นเดียวกับใน ภาพยนตร์ It's a Summer Film! ที่ในช่วงอากาศร้อนๆ อย่างในเวลา พักกลางวัน หรือตอนที่เพื่อนๆ มา รวมตัวกันเพื่อทำบางอย่าง มักจะมี ตัวละครที่กำลังเนียนๆ ดื่มเจ้าน้ำผล ไม้สำเร็จรูปนี้อยู่

ซึ่งผู้อ่านรู้หรือไม่ว่า ในอัตราการเลือก เครื่องดื่มสำหรับคนญี่ปุ่น มักจะกดน้ำ ผลไม้สำเร็จรูปจากตู้กดมาดื่มอย่างแพร่ หลาย เนื่องจากเป็นเครื่องดื่มยอดนิยม ยิ่งกว่าน้ำอัดลมเสียอีก เนื่องมาจากคน ญี่ปุ่นนั้นมีความตระหนักถึงเรื่อง สุขภาพสูง และให้ความสำคัญในการ Being Wellness อันเป็นนโยบาย ของรัฐบาลญี่ปุ่นที่ต้องการให้ประชาชน มีสุขภาพที่แข็งแรง นอกจากนี้ชาว ญี่ปุ่นยังต้องการวิตามินเพื่อมา บำรุงสุขภาพและผิวพรรณพร้อมกับ รสชาติที่อร่อยและสดชื่น

66

ซีรี่ส์/ภาพยนตร์ LGBTQ+ ที่สามารถรับชมได้บน

Sex Education

Heartstopper

First Kill

What did you eat yesterday?

Q - Force

Pose

มะลิลา

Moonlight

Ride or Die

Netflix E-Magazine ฉบับหน้าจะเป็นธีม LGBTQ+ เพื่อต้อนรับ Pride Mounth

67

SUMMER NETFLIX E-MAGAZINE

MUST WATCH ON SUMMER

ISSUE 01 2023 MARCH-MAY